รับมือฤดู PM2.5 รัฐ–เอกชนรวมพลัง โปรสู้ฝุ่น Green List Plus คุมมลพิษเข้มข้น

รับมือฤดู PM2.5 รัฐ–เอกชนรวมพลัง โปรสู้ฝุ่น Green List Plus คุมมลพิษเข้มข้น

ภาครัฐและเอกชนร่วมมือเปิดตัวโครงการ “Green List Plus โปรสู้ฝุ่น” เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนนำรถยนต์มาบำรุงรักษาแลกกับส่วนลดและสิทธิประโยชน์

KEY

POINTS

  • ภาครัฐและเอกชนร่วมมือเปิดตัวโครงการ “Green List Plus โปรสู้ฝุ่น” เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนนำรถยนต์มาบำรุงรักษาแลกกับส่วนลดและสิทธิประโยชน์
  • กรุงเทพมหานครออกมาตรการคุมเข้มแหล่งกำเนิดฝุ่น โดยขยายเขตห้ามรถบรรทุกวิ่งทั่วกรุงเทพฯ (LEZ) และบังคับใช้มาตรฐานค่าควันดำที่เข้มงวดขึ้น
  • มีการประสานงานกับจังหวัดปริมณฑลเพื่อลดการเผาในภาคเกษตร และควบคุมมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม
  • เตรียมมาตรการปกป้องสุขภาพประชาชน เช่น การแจ้งเตือนฝุ่นแบบใหม่, จัดทำห้องปลอดฝุ่นในโรงเรียน และส่งเสริมการทำงานจากที่บ้าน (Work From Home)

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดยกรมควบคุมมลพิษ ร่วมกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) และกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เดินหน้าขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ช่วงปลายปี ผ่านโครงการ Green List Plus “โปรสู้ฝุ่น ลด PM2.5” ซึ่งมุ่งส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการลดการปล่อยมลพิษจากแหล่งกำเนิดต่างๆ และกระตุ้นความร่วมมือจากภาคธุรกิจด้วยมาตรการจูงใจ

วาระแห่งชาติ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ว่าการแก้ปัญหาฝุ่นครั้งนี้ จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน เนื่องจากนโยบายจากภาครัฐส่วนกลางเพียงอย่างเดียวไม่สามารถดำเนินการได้สำเร็จ

"ท่านอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพอากาศของประเทศ และมอบหมายให้ผม การดำเนินงานครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนภาพใหญ่ของรัฐบาลในการควบคุมและลดปัญหาฝุ่น PM2.5 ในเขตกรุงเทพมหานครและพื้นที่โดยรอบ เนื่องจากฝุ่นละอองสามารถแพร่กระจายตามกระแสลม ข้ามจังหวัดหรือแม้แต่ข้ามพรมแดนได้ จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการจัดการพื้นที่รอบกรุงเทพฯ ควบคู่กันไป"

รับมือฤดู PM2.5 รัฐ–เอกชนรวมพลัง โปรสู้ฝุ่น Green List Plus คุมมลพิษเข้มข้น

แก้ไขการเผาทางการเกษตร

นายสุชาติ บอกว่า ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครก็ได้ลงพื้นที่ประสานงานกับจังหวัดปริมณฑล เพื่อร่วมกันหามาตรการช่