มะเร็งเต้านมสูงอันดับ 1 Cancer Care Fair ผลักดันคัดกรองเร็ว ลดอัตราเสียชีวิต

มะเร็งเต้านมสูงอันดับ 1 Cancer Care Fair ผลักดันคัดกรองเร็ว ลดอัตราเสียชีวิต

มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 1 ในผู้หญิงไทย โดยมีสถิติผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลุ่มเซ็นทรัลจัดงาน “Cancer Care Fair” เพื่อระดมทุนซื้อเครื่องมือแพทย์ สนับสนุนการตรวจคัดกรองมะเร็งในสตรีระยะเริ่มต้น

KEY

POINTS

  • มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 1 ในผู้หญิงไทย โดยมีสถิติผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • กลุ่มเซ็นทรัลจัดงาน “Cancer Care Fair” เพื่อระดมทุนซื้อเครื่องมือแพทย์ สนับสนุนการตรวจคัดกรองมะเร็งในสตรีระยะเริ่มต้น
  • การตรวจคัดกรองที่รวดเร็วจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาและลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมได้

จากข้อมูล ทะเบียนมะเร็งระดับโรงพยาบาล ปี 2565 โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ พบว่า มะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในผู้หญิงไทยคือ มะเร็งเต้านม คิดเป็นร้อยละ 41.7 รองลงมาคือมะเร็งปากมดลูก ร้อยละ 13.1 สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการตรวจคัดกรองและการดูแลสุขภาพสตรีอย่างต่อเนื่อง

ด้วยเหตุนี้ "กลุ่มเซ็นทรัล" จึงจัดกิจกรรม “Cancer Care Fair” ภายใต้โครงการ Central Group Women Cancer – ชวนทำดีช่วยผู้ป่วยมะเร็งสตรี ซึ่งดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 20 โดยปีนี้เป็นการระดมทุนจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ที่จำเป็น มอบให้แก่ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา สำหรับใช้ในการตรวจคัดกรองและรักษาโรคมะเร็งในผู้หญิงในระยะเริ่มต้น ช่วยเพิ่มโอกาสเข้าถึงการรักษาให้แก่กลุ่มเสี่ยงและผู้ป่วยในพื้นที่

มะเร็งเต้านมสูงอันดับ 1 Cancer Care Fair ผลักดันคัดกรองเร็ว ลดอัตราเสียชีวิต

มากกว่าการระดมทุน

"สุพัตรา จิราธิวัฒน์" ที่ปรึกษากลุ่มเซ็นทรัล กล่าวถึงความสำคัญของการดูแลผู้ป่วยมะเร็งสตรีว่า การเข้าถึงการรักษาที่เหมาะสมและการได้รับกำลังใจเมื่อเผชิญกับโรค เป็นสิทธิพื้นฐานที่ผู้หญิงทุกคนควรได้รับ นี่คือเหตุผลที่กลุ่มเซ็นทรัลยังคงขับเคลื่อนโครงการ Central Group Women Cancer ต่อเนื่องมากว่า 20 ปี ภายใต้แนวทาง “เซ็นทรัล ทำ” เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการแพทย์และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งสตรีทั่วประเทศ

งาน Cancer Care Fair ไม่เพียงเป็นการระดมทุนจัดหาเครื่องมือแพทย์ แต่ยังเป็นพื้นที่ที่เปิดให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างความเปลี่ยนแปลง ผ่านการแบ่งปัน ความเข้าใจ และการส่งต่อพลังใจให้ผู้ป่วยได้รู้ว่าพวกเธอไม่ได้ต่อสู้อย่างลำพัง

กิจกรรมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22–24 ตุลาคม 2568 โดยเปิดโอกาสให้ผู้คนมีส่วนร่วมในหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การเลือกซื้อสินค้าจากโครงการและของใช้ Pre-loved จากบุคคลในสังคม ไปจนถึงกิจกรรมสร้างสรรค์ เช่น การเย็บเต้านมเทียมโดย Sabina, การจำหน่ายผลงานศิลปะของศิลปินเด็กออทิสติกจาก Art Story, และสินค้าจากแบรนด์ในเครือที่นำรายได้ทั้งหมดเข้าสมทบทุนในโครงการ

Central Group Women Cancer เป็นกลไกสำคัญในการสร้าง ระบบสุขภาพที่ยั่งยืน ช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้หญิงในพื้นที่ห่างไกลเข้าถึงการรักษาได้รวดเร็วและเท่าเทียมมากขึ้น โครงการนี้จึงไม่เพียงจัดกิจกรรมด้านสุขภาพ แต่ยังสะท้อนแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืนในมิติ สังคมและสาธารณสุข ที่เน้นการลดความเหลื่อมล้ำทางการรักษา และเสริมความเข้มแข็งให้ระบบสุขภาพของประเทศในระยะยาว

มะเร็งเต้านมสูงอันดับ 1 Cancer Care Fair ผลักดันคัดกรองเร็ว ลดอัตราเสียชีวิต

ฝุ่น PM 2.5 อาจส่งผลต่อเซลล์

"นพ.สายลักษณ์ พิมพ์เกาะ" รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า อุบัติการณ์ของโรคมะเร็งเต้านมในปัจจุบันพบอัตราส่วนอยู่ที่ประมาณ 35 ต่อประชากรแสนคน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว เมื่อเทียบกับกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเคยอยู่ที่ประมาณ 16 ต่อแสนคน

ในทางกลับกัน ตัวเลขทางสถิติของมะเร็งปากมดลูกกลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากประเทศไทยมีระบบการคัดกรองที่มีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถตรวจพบเชื้อ HPV ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ความเสี่ยง ก่อนที่จะพัฒนาไปเป็นมะเร็งได้

ปัจจัยเสี่ยงหลักของมะเร็งเต้านม ได้แก่ พันธุกรรม พบว่าประมาณ 10% ของมะเร็งเต้านมมาจากพันธุกรรม นอกจากนั้น ยังเกี่ยวกับสรีระวิทยา/ฮอร์โมน โดยผู้หญิงที่โสดหรือไม่มีบุตร ผู้หญิงที่มีประจำเดือนเร็ว หรือหมดประจำเดือนช้า ถือเป็นกลุ่มเสี่ยง เพราะร่างกายได้รับฮอร์โมนเพศหญิงเป็นระยะเวลานาน และภาวะอ้วน เพราะไขมันเปลี่ยนเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจน

นอกจากปัจจัยภายในแล้ว ฝุ่น PM 2.5 อาจส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ในร่างกายได้ ซึ่งคล้ายคลึงกับการได้รับแสงแดดแล้วเป็นมะเร็งผิวหนัง หรือการบริโภคอาหารปิ้งย่างที่เสี่ยงต่อมะเร็งลำไส้ใหญ่

ความท้าทาย อุปกรณ์วินิจฉัย

"นพ.สายลักษณ์" กล่าวด้วยว่า แม้ว่าในด้านเครื่องมือสำหรับการรักษา เช่น การผ่าตัดจะค่อนข้างครบถ้วนและได้มาตรฐานที่ดีมาก แต่ความท้าทายสำคัญกลับอยู่ที่เครื่องมือสำหรับการวินิจฉัยเบื้องต้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกล้องส่องปากมดลูก (Colposcope) ที่แม้ว่าจะมีใช้งานอยู่ แต่เมื่อเทียบกับปริมาณคนไข้แล้วยังถือว่ามีจำนวนน้อย ส่งผลให้ผู้ป่วยอาจมีระยะเวลาการรอคอยในการตรวจนานขึ้น การได้รับการสนับสนุนเครื่องมือจากภาคเอกชน อาทิ กลุ่มเซ็นทรัล ที่เข้ามามีกิจกรรมร่วมกับโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ถือเป็นการช่วยลดระยะเวลาการรอคอยดังกล่าวลงได้

มะเร็งเต้านมสูงอันดับ 1 Cancer Care Fair ผลักดันคัดกรองเร็ว ลดอัตราเสียชีวิต

แนวทางการคัดกรอง ติดตามผล

สำหรับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม "นพ.สายลักษณ์" แนะนำว่า ผู้หญิงตั้งแต่อายุ 20 ปี ควรเริ่มตรวจเต้านมด้วยตนเอง เพื่อทำความรู้จักกับเนื้อเต้านมของตนเองที่อาจมีลักษณะเป็นไตตามปกติ หากผู้ป่วยมีความกังวล สามารถเริ่มตรวจด้วยเครื่องมืออัลตราซาวด์ (คลื่นเสียง) ได้ตั้งแต่อายุ 35 ปี ซึ่งอัลตราซาวด์จะช่วยให้เห็นความแตกต่างระหว่างเนื้อนมปกติกับก้อนผิดปกติได้ชัดเจน

ส่วนการตรวจเต้านมด้วยเอกซเรย์ หรือแมมโมแกรม (การบีบนม) นั้น จะแนะนำสำหรับผู้ที่อายุ 40 ปีขึ้นไป เนื่องจากเป็นช่วงที่เนื้อเต้านมเริ่มฝ่อ และการเอกซเรย์จะสามารถมองเห็นหินปูนได้มากขึ้น

“สำหรับผู้ที่ได้รับการรักษาจนเสร็จสิ้นแล้ว ยังคงต้องมีการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 1-2 ปีแรก แพทย์จะต้องนัดตรวจทุก 3 เดือน เพื่อติดตามผลการรักษาและตรวจหาการแพร่กระจายของมะเร็งไปยังอวัยวะสำคัญอื่นๆ เช่น ตับและปอด และหากผู้ป่วยต้องการเสริมเต้านมภายหลังการผ่าตัด ก็สามารถทำได้ โดยเป็นการเสริมซิลิโคนไว้ระหว่างกล้ามเนื้อหน้าอก”

มะเร็งเต้านมสูงอันดับ 1 Cancer Care Fair ผลักดันคัดกรองเร็ว ลดอัตราเสียชีวิต

การเข้าถึงสิทธิ์การรักษา

"นพ.สายลักษณ์" ระบุว่า เมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศในอาเซียน ประเทศไทยมีความก้าวหน้าในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งเต้านม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการมีนโยบายการตรวจพันธุกรรมเพื่อค้นหาความเสี่ยงมะเร็งเต้านม ซึ่งประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ในอาเซียนที่เริ่มนโยบายนี้

“แม้ว่าค่าตรวจยีนจะมีราคาสูงถึงประมาณ 10,000 บาท แต่ผู้ป่วยยังสามารถใช้สิทธิ์รักษา 30 บาท หรือข้าราชการก็ฟรี ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หากมีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจน ได้แก่ เป็นมะเร็งเต้านมตั้งแต่อายุน้อย ซึ่งมักสัมพันธ์กับพันธุกรรม มีโอกาสเป็นมะเร็งหลายตำแหน่ง หรือมีญาติสายตรงเป็นโรค นอกจากนี้ หากมีการตรวจพบว่าผู้ป่วยคนใดคนหนึ่งในเครือญาติเป็นมะเร็ง ลูกหรือญาติคนอื่นๆ ก็สามารถตรวจต่อได้อีกด้วย”

ระบบและการกระจายตัวของแพทย์

ความท้าทายที่สำคัญของระบบสาธารณสุขไทยในด้านมะเร็งเต้านม คือ การตัดสินใจเชิงนโยบายในการลงทุนจัดสรรเครื่องมือคัดกรองราคาแพงว่าจะใช้เพียงระดับใด และปัญหาการกระจุกตัวของศักยภาพในการรักษา เนื่องจากกระบวนการรักษามะเร็งเต้านมประกอบด้วยหลายส่วน ทั้งเคมีบำบัด ฉายแสง และการผ่าตัด ซึ่งมักจะจำกัดอยู่เฉพาะในโรงพยาบาลขนาดใหญ่เท่านั้น

“ปัญหาการขาดแคลนแพทย์ในประเทศไทยนั้นเป็นเรื่องของการกระจายตัวเป็นหลัก โดยแพทย์มักจะไปกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมากกว่าต่างจังหวัด รวมถึงการขาดแคลนแพทย์ในบางสาขาที่มีความสำคัญและมีภาระงานหนัก เช่น ศัลยกรรมอุบัติเหตุ”

อย่าชะล่าใจ ละเลยสุขภาพ

กิจกรรม Cancer Care Fair ยังมีการแลกเปลี่ยนบทเรียนประสบการณ์จริงจากผู้ป่วย "ธัญพร สนธิขันธ์" หรือ จอย T-Skirt โดยเล่าว่า ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งใน ระยะที่ 4 หลังจากใช้เวลาในการวินิจฉัยถึง 3-4 เดือน เนื่องจากอาการผิดปกติ เช่น ประจำเดือนมามากผิดปกติ แต่เกิดความชะล่าใจ คิดว่าเป็นอาการของวัยใกล้หมดประจำเดือน ประกอบกับความอายที่ไม่กล้าไปพบแพทย์ และการทำงานหนักจนละเลยสุขภาพ

"จอยต้องใช้ระยะเวลากว่า 1 ปีเต็ม ในการรักษา โดยผ่านการให้คีโม 6 ครั้ง การฉายแสง 25 ครั้ง และการฝังแร่ แพทย์ระบุว่า หากเจอโรคในระยะแรกๆ เช่น ระยะที่ 0 หรือ 1 จะมีโอกาสหายสูง แต่เมื่อเป็นระยะที่ 4 คำว่าหายจะไม่มี แต่จะใช้คำว่าโรคสงบแทน พลังใจสำคัญที่ทำให้ต่อสู้กับโรคนี้คือ ลูก จอยเชื่อว่าแม้จะเป็นมะเร็งระยะที่ 4 แต่หากมีจิตใจที่เป็นบวก และไม่ยอมแพ้ ก็สามารถก้าวไปข้างหน้าได้"

มะเร็งเต้านมสูงอันดับ 1 Cancer Care Fair ผลักดันคัดกรองเร็ว ลดอัตราเสียชีวิต