เกิดอะไรกับแม่น้ำสาละวิน? สารหนูปนเปื้อน หากไม่ปลอดภัย ชาวบ้านก็อยู่ยาก

เกิดอะไรกับแม่น้ำสาละวิน? สารหนูปนเปื้อน หากไม่ปลอดภัย ชาวบ้านก็อยู่ยาก

พบการปนเปื้อนของสารหนูและโลหะหนักในแม่น้ำสาละวินบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา โดยผลตรวจจากนักวิจัยพบค่าสูงเกินมาตรฐาน 4-5 เท่า

KEY

POINTS

  • พบการปนเปื้อนของสารหนูและโลหะหนักในแม่น้ำสาละวินบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา โดยผลตรวจจากนักวิจัยพบค่าสูงเกินมาตรฐาน 4-5 เท่า
  • สันนิษฐานว่าต้นตอของมลพิษมาจากเหมืองแร่และแรร์เอิร์ธในรัฐฉานของเมียนมา ที่ปล่อยสารเคมีลงสู่ต้นน้ำโดยไม่มีการควบคุม
  • การปนเปื้อนส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตและความปลอดภัยของชาวบ้านใน จ.แม่ฮ่องสอน ที่ต้องพึ่งพาน้ำในการอุปโภคบริโภคและการเกษตร
  • หน่วยงานภาครัฐได้ลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพน้ำ และเตรียมใช้ภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อระบุแหล่งกำเนิดมลพิษ พร้อมเร่งหาแนวทางแก้ไขปัญหาระดับชาติ

แม่น้ำสาละวิน ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านพรมแดนไทย–เมียนมา กำลังเผชิญกับวิกฤตสิ่งแวดล้อมครั้งใหญ่ หลังจากมีการตรวจพบการปนเปื้อนของสารหนูและโลหะหนักในระดับที่เกินค่ามาตรฐาน โดยเฉพาะในช่วงที่แม่น้ำไหลผ่านพื้นที่อำเภอแม่สะเรียงและสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

สารหนูเกินมาตรฐาน 5 เท่า

เมื่อเดือนกันยายน 2568 คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ได้เก็บตัวอย่างน้ำจากแม่น้ำสาละวิน 3 จุด ได้แก่ บริเวณเหนือบ้านท่าตาฝั่ง ท่าด่านล่าง และบ้านแม่สามแลบ พบว่ามีสารหนูในระดับ 0.04–0.05 มิลลิกรัม/ลิตร ซึ่งสูงกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ที่ 0.01 มิลลิกรัม/ลิตร ถึง 4–5 เท่า นอกจากนี้ยังพบโลหะหนักชนิดอื่นๆ ที่มีแนวโน้มใกล้เกินค่ามาตรฐานเช่นกัน

เกิดอะไรกับแม่น้ำสาละวิน? สารหนูปนเปื้อน หากไม่ปลอดภัย ชาวบ้านก็อยู่ยาก

ต้นตอปัญหาสารพิษข้ามพรมแดน

นางเพียรพร ดีเทศน์ กรรมการบริหารมูลนิธิแม่น้ำและสิทธิ (Rivers & Rights) กล่าวว่า แม่น้ำสาละวิน (Salween River) ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่กั้นพรมแดนไทย–เมียนมา ต้นตอของปัญหาสารพิษอาจเชื่อมโยงกับพื้นที่ต้นน้ำในรัฐฉาน เมืองป๊อก (Mong Bawk) ซึ่งมีเหมืองแร่และแรร์เอิร์ธ (Rare Earth Elements – REEs) กว่า 30 แห่ง ตั้งอยู่ในเขตอิทธิพลของกองกำลังว้า (UWSA) ใกล้ชายแดนจีน โดยมีการดำเนินกิจกรรมเหมืองแร่ที่ใช้ต้นทุนต่ำและมีระดับมลพิษสูง โดยไม่ผ่านการควบคุมหรือมาตรฐานสิ่งแวดล้อมใด ๆ

สารเคมี สารพิษ และกรดที่ใช้ในกระบวนการสกัดแร่เหล่านี้ได้ไหลลงสู่ลำธารต้นน้ำ และสุดท้ายไหลลงสู่แม่น้ำโขงและแม่น้ำสาละวิน ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของชุมชนทั้งสองฝั่งชายแดน ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เกิดอะไรกับแม่น้ำสาละวิน? สารหนูปนเปื้อน หากไม่ปลอดภัย ชาวบ้านก็อยู่ยาก

