TEI-GIZ ระดมความเห็น เตรียมพร้อมภาค 'เกษตรไทย' รับมือมาตรฐานความยั่งยืนของ EU

TEI-GIZ ระดมความเห็น เตรียมพร้อมภาค 'เกษตรไทย' รับมือมาตรฐานความยั่งยืนของ EU

นับถอยหลังสู่มาตรฐานใหม่ รายงานผลการศึกษาเบื้องต้น ชี้ความท้าทายในการตรวจสอบย้อนกลับและการรับรองสิทธิมนุษยชนของสินค้าเกษตรไทย ก่อนเข้าสู่ตลาด EU

KEY

POINTS

  • สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) และ GIZ ร่วมมือจัดประชุมระดมความเห็นเพื่อเตรียมความพร้อมให้ภาคเกษตรไทยปรับตัวเข้ากับกฎระเบียบด้านความยั่งยืนของสหภาพยุโรป (EU)
  • การประชุมมุ่งเน้นการรับมือกับกฎระเบียบสำคัญ 3 ฉบับ ได้แก่ กฎหมายสินค้าปลอดการทำลายป่า (EUDR), การตรวจสอบความยั่งยืนขององค์กร (CSDDD) และกฎหมายตรวจสอบห่วงโซ่อุปทานของเยอรมนี (LkSG)
  • มีการรวบรวมความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในกลุ่มสินค้าเกษตรหลัก เช่น ไม้ ยางพารา และปาล์มน้ำมัน เพื่อวิเคราะห์ความท้าทายและหาแนวทางปฏิบัติ
  • ข้อมูลที่ได้จะถูกนำไปพัฒนาเป็นข้อเสนอเชิงนโยบาย เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดของ EU และรักษาตลาดการค้าไว้ได้

โครงการ "Enhancing Readiness of Thailand towards the EU Sustainable Trade Schemes" โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อวิเคราะห์และหาแนวทางการปรับตัวของภาคเกษตรไทยต่อกฎระเบียบด้านความยั่งยืนที่สำคัญของสหภาพยุโรป (EU) และเยอรมนี

การประชุมมุ่งเน้นไปที่การรับมือกับกฎระเบียบสำคัญ 3 ฉบับ ได้แก่ กฎระเบียบว่าด้วยสินค้าปลอดการทำลายป่าของสหภาพยุโรป (EUDR), คำสั่งการตรวจสอบความยั่งยืนขององค์กร (CSDDD), และพระราชบัญญัติการตรวจสอบสถานะห่วงโซ่อุปทานของเยอรมนี (LkSG) โดยมีการนำเสนอผลการศึกษาเบื้องต้นของโครงการ และเปิดเวทีระดมความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางที่เป็นไปได้ในการดำเนินการตามข้อกำหนด

การวิเคราะห์ทิศทางการค้าและความยั่งยืน

ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย กล่าวว่าความจำเป็นในการปรับตัวของไทย โดยชี้ให้เห็นว่าแนวโน้มการค้าโลกให้ความสำคัญกับ "ความยั่งยืน" เป็นแกนกลางของระบบการผลิตและการค้า กฎระเบียบใหม่ของ EU จึงเป็นทั้งปัจจัยกดดันที่ต้องเร่งปรับตัวของภาครัฐและภาคเอกชน และเป็นโอกาสในการยกระดับมาตรฐานการผลิต การตรวจสอบย้อนกลับทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สิทธิมนุษยชน และการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานให้เทียบเท่าระดับสากล

จูเลียน ทอสต์ รองผู้ประสานงานคลัสเตอร์และผู้อำนวยการโครงการ AgriCRF องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ประจำประเทศไทย กล่าวว่าโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ "FIT for FAIR" ซึ่ง GIZ ดำเนินการเพื่อสนับสนุนประเทศคู่ค้าของ EU ในการพัฒนากลไกที่ช่วยให้ผู้ประกอบการในห่วงโซ่อุปทานเกษตร โดยเฉพาะสินค้าหลักอย่างไม้ ปาล์มน้ำมัน และยางพารา สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนด Due Diligence ของสหภาพยุโรปได้

การระดมความคิดเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

การประชุมได้รับความสนใจจากผู้แทนกว่า 100 คนจากภาครัฐและเอกชน โดยมี ไมเคิล บัคกี้ ที่ปรึกษาโครงการ Green Transition คณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย และ ดร. อินติ ชูเบิร์ต ที่ปรึกษาอาวุโส โครงการ Fit for Fair, GIZ Germany เข้าร่วมให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกฎระเบียบของ EU

กิจกรรมหลักคือการจัดกลุ่มย่อยตามหมวดสินค้าเกษตรหลักที่ส่งออกไปยัง EU และกลุ่มภาคสนับสนุน เพื่อวิเคราะห์ข้อท้าทายในการดำเนินการให้สอดคล้องกับกฎระเบียบของ EU และรวบรวมข้อคิดเห็นเพื่อเติมเต็มผลการศึกษาของโครงการ กลุ่มย่อยที่ดำเนินการได้แก่

  • กลุ่มไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้
  • กลุ่มผลิตภัณฑ์ยาง
  • กลุ่มปาล์มน้ำมัน
  • กลุ่มการตรวจสอบสถานะด้านสิ่งแวดล้อม
  • กลุ่มการตรวจสอบสถานะด้านสิทธิมนุษยชน
  • กลุ่มห่วงโซ่อุปทานและการตรวจสอบย้อนกลับ TEI-GIZ ระดมความเห็น เตรียมพร้อมภาค 'เกษตรไทย' รับมือมาตรฐานความยั่งยืนของ EU

แนวทางปฏิบัติถัดไป

ดร.จีรนุช ศักดิ์คำดวง ผู้เชี่ยวชาญและหัวหน้าโครงการ จากสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ได้สรุปผลการประชุม โดยระบุว่าข้อมูลและความคิดเห็นที่ได้รับอย่างเข้มข้นในครั้งนี้จะถูกนำไปรวบรวมเป็นข้อมูลตั้งต้น ในขั้นตอนต่อไป โครงการจะจัดตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาประเด็นความท้าทายในเชิงลึก และพัฒนาเป็น ข้อเสนอเชิงนโยบาย ที่จะเป็นเครื่องมือช่วยให้ภาคเอกชนไทยสามารถปรับตัวตามข้อกำหนดของ EU ได้อย่างมีทิศทาง เพื่อรักษาตลาดการค้าและยกระดับมาตรฐานการผลิตของประเทศต่อไป

การประชุมครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเตรียมความพร้อมของไทยเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงด้านมาตรฐานความยั่งยืนของการค้าโลกอย่างจริงจัง

TEI-GIZ ระดมความเห็น เตรียมพร้อมภาค 'เกษตรไทย' รับมือมาตรฐานความยั่งยืนของ EU TEI-GIZ ระดมความเห็น เตรียมพร้อมภาค 'เกษตรไทย' รับมือมาตรฐานความยั่งยืนของ EU TEI-GIZ ระดมความเห็น เตรียมพร้อมภาค 'เกษตรไทย' รับมือมาตรฐานความยั่งยืนของ EU