โลกวิกฤติ 7 ใน 9 ขีดจำกัดถูกทำลาย 'ความมั่งคั่งยุคใหม่' บนรากฐานโลกที่ฟื้นฟู

โลกวิกฤติ 7 ใน 9 ขีดจำกัดถูกทำลาย 'ความมั่งคั่งยุคใหม่' บนรากฐานโลกที่ฟื้นฟู

7 ใน 9 ขีดจำกัดของโลกถูกละเมิดแล้ว ถึงเวลาเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสครั้งใหญ่ ด้วย "ปัญญาแห่งโลก" ผสาน AI และเทคโนโลยีฟื้นฟูธรรมชาติ แนวทางที่ "ไทย" มุ่งมั่นเดินหน้า เพื่อสร้างความเจริญที่ยั่งยืนและเป็นธรรมสำหรับทุกคน ภายใต้กฎเกณฑ์ของดาวเคราะห์ดวงนี้

KEY

POINTS

  • ผลการประเมินล่าสุดชี้ว่า โลกได้ละเมิดขีดจำกัดความปลอดภัย (Planetary Boundaries) ไปแล้ว 7 จาก 9 ด้าน ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และมลพิษจากวัตถุแปลกใหม่
  • เสนอแนวคิดการสร้าง "ความมั่งคั่งยุคใหม่" ที่เปลี่ยนจากการสกัดใช้ทรัพยากร มาเป็นการสร้างความมั่งคั่งบนรากฐานของการฟื้นฟูโลกและระบบนิเวศให้กลับคืนมา
  • การแก้ไขวิกฤตต้องอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI และพลังงานสะอาด ควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย การลงทุน และการสร้างความร่วมมือทางสังคมเพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืน

โจฮาน ร็อกสตรอม นักวิทยาศาสตร์ศูนย์ความยืดหยุ่นแห่งสตอกโฮล์ม  กล่าวว่าได้พัฒนากรอบการทำงานขีดจำกัดของโลก (Planetary Boundaries Framework) ซึ่งระบุถึงกระบวนการของระบบโลก 9 ประการที่กำหนด "พื้นที่ปฏิบัติการที่ปลอดภัย" สำหรับมนุษย์

ผลการประเมินล่าสุดที่นำเสนอในการประชุมสภาอนาคตโลก (Global Future Councils) และความมั่นคงทางไซเบอร์ของ World Economic Forum ที่ เมืองดูไบ ชี้ว่า ขีดจำกัดเหล่านี้ได้ถูกละเมิดไปแล้วถึง 7 ประการ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ, การเปลี่ยนแปลงระบบที่ดิน, การร่อยหรอของน้ำจืด, การไหลเวียนทางชีวธรณีเคมีของไนโตรเจนและฟอสฟอรัส, ภาวะกรดในมหาสมุทร และวัตถุแปลกใหม่ (เช่น มลพิษเคมีและพลาสติก) เหลือเพียง 2 ส่วนเท่านั้นที่ยังอยู่ในขีดจำกัดที่ปลอดภัยคือ ชั้นโอโซนในบรรยากาศชั้นสตราโตสเฟียร์และละอองลอยในบรรยากาศ

จากวิกฤติสู่ "ปัญญาแห่งโลก" ใช้เทคโนโลยีพลิกฟื้นธรรมชาติ

ชาร์ลอตต์ เพรา  ผู้อำนวยการบริหารโครงการเร่งรัดความยั่งยืนของโรงเรียนความยั่งยืนสแตนฟอร์ด ดูเออร์  เน้นย้ำว่า "ภารกิจแรกของเราคือ การกลับเข้าไปอยู่ในขีดจำกัดเหล่านั้น" แต่เธอกล่าวว่านี่ไม่ใช่เรื่องของการขาดแคลน แต่มันคือ โอกาส ที่จะสร้างความมั่งคั่งขึ้นใหม่บนรากฐานที่ยั่งยืน

เครื่องมือสำหรับการเปลี่ยนแปลงมีอยู่แล้ว ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์และลม, การไหลเวียนวัสดุแบบวงจร, เกษตรกรรมฟื้นฟู และระบบข้อมูลขั้นสูง ซึ่งล้วนเป็นผลผลิตจากความเฉลียวฉลาดที่เคยผลักดันเราออกนอกขีดจำกัดของโลก อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียวไม่สามารถนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงได้ จำเป็นต้องมีการประสานงานด้านนโยบาย, เงินทุนระยะยาว และความเชื่อมั่นจากสาธารณะ