ชุมชนพึ่งพิงแม่น้ำที่กำลังถูกคุกคาม

นายพงษ์พิพัฒน์ มีเบญจมาศ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่สามแลบ เปิดเผยว่า ชาวบ้านในพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำสาละวินมีความกังวลอย่างมาก เนื่องจากวิถีชีวิตของพวกเขาผูกพันกับแม่น้ำ ทั้งการประมง การเกษตร และการใช้น้ำในชีวิตประจำวัน จึงเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐเร่งตรวจสอบอย่างเป็นทางการ และแจ้งเตือนประชาชนให้มีแนวทางป้องกันโดยไม่ตื่นตระหนก

รัฐบาลเร่งลงพื้นที่ตรวจสอบ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการให้กรมควบคุมมลพิษ กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแม่ฮ่องสอน ลงพื้นที่ตรวจสอบระหว่างวันที่ 5–6 พฤศจิกายน 2568 โดยเน้นการสำรวจชุมชนที่ใช้น้ำจากแม่น้ำโดยตรง ได้แก่ บ้านแม่สามแลบ บ้านสบเมย บ้านปูทา และบ้านท่าตาฝั่ง

จากการตรวจสอบเบื้องต้นด้วยชุดทดสอบภาคสนาม พบสารหนูในบางจุด แต่ไม่เกินค่ามาตรฐาน และเมื่อใช้สารส้มเพื่อให้ตกตะกอน พบว่าค่าความเข้มข้นของสารหนูลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการเก็บตัวอย่างน้ำและตะกอนดินส่งตรวจในห้องปฏิบัติการ เพื่อวิเคราะห์สารหนูและโลหะหนักอื่น ๆ อย่างละเอียด

เกิดอะไรกับแม่น้ำสาละวิน? สารหนูปนเปื้อน หากไม่ปลอดภัย ชาวบ้านก็อยู่ยาก

รายงานผลการตรวจ 8 จุดโดยกรมควบคุมมลพิษ

  • จุด SA01 บ้านท่าตาฝั่ง: พบสารหนู 0.01 มก./ล. → หลังตกตะกอนเหลือ 0.005 มก./ล.
  • จุด SA02 รอยต่อสบเมย–แม่สะเรียง: 0.01 → 0.005 มก./ล.
  • จุด SA03 ท่าเรือแม่สามแลบ: 0.01 มก./ล.
  • จุด SA04 บ้านปู่ทา: 0.005 มก./ล.
  • จุด SA05 บ้านพะละอึ: 0.005 มก./ล.
  • จุด SA06 บ้านสบเมย (ฝั่งสาละวิน): 0.01 มก./ล.
  • จุด SA07 บ้านสบเมย (ฝั่งแม่น้ำเมย): ไม่พบสารหนู
  • จุด SA08 ประปาภูเขาห้วยแม่อมลิ: ไม่พบสารหนู

ประชุมระดับชาติ–ใช้ดาวเทียมตรวจหาต้นตอ

นายสุรินทร์ วรกิจธำรง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เปิดเผยว่า รองนายกรัฐมนตรีสุชาติจะเป็นประธานในการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดิน ในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาสารหนูและโลหะหนักในแม่น้ำสาละวิน แม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง รวมถึงการเฝ้าระวังสุขภาพของประชาชน และการตรวจสอบพืช–สัตว์น้ำในพื้นที่

นอกจากนี้ ได้ประสานสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) เพื่อใช้ภาพถ่ายดาวเทียมในการตรวจสอบแหล่งที่มาของการปนเปื้อนในพื้นที่ต้นน้ำฝั่งเมียนมา

“ต้องขอขอบคุณอาจารย์ นักวิจัย องค์กรภาคประชาชน และสื่อมวลชนที่ร่วมกันสื่อสารปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ต่างๆ มายังกรมควบคุมมลพิษ ทำให้เรารับรู้และสามารถดำเนินการแก้ไขได้อย่างทันท่วงที และขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการเสนอแนะแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษร่วมกันต่อไป”