‘เยอรมนี’ แห่ติด ‘โซลาร์เซลล์บนระเบียง’ ประหยัดค่าไฟฟ้า คืนทุนเร็ว

‘เยอรมนี’ แห่ติด ‘โซลาร์เซลล์บนระเบียง’ ประหยัดค่าไฟฟ้า คืนทุนเร็ว

ระบบโซลาร์เซลล์บนระเบียงกำลังได้รับความนิยมในเยอรมนี ติดตั้งไปแล้วมากกว่า 1 ล้านแห่ง ผู้เช่าสามารถเข้าถึงประโยชน์ของพลังงานหมุนเวียนได้

KEY

POINTS

  • ชาวเยอรมันนิยมติดตั้ง "โซลาร์เซลล์บนระเบียง" (Balkonkraftwerke) มากกว่า 1 ล้านแห่ง เนื่องจากติดตั้งง่ายแบบเสียบปลั๊กใช้งานได้ทันที และเหมาะสำหรับผู้เช่าที่พักอาศัย
  • ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยระบบขนาด 800 วัตต์ สามารถผลิตไฟฟ้าได้เพียงพอสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก เช่น ตู้เย็น และแล็ปท็อป ตลอดทั้งปี
  • มีต้นทุนการติดตั้งต่ำและคืนทุนเร็วภายใน 2.5-5 ปี เนื่องจากราคาที่ไม่สูง (400-800 ยูโร) ประกอบกับได้รับการสนับสนุนเงินอุดหนุนจากรัฐบาลท้องถิ่น

โซลาร์เซลล์บนระเบียง” กำลังบูมใน “เยอรมนี” โดยมีการติดตั้งไปแล้วมากกว่า 1 ล้านแห่ง เทรนด์นี้มีชื่อเรียกว่า “Balkonkraftwerke” (โรงไฟฟ้าริมระเบียง) โดยการติดตั้งก็ง่ายดาย เพียงแค่แขวนแผงโซลาร์จากระเบียงอพาร์ทเมนต์ หรือติดตั้งบนระเบียง หลังจากนั้นแค่เสียบปลั๊กแล้วใช้งานได้ทันที 

เมื่อเดือนมิ.ย. 2025 ตัวเลขการลงทะเบียนติดตั้งแผงโซลาร์บนระเบียงอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 975,582 แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ายอดรวมที่แท้จริงจะเกินหนึ่งล้านระบบ เมื่อนับการลงทะเบียนล่าช้าและระบบที่ผู้คนยังไม่ได้รายงานอย่างเป็นทางการ เทรนด์นี้ถือเป็นการปฏิวัติการผลิตไฟฟ้าใช้เองของชาวเยอรมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เช่าบ้าน แสดงให้เห็นว่าผู้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงพลังงานสะอาดได้อย่างง่ายดาย

ระบบโซลาร์เซลล์บนระเบียงของเยอรมันสามารถทำได้เองโดยไม่ต้องเรียกช่างไฟฟ้า โดยทั่วไปแล้วจะใช้แผงโซลาร์เซลล์สองแผงและไมโครอินเวอร์เตอร์ ซึ่งจะแปลงพลังงานจากดวงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในบ้าน อุปกรณ์ทั้งหมดเสียบเข้ากับเต้ารับไฟฟ้าที่ผนังทั่วไป เช่นเดียวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ

กฎระเบียบของเยอรมันจำกัดแต่ละระบบให้มีกำลังไฟระหว่าง 600-800 วัตต์ อาจฟังดูไม่มากนัก แต่ระบบ 800 วัตต์สามารถผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 760 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี เพียงพอสำหรับการใช้ตู้เย็น ชาร์จแล็ปท็อป เปิดไฟ LED และดูแลเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กอื่น ๆ ได้ตลอดทั้งปี

นอกจากนี้ การหันมาติดแผงโซลาร์เซลล์ยังช่วยให้ผู้บริโภคประหยัดลงได้มาก ระบบโซลาร์เซลล์ระเบียงเยอรมันมีราคาซื้อและติดตั้งอยู่ระหว่าง 400-800 ยูโร ส่วนอัตราค่าไฟฟ้าของเยอรมนีอยู่ที่ประมาณ 0.347 ยูโรต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง โดยทั่วไปแล้ว เจ้าของจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 2.5-5 ปี หลังจากนั้นไฟฟ้าที่ผลิตได้ก็จะแทบจะฟรีตลอดอายุการใช้งานที่ใช้ได้นานกว่า 20 ปี

ในปัจจุบันการจัดเก็บแบตเตอรี่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น โดยผู้ซื้อแผงโซลาร์เซลล์บนระเบียงในเยอรมนีที่ซื้อแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจาก 20% ในปี 2023 เป็น 40% ในปี 2025 เนื่องจากเห็นว่าแบตเตอรี่สามารถช่วยให้ผู้คนสามารถเก็บพลังงานแสงอาทิตย์สำรองไว้ในช่วงวันแดดออก และนำมาใช้ในเวลากลางคืนหรือในช่วงที่มีเมฆมาก ช่วยเพิ่มมูลค่าการลงทุนของพวกเขาให้สูงสุด

ก่อนที่จะมีระบบโซลาร์เซลล์บนระเบียงในเยอรมนี ผู้เช่า ซึ่งคิดเป็นมากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรของประเทศไม่มีทางที่จะได้รับประโยชน์จากพลังงานแสงอาทิตย์ได้เลย เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถติดตั้งระบบบนหลังคาบนทรัพย์สินที่พวกเขาไม่ได้เป็นเจ้าของได้ จนกระทั่งในปี 2024 ผู้เช่าได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายในการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์บนระเบียง ส่วนเจ้าของบ้านสามารถปฏิเสธการติดตั้งได้เฉพาะในกรณีที่มีความกังวลเรื่องความปลอดภัยหรือโครงสร้างที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น

การเติบโตของการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนระเบียง ส่งผลให้กำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในเยอรมนีเพิ่มขึ้นถึง 200 เมกะวัตต์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 และเพิ่มขึ้นแตะระดับ 94.6 กิกะวัตต์ ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2025 ในปัจจุบันระบบโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งบนอาคาร ทั้งบนหลังคาและบนระเบียง คิดเป็นเกือบ 60% ของกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ใหม่ทั้งหมดที่เพิ่มเข้ามาในช่วงต้นปี 2025

รัฐบาลส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ สนับสนุนระบบพลังงานแสงอาทิตย์เหล่านี้ พร้อมให้เงินอุดหนุนในการซื้อโซลาร์เซลล์ ซึ่งสามารถลดราคาไปได้หลายร้อยยูโร ยิ่งทำให้ระบบโซลาร์เซลล์บนระเบียงของเยอรมนีมีราคาถูกลงสำหรับผู้อยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็ทำให้กระบวนการลงทะเบียนง่ายขึ้นและช่วยให้การเชื่อมต่อกับกริดง่ายดาย ทำให้เยอรมนีเป็นหนึ่งในสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรที่สุดในยุโรปสำหรับระบบโซลาร์ปลั๊กอิน

ประเทศอื่น ๆ ก็เริ่มที่จะทำตามแล้ว เบลเยียมได้นำแผงโซลาร์เซลล์แบบ plug-and-play มาใช้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีการติดตั้งโดยมืออาชีพ ส่วนประเทศอื่น ๆ ในยุโรปกำลังปรับปรุงกระบวนการอนุมัติและสร้างนโยบายที่เอื้อต่อผู้เช่าเพื่อส่งเสริมการนำแผงโซลาร์เซลล์มาใช้ที่ระเบียง คาดว่าตลาดแผงโซลาร์เซลล์บนระเบียงยุโรปคาดว่าจะเติบโตจาก 500 ล้านดอลลาร์ในปี 2025 เป็น 1,800 ล้านดอลลาร์ในปี 2033 โดยมีอัตราการเติบโตต่อปี 15%

 

อย่างไรก็ตาม ประเทศในยุโรปบางประเทศยังคงเผชิญกับอุปสรรคด้านกฎระเบียบ ปัจจุบันสหราชอาณาจักรห้ามระบบโซลาร์ปลั๊กอินเนื่องจากกังวลเกี่ยวกับกฎระเบียบด้านความปลอดภัยและความสวยงามของอาคาร แม้ว่าทางการอาจทบทวนข้อจำกัดเหล่านี้ในเร็ว ๆ นี้ก็ตาม อีกหลายประเทศไม่มีกฎระเบียบที่ชัดเจนสำหรับผู้เช่าหรือผู้อยู่อาศัยในอพาร์ตเมนต์ ทำให้ไม่สามารถนำเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์บนระเบียงมาใช้ได้

เทรนด์ Balkonkraftwerke ช่วยเร่งการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานในเขตเมือง สร้างแรงบันดาลใจให้เพื่อนบ้านและชุมชนต่าง ๆ พิจารณาทางเลือกด้านพลังงานหมุนเวียนของตนเอง เมื่อผู้คนเห็นแผงโซลาร์เซลล์บนระเบียงอพาร์ทเมนต์ทั่วบริเวณละแวกบ้าน พลังงานสะอาดจะกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวและเข้าถึงได้มากขึ้น ลบภาพความยุ่งยากที่ต้องอยู่ในฟาร์มโซลาร์เซลล์อันห่างไกลเท่านั้น

เยอรมนีได้ประโยชน์ทางสิ่งแวดล้อมมากมายจากเทรนด์นี้ ระบบโซลาร์เซลล์ขนาด 800 วัตต์แต่ละระบบที่ผลิตไฟฟ้าได้ 760 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 310 กิโลกรัมต่อปี เมื่อเปลี่ยนมาใช้ไฟฟ้าจากโครงข่ายไฟฟ้าของเยอรมนี

ดังนั้น ระบบกว่าหนึ่งล้านระบบที่ติดตั้งทั่วเยอรมนีในปัจจุบันสามารถป้องกันการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 310,000 เมตริกตันต่อปี เทียบเท่ากับการนำรถยนต์ออกจากท้องถนนประมาณ 67,000 คันต่อปี หรือปริมาณการปล่อยคาร์บอนของครัวเรือนในยุโรปโดยเฉลี่ยประมาณ 34,000 ครัวเรือน

ระบบพลังงานแสงอาทิตย์บนระเบียงของเยอรมนีที่มีขนาด 1 ล้านระบบนี้จะช่วยป้องกันการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 7.75 ล้านเมตริกตันในช่วงอายุการใช้งาน 25 ปี หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพ ก็เหมือนกับการนำรถยนต์ 1.67 ล้านคันออกจากท้องถนนเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม หรือการป้องกันการปล่อยมลพิษจากการเผาไหม้ถ่านหิน 3.4 ล้านตัน

การติดตั้งโซลาร์เซลล์บนระเบียงช่วยให้เยอรมนีเข้าใกล้เป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศมากขึ้น โดยเฉพาะเป้าหมายที่จะบรรลุกำลังการผลิตไฟฟ้าโซลาร์เซลล์รวม 215 กิกะวัตต์ภายในปี 2030 ระบบโซลาร์เซลล์บนระเบียงทุกระบบของเยอรมนีมีส่วนช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลของประเทศ และแสดงให้เห็นว่าการผลิตพลังงานแบบกระจายศูนย์สามารถเสริมโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ได้ พร้อมช่วยให้พลเมืองรู้สึกมีส่วนร่วมในการลดภาวะโลกร้อนอย่างเป็นรูปธรรม

เยอรมนีมุ่งเป้าที่จะเพิ่มเป้าหมายการติดตั้งประจำปีเป็นสามเท่าเป็น 22 กิกะวัตต์ภายในปี 2026 โดยมุ่งหวังว่าระบบพลังงานแสงอาทิตย์บนระเบียงจะเป็นกำลังสำคัญในการบรรลุเป้าหมาย ควบคู่ไปกับการติดตั้งบนหลังคาและฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์ในระดับสาธารณูปโภค

ประเทศอื่น ๆ ในยุโรปกำลังจับตาดูความสำเร็จของเยอรมนี และเริ่มนำนโยบายและโปรแกรมจูงใจที่คล้ายคลึงกันสำหรับระบบโซลาร์บนระเบียงมาใช้ ข้อมูลดังกล่าวชี้ให้เห็นว่ากระแสพลังงานแสงอาทิตย์แบบปลั๊กอินอาจแพร่กระจายไปทั่วทั้งทวีป ทำให้ผู้ที่อาศัยในอพาร์ตเมนต์และผู้เช่าสามารถเข้าถึงพลังงานหมุนเวียนได้มากขึ้น 

ปรากฏการณ์ระเบียงพลังงานแสงอาทิตย์ของเยอรมนีแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยี นโยบาย และเศรษฐศาสตร์ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงพลังงานสะอาดได้ ด้วยการทำให้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นเรื่องง่าย ราคาถูกลง และได้รับการคุ้มครองทางกฎหมาย เยอรมนีได้สร้างรูปแบบที่เปลี่ยนระเบียงส่วนบุคคลให้กลายเป็นโรงไฟฟ้าขนาดเล็กพร้อมสนับสนุนเป้าหมายด้านพลังงานหมุนเวียนระดับชาติ

ความสำเร็จของระบบโซลาร์เซลล์บนระเบียงของเยอรมันแสดงให้เห็นว่าการติดตั้งพลังงานหมุนเวียนขนาดเล็กก็สามารถสร้างประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจได้อย่างมาก เมื่อนำไปใช้ในระดับขนาดใหญ่


ที่มา: GristHappy Eco NewsThe GuardianThe Washington Post