"ความอุดมสมบูรณ์ไม่เคยเป็นข้อแก้ตัวสำหรับการสิ้นเปลือง" ซึ่งเตือนให้ตระหนักถึงการจัดการทรัพยากรทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นน้ำ, พลังงาน, ข้อมูล, หรือแม้กระทั่งการเงินความท้าทายคือการเปลี่ยนความอุดมสมบูรณ์ทางเทคโนโลยีให้เป็น "ปัญญาเชิงนิเวศ" (Ecological Intelligence) โดยการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI), เซ็นเซอร์ และดาวเทียม เพื่อทำความเข้าใจ, ประเมินมูลค่า, และฟื้นฟู "ทุนทางธรรมชาติ" AI ที่สามารถติดตามความหลากหลายทางชีวภาพ หรือคาดการณ์ภัยแล้ง จะมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงเพื่อความยั่งยืนเทียบเท่ากับการเพิ่มผลผลิต

มุมมองและบทบาทของประเทศไทย

ในฐานะประเทศที่มุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประเทศไทย ได้แสดงความมุ่งมั่นผ่านเวทีระดับภูมิภาคและระดับโลกอย่างต่อเนื่อง

  • ความร่วมมือในอาเซียน: ไทยได้เข้าร่วมการประชุมสำคัญอย่างต่อเนื่อง เช่น การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อหารือและกำหนดนโยบายร่วมกันในการรับมือกับภาวะโลกร้อน, การจัดการมลพิษข้ามแดน (เช่น ปัญหาหมอกควัน) และการจัดการขยะพลาสติกในทะเล  
  • การประเมินและคุ้มครองธรรมชาติ: ไทยได้มีการผลักดันการขึ้นทะเบียนพื้นที่คุ้มครองต่าง ๆ เป็น อุทยานมรดกอาเซียน (ASEAN Heritage Park) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและทรัพยากรธรรมชาติให้เป็นสมบัติของภูมิภาค 
  • นโยบายเศรษฐกิจสีเขียว: รัฐบาลไทยได้เริ่มเน้นนโยบายที่ส่งเสริม อุตสาหกรรมสีเขียว, การใช้พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน, การบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ และการส่งเสริมแนวทางสร้างรายได้จากการฟื้นฟูระบบนิเวศ เช่น การขายคาร์บอนเครดิต เพื่อบูรณาการการพัฒนาเศรษฐกิจเข้ากับการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน 

สัญญาทางสังคมใหม่เพื่อความยั่งยืน

การเปลี่ยนแปลงทางสังคมเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนความยั่งยืน การปิดช่องว่างทางดิจิทัล, การขยายการศึกษา และการเสริมสร้างศักยภาพของชุมชน คือ เงื่อนไขเบื้องต้น สำหรับการเปลี่ยนผ่านที่ยั่งยืน ดังที่นางสาวเพรากล่าวไว้ว่า หากปราศจากการมีส่วนร่วม แม้แต่เทคโนโลยีที่ดีที่สุดก็จะล้มเหลว

ความยั่งยืนไม่ใช่แค่เฉพาะกลุ่มสิ่งแวดล้อมอีกต่อไป แต่เป็น ความจำเป็นในการพัฒนา ที่สำคัญของศตวรรษที่ 21 ความมั่งคั่งในอนาคตจะถูกวัดจากการที่เรา ฟื้นฟู (Regenerate) โลกได้ดีแค่ไหน ไม่ใช่จากจำนวนที่เรา สกัด (Extract) ออกมาได้มากเท่าใด

ทางข้างหน้าไม่ใช่ทางเลือกแบบ "ได้-เสีย" ระหว่างการเติบโตและการควบคุม แต่เป็นความท้าทายด้านการออกแบบ ที่ต้องใช้วิทยาศาสตร์มากำหนดขอบเขต, เทคโนโลยีมานำทาง และธรรมาภิบาลมาสร้างความเป็นธรรมตลอดเส้นทาง

ที่มา : กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม , อบก. World Economic Forum