พบ ‘สัตว์ทะเล’ อาศัยบน ‘มิสไซล์’ ยุคสงครามโลก นักวิทย์หวั่นสารพิษรั่วไหล ทำกลายพันธุ์

พบ ‘สัตว์ทะเล’ อาศัยบน ‘มิสไซล์’ ยุคสงครามโลก นักวิทย์หวั่นสารพิษรั่วไหล ทำกลายพันธุ์

ผลการศึกษาใหม่พบว่า อาวุธยุทโธปกรณ์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ของเยอรมนีที่ถูกทิ้งลงในทะเลบอลติกและทะเลเหนือ กลายเป็นแหล่งหลบภัยของสิ่งมีชีวิตในทะเลอย่างไม่น่าเชื่อ

KEY

POINTS

  • มีการค้นพบมิสไซล์ V-1 จากสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่จมอยู่ใต้ทะเลบอลติก ได้กลายเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลหลากหลายชนิด
  • วัตถุระเบิดทำหน้าที่คล้ายปะการังเทียม ทำให้มีความหนาแน่นของสิ่งมีชีวิตสูงกว่าพื้นทะเลโดยรอบอย่างมีนัยสำคัญ
  • นักวิทยาศาสตร์กังวลว่าสารพิษจากวัตถุระเบิด เช่น TNT ที่กำลังรั่วไหล อาจปนเปื้อนในห่วงโซ่อาหารและเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในระยะยาว

ช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 นาซีเยอรมนีคาดหวังว่ามิสไซล์Fieseler Fi 103” หรือ “V-1” จะเป็นอาวุธพลิกเกมที่จะสร้างชัยชนะให้แก่กองทัพได้ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถหยุดยั้งฝ่ายสัมพันธมิตรได้ โดยเมื่อหลังสิ้นสุดสงคราม อาวุธยุทโธปกรณ์ส่วนใหญ่ที่ผลิตโดยเยอรมนีจำนวนประมาณ 1.6 ล้านตันถูกทิ้งลงในทะเลบอลติกและทะเลเหนือ 

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มิสไซล์เหล่านี้ก็นอนจมอยู่บนพื้นทะเล กลายเป็นอนุสรณ์แห่งความโหดร้ายของมนุษย์  แต่ผลการศึกษาใหม่พบว่าอาวุธที่จมอยู่ใต้น้ำเหล่านี้ยังเป็นแหล่งหลบภัยชั้นดีสำหรับสิ่งมีชีวิตในทะเล

การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Communications Earth & Environment ถือเป็นการศึกษาครั้งแรกที่บันทึกถึงสิ่งมีชีวิตในทะเลบางชนิดที่เปลี่ยนผิวของระเบิดให้กลายเป็นที่อยู่อาศัย

“มันบ้าไปแล้ว สงครามครั้งนี้ยุติลงเมื่อ 80 ปีก่อน ดังนั้นอีกสองหรือสามชั่วอายุคนต่อมา ผู้คนยังคงต้องรับมือกับเศษซากของสงครามนี้ เห็นได้ชัดว่าธรรมชาติค่อนข้างผ่อนคลายลง” เยนส์ ไกรเนิร์ต นักวิจัยใต้น้ำลึกจากศูนย์วิจัยมหาสมุทร GEOMAR Helmholtz ในเมืองคีล ประเทศเยอรมนี และหนึ่งในผู้เขียนรายงานกล่าว

ขีปนาวุธ V-1 บรรจุทีเอ็นทีประมาณ 1,800 ปอนด์ ซึ่งมีระเบิดที่จมอยู่ใต้น้ำบางลูกมีส่วนประกอบของสารก่อมะเร็งและอาจทำให้กลายพันธุ์ได้ และสารประกอบอันตรายเหล่านี้กำลังรั่วไหลลงสู่น้ำ

“เราเริ่มวิจัยเรื่องนี้เพราะเรากังวลเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมจากการปล่อยสารพิษจากระเบิด มันสามารถก่อให้เกิดมะเร็งและเปลี่ยนแปลง DNA ได้” ดร.ไกรเนิร์ตกล่าว

พบ ‘สัตว์ทะเล’ อาศัยบน ‘มิสไซล์’ ยุคสงครามโลก นักวิทย์หวั่นสารพิษรั่วไหล ทำกลายพันธุ์ ตัวอย่างสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนขีปนาวุธยุคสงครามโลกครั้งที่ 2
เครดิตภาพ: Vedenin et al., 2025

แต่สิ่งมีชีวิตในทะเลดูเหมือนจะไม่รู้และไม่ได้สนใจ ส่วนใหญ่แล้วพวกมันจะถูกอยู่บนพื้นผิวโลหะด้านนอกของระเบิด ซึ่งกลายเป็นสถานที่หลบภัยที่เหมาะสม โดยไม่คำนึงถึงอันตรายใด ๆ ที่แฝงอยู่ภายในหัวรบ

“สัตว์ทะเลแค่คิดว่า มีพื้นที่คุ้มครองที่พวกมันสามารถอาศัยอยู่ได้” ดร. ไกรเนิร์ตกล่าว

เพื่อดำเนินการสืบสวน นักวิจัยใช้ยานบังคับวิทยุระยะไกลที่ติดกล้อง GoPro  ดำดิ่งลงสู่ความลึกประมาณ 21 เมตร ในน้ำของอ่าวลือเบค นอกชายฝั่งทางตอนเหนือของเยอรมนี ในบริเวณนั้นยานได้บันทึกภาพขีปนาวุธ V-1 จำนวน 9 ลูกที่จมอยู่ใต้น้ำบางส่วน โดยแต่ละลูกอยู่ในระยะการเสื่อมสภาพที่แตกต่างกัน 

“บางลูกเกือบจะสมบูรณ์ ในขณะที่บางลูกเป็นสนิมและสารระเบิดละลายไปมาก” รายงานระบุ

จากนั้น นักวิจัยจึงนับจำนวนชนิดพันธุ์ที่ปรากฏในวิดีโอ พวกเขายังใช้การวิเคราะห์ด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อนับจำนวนสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กกว่าด้วย นักวิจัยสังเกตว่า ประมาณ 90% ของสิ่งมีชีวิตนี้ คือ “หนอนทะเล” สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่รู้จักกันในชื่อ “โพลีคีท

พวกเขายังพบดอกไม้ทะเล ปลาดาว และในบางกรณีที่พบปลาสามชนิด ได้แก่ ปลาค็อดแอตแลนติก ปลาบู่ดำ และปลาลิ้นหมายุโรป รวมถึงปูทะเลด้วย นักวิจัยระบุว่า วัตถุระเบิดบางหัวมีปลาดาวรวมตัวกันหนาแน่น ซึ่งบางทีอาจถูกดึงดูดทางเคมีไปยังชิ้นส่วนที่สัมผัสกับวัตถุระเบิดโดยส่วนประกอบบางอย่าง และดูเหมือนว่าสัตว์ทุกชนิดจะสบายดี ยังไม่ได้มีความผิดปรกติใด ๆ 

แม้ว่าจะมีสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเพียงชนิดเดียวที่เด่นกว่า ทำให้มีความหลากหลายทางชีวภาพต่ำ แต่นักวิจัยระบุว่าความอุดมสมบูรณ์ของสิ่งมีชีวิตบนวัตถุระเบิดโดยรวมนั้นน่าทึ่งมาก

วัตถุระเบิดดังกล่าวมีความหนาแน่นของสิ่งมีชีวิตเดี่ยว ๆ อยู่ที่ 43,184 ตัวต่อตารางเมตร สูงกว่าความหนาแน่นของสิ่งมีชีวิตในตะกอนโดยรอบที่มี 8,213 ตัวต่อตารางเมตรมาก และเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับความหนาแน่นของสิ่งมีชีวิตบนพื้นผิวธรรมชาติ เช่น หิน ที่ตรวจพบในทะเลบอลติก 

“สิ่งสำคัญคือเราต้องได้ตัวเลขที่แท้จริง เช่น ความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายของสัตว์ที่พบในและรอบ ๆ หลุมฝังวัตถุระเบิด และตอนนี้เรามีข้อมูลที่แท้จริงสำหรับใช้ในการศึกษาแล้ว” อันเดรย์ เวเดนิน นักวิจัยจากสถาบันวิจัยเซนเคนเบิร์ก อัม เมียร์ ในเมืองวิลเฮล์มส์ฮาเฟิน และหัวหน้าทีมวิจัยชุดใหม่

ยานบังคับวิทยุไกลได้นำตัวอย่างน้ำกลับมา โดยไม่รบกวนวัตถุระเบิดหรือสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนวัตถุระเบิด พบว่าน้ำมีความเข้มข้นของวัตถุระเบิดที่เข้าใกล้ “เกณฑ์เป็นพิษ” โดยส่วนใหญ่เป็น TNT และ RDX ดังนั้นสารพิษเหล่านี้จึงใกล้ที่จะเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม และอาจรวมถึงสุขภาพของมนุษย์ด้วย

“มีเรื่องน่าขันอยู่บ้าง ในการค้นพบที่ว่าสิ่งที่ตั้งใจจะฆ่าทุกสิ่งกลับดึงดูดสิ่งมีชีวิตมากมาย” เวเดนินกล่าว

“เรามีงานวิจัยเพียงไม่กี่ชิ้น ไม่มีแนวทางที่เป็นระบบและไม่มีการติดตามตรวจสอบ ดังนั้นเราจึงไม่ทราบแน่ชัดว่าสถานการณ์จะพัฒนาไปอย่างไร แต่เรารู้ว่ากลไกที่เป็นอันตรายทั้งหมดมีอยู่จริง และสารเคมีก็มีอยู่จริง ถึงในขณะนี้ยังไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้น แต่ในอนาคตใครจะรู้” ยาเซค เบลดอฟสกี ศาสตราจารย์ประจำสถาบันสมุทรศาสตร์แห่งสถาบันวิทยาศาสตร์โปแลนด์ ผู้วิจัยเกี่ยวกับภัยคุกคามต่อสุขภาพทางทะเลและไม่ได้มีส่วนร่วมในการศึกษาครั้งใหม่นี้กล่าว

แม้อาวุธเหล่านี้สร้างแนวปะการังเทียมและความหลากหลายทางชีวภาพเพิ่มขึ้น แต่สารปนเปื้อนยังคงถูกปล่อยออกมาจากขีปนาวุธและกำลังเข้าสู่ห่วงโซ่อาหาร ดังนั้นการมีอยู่ของขีปนาวุธใต้ทะเลจึงเป็นดาบสองคม


ที่มา: CBS NewsThe New York TimesZME Science