คลื่นลูกที่ 4 ปรากฏการณ์มหาเศรษฐีหนีตาย

สื่อหลายสำนักเพิ่งรายงานปรากฏการณ์เกี่ยวกับการสรรหาที่หลบภัยของมหาเศรษฐีผู้กลัวคลื่นลูกที่ 4 ซึ่งเกิดจากเทคโนโลยีร่วมสมัยที่ตนใช้สร้างความร่ำรวยมหาศาล
คลื่นลูกที่ 4 เกิดจากเทคโนโลยีที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดในสังคมมนุษย์อีกครั้งหลังเกิดมาแล้ว 3 ครั้ง
การเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดครั้งแรกเริ่มเมื่อราว 10,000 ปีที่แล้ว มันเกิดจากบรรพบุรุษของมนุษย์เรารู้จักปลูกพืชจำพวกข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์ ตามด้วยรู้จักเลี้ยงสัตว์จำพวกแพะและแกะไว้เป็นอาหาร ความรู้นั้นเป็นฐานของเกษตรกรรมซึ่งทำให้วิถีชีวิตของมนุษย์เปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ
นั่นคือ จากการเร่ร่อนหาของป่าและล่าสัตว์ตามฤดูกาลซึ่งทำให้ไร้ถิ่นฐานบ้านเรือนถาวรไปเป็นการสร้างบ้านเรือนแบบถาวรเป็นกลุ่ม ๆ จนเกิดชุมชนหลากหลายขึ้น
หลังจากมีความสามารถในด้านการทำเกษตรกรรมได้ตามความประสงค์โดยเฉพาะในพื้นที่ “เสี้ยวจันทร์อุดม” ซึ่งครอบคลุมจากตอนใต้ของตุรกีถึงอียิปต์ บรรพชนรุ่นนั้นก็พัฒนาต่อไปหลายด้านจนเกิดอารยธรรมโบราณขึ้น แต่ภูมิปัญญาที่ดูเหมือนว่ามากมายนั้นกลับไม่พอที่จะพัฒนาต่อไปได้ ทำให้เกิดสงครามระหว่างคนกับธรรมชาติและระหว่างคนกับคนด้วยกัน ซึ่งยังผลให้สังคมล่มสลายและทะเลทรายเข้าครอบคลุม
โลกตกอยู่ในยุคคลื่นลูกที่ 1 กระทั่งถึงเมื่อราว 300 ปีก่อน จึงเริ่มเกิดฐานของการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดอีกครั้งหลังเริ่มการประดิษฐ์เครื่องจักรกล เครื่องยนต์ขนาดเล็กใหญ่และภูมิปัญญาใหม่เอื้อให้ผลิตสินค้าได้มากมายพร้อมกับการค้าขายที่สะดวกขึ้น ส่งผลให้เกิดความเป็นอยู่ที่ดีและอายุที่ยืนยาวขึ้นของชาวโลก
อย่างไรก็ดี มนุษย์เรายังมีปัญญาไม่พอที่จะมองเห็นและป้องกันผลร้าย หรือ “คำสาปของเทคโนโลยี” ที่ตามมา จึงเกิดปรากฏการณ์แสนโหดร้ายหลายอย่าง รวมทั้งการล่าอาณานิคมเพื่อแย่งชิงทรัพยากร การทำให้อากาศ น้ำและดินเป็นพิษ การเกิดสงครามโลก 2 ครั้งซึ่งจบลงด้วยการใช้อาวุธมหาประลัยในญี่ปุ่น
โลกตกอยู่ในยุคคลื่นลูกที่ 2 มากว่า 200 ปีจึงมีเทคโนโลยีใหม่ที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดอีกครั้ง นั่นคือ เทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งมีความมหัศจรรย์หลายอย่างรวมทั้งการส่งคนไปยังดวงจันทร์ การติดต่อสื่อสารกันทั่วโลกได้ภายในพริบตาและการใช้หุ่นยนต์ทำงานแทนคนได้ อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนแปลงที่เป็นเสมือนคลื่นลูกที่ 3 ซึ่งมีผลดีมากมายนี้พกเอาผลร้ายจากคำสาปของเทคโนโลยีติดมาด้วย
คำสาปรุ่นนี้มีผลทำให้คำสาปเดิมร้ายแรงขึ้นอีก ไม่ว่าจะเป็น ด้านการทำให้โลกร้อนขึ้น ทำให้โลกเป็นพิษมากขึ้นด้วยขยะอิเล็กทรอนิกส์ และการใช้ทรัพยากรมหาศาลในด้านการสร้างอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ร้ายแรงกว่าอาวุธมหาประลัยที่ใช้ถล่มญี่ปุ่นนับร้อยเท่า
ย้อนไปไม่นาน ผู้สังเกตการณ์บางคนเชื่อว่า การพัฒนาภูมิปัญญาด้านชีวภาพสนธิกับเทคโนโลยีดิจิทัล จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดอีกครั้งจนเป็นคลื่นลูกที่ 4 แต่ตอนนี้เริ่มมีความเห็นกันว่า การพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลจนสร้างปัญญาประดิษฐ์ชนิดใหม่ ที่สามารถคิดและตัดสินใจทำอะไรเองได้จะทำให้เกิดคลื่นลูกที่ 4
ณ วันนี้ปัญญาประดิษฐ์ชนิดใหม่ยังไม่เกิด แต่มหาเศรษฐีที่สร้างความร่ำรวยด้วยเทคโนโลยีร่วมสมัยหลายต่อหลายคนมองว่า อีกไม่นานพวกเขาจะสร้างมันขึ้นมาได้ และเมื่อมันคิดและตัดสินใจได้เอง มันอาจใช้ความสามารถฆ่ามนุษย์ส่วนใหญ่ที่ยังตกอยู่ในกองกิเลส
ด้วยเหตุนี้ มหาเศรษฐีหลายคนจึงเริ่มมองหาวิธีที่จะหนีตายไว้ล่วงหน้า นำโดยมาร์ก ซักเคอร์เบิร์กผู้สร้างสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก สื่อรายงานว่าเขาสร้างสถานที่หนีตายไว้หลายแห่ง ซึ่งมีลักษณะคล้ายหลุมหลบภัยจากอาวุธนิวเคลียร์ และอีกหลายคนเตรียมที่อยู่สำรองไว้ในพื้นที่ห่างไกลรวมทั้งในนิวซีแลนด์
ทั้งนี้ เพราะหากเทคโนโลยีมีความสามารถสูงขึ้นขนาดนั้น มันย่อมตามไปปลิดชีวิตพวกเขาได้ หากมันต้องการทำให้โลกใบนี้ไม่มีคนที่จมอยู่ในกองกิเลสอีกต่อไป ส่งผลให้เกิดยุคพระศรีอาริย์







