'เทคโนโลยีช่วยโลก' รังสรรค์อนาคตสีเขียวเพื่อความยั่งยืน

เทคโนโลยีขับเคลื่อนความก้าวหน้าของสังคมมนุษย์ในทุกมิติมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามมนุษยชาติต้องเผชิญกับวิกฤติ เทคโนโลยีมักจะเป็นตัวช่วยลำดับแรกๆ เสมอ
KEY
POINTS
- World Economic Forum (WEF) เปิดเผย 10 เทคโนโลยีใหม่ที่มุ่งแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและภาวะโลกร้อนเพื่อสร้างความยั่งยืน
- ตัวอย่างเทคโนโลยีเด่นที่กล่าวถึง ได้แก่ การนำเศษอาหารกลับมาใช้ประโยชน์อัตโนมัติ, การผลิตแอมโมเนียสีเขียวด้วยพลังงานสะอาด และการดักจับก๊าซมีเทนเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงาน
- นวัตกรรมเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก, ลดมลพิษจากขยะ, และส่งเสริมการใช้ทรัพยากรหมุนเวียน เพื่อให้มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างสมดุล
สวัสดีครับเทคโนโลยีขับเคลื่อนความก้าวหน้าของสังคมมนุษย์ในทุกมิติมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามมนุษยชาติต้องเผชิญกับวิกฤติ เทคโนโลยีมักจะเป็นตัวช่วยลำดับแรกๆ เสมอ
ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา World Economic Forum (WEF) ได้ออกรายงานข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ 10 เทคโนโลยีที่มาแรงเพื่อการรักษาสมดุลธรรมชาติของโลกให้ยังคงมีสภาพแวดล้อมเหมาะสมสำหรับสิ่งมีชีวิต (10 Emerging Technology Solutions for Planetary Health) ท่ามกลางปัญหาโลกร้อนที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน
รายงานนี้นำเสนอนวัตกรรมลดคาร์บอนในแต่ละภาคส่วน เพื่อแทนที่เทคโนโลยีเก่าอันไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เริ่มมีการใช้งานจริงแล้ว อีกทั้งผ่านการประเมินวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญว่าส่งผลเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ หรือสังคม
ในความคิดเห็นของผม หนึ่งในเทคโนโลยีดังกล่าวที่น่าจับตามองคือการนำเศษอาหารกลับมาใช้ประโยชน์ด้วยระบบอัตโนมัติ (Automated Food Waste Upcycling) โดย WEF รายงานว่าใน พ.ศ. 2565 เพียงปีเดียว ครัวเรือนทั่วโลกทิ้งเศษอาหารมากกว่า 1,000 ล้านตัน น่าเสียดายที่ส่วนใหญ่โดนเทรวมไปกับขยะประเภทอื่นในบ่อฝังกลบ แต่ขณะนี้ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์สามารถตรวจจับและจำแนกประเภทขยะด้วยการใช้แขนกลหยิบเศษอาหารอย่างเปลือกผลไม้หรือเศษผักออกจากกองขยะประเภทอื่นได้อย่างแม่นยำขึ้นในปริมาณมาก
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้เครื่องคัดแยกขยะอัตโนมัติมีขนาดเล็กลงในราคาที่จับต้องได้ จากที่เคยพบเพียงในโรงงานรีไซเคิลขยะขนาดใหญ่ ปัจจุบันพบเครื่องเหล่านี้ได้ตามหน่วยงานระดับท้องถิ่น อาทิ ศูนย์ทำปุ๋ย (Composting Hubs) ในเนเธอร์แลนด์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการแยกอาหารจากบรรจุภัณฑ์ ในขณะที่สหรัฐเริ่มใช้เครื่องคัดแยกอัตโนมัติขนาดย่อมตามร้ายขายของชำและสถาบันอุดมศึกษาเพื่อแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง
เป้าหมายหลักของการคัดแยกเศษอาหารคือนำไปหมักเป็นปุ๋ยหรือผลิตก๊าซชีวภาพอย่างเป็นระบบ ช่วยคืนแร่ธาตุและสารอาหารสู่ผืนดินตามวัฏจักรธรรมชาติ (Biogeochemical Flows) ทำให้หน้าดินอุดมสมบูรณ์เพียงพอสำหรับเพาะปลูกพืชโดยไม่ต้องพึ่งสารเคมีเกินความจำเป็น อีกทั้งเป็นการลดการปนเปื้อนมลพิษจากบ่อขยะที่ไม่ถูกหลักสุขาภิบาลตามชุมชนที่มีพื้นที่จำกัด
นอกจากนี้ อีกเทคโนโลยีที่น่าศึกษาเพิ่มเติมคือการผลิตแอมโมเนียสีเขียว (Green Ammonia) เนื่องจากเกษตรกรรมพึ่งพาปุ๋ยแอมโมเนีย แต่กระบวนการเคมีในการสังเคราะห์แอมโมเนียจากไนโตรเจนใช้ความร้อนสูง ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกจำนวนมาก ดังนั้นแอมโมเนียสีเขียว ก็คือการสังเคราะห์แอมโมเนียผ่านการแยกน้ำด้วยพลังงานหมุนเวียนแทนเชื้อเพลิงฟอสซิลแบบดั้งเดิม เป็นวิธีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น
ปัจจุบันมีการนำร่องการผลิตแอมโมเนียสีเขียวในมากกว่า 15 ประเทศ อาทิ โมร็อกโก ชิลี และญี่ปุ่น โดยคาดว่าประเทศที่อาศัยแอมโมเนียนำเข้าจะสามารถสังเคราะห์แอมโมเนียสีเขียวในท้องถิ่นด้วยน้ำทะเลที่แยกเกลือออกแล้วควบคู่กับพลังงานหมุนเวียน ช่วยลดความเสี่ยงด้านราคาผันผวนในการนำเข้าแอมโมเนีย ส่งเสริมการพึ่งพาตนเองตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน
เทคโนโลยีถัดไปที่น่าสนใจเช่นกันคือการดักจับและนำก๊าซมีเทนกลับมาใช้ประโยชน์ (Methane Capture and Utilization) มีเทนเป็นก๊าซที่กักเก็บความร้อนในชั้นบรรยากาศมากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 80 เท่าในระยะ 20 ปี การลดการปล่อยมีเทนจึงมีส่วนสำคัญในการลดภาวะโลกร้อน
แต่ในทางปฏิบัติ แหล่งกำเนิดมีเทนหลายแห่ง อาทิ บ่อหมักปุ๋ยอินทรีย์และการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล ยังขาดการควบคุมที่จริงจังเพื่อรักษาคุณภาพอากาศ จุดนี้เองที่เราสามารถใช้เทคโนโลยีดักจับมีเทนจากอากาศเหนือแหล่งกำเนิดก่อนลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ แล้วแปลงมีเทนเป็นพลังงานหรือผลิตภัณฑ์อื่นได้
อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีข้างต้นยังไม่ใช่คำตอบสุดท้ายที่แก้ปัญหาได้ทั้งหมด เพราะทุกสิ่งย่อมมีข้อดีข้อเสียที่ต้องชั่งน้ำหนักให้ถี่ถ้วนก่อน อีกทั้งต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าของการลงทุน แต่หากสามารถปรับใช้และพัฒนาต่อยอดให้เหมาะสม ผมเชื่อว่านวัตกรรมเหล่านี้เปรียบเสมือนเครื่องมือที่เอื้ออำนวยให้มนุษย์อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างสมดุล เพราะอนาคตที่ยั่งยืน ต้องเริ่มลงมือสร้างตั้งแต่ตอนนี้ครับ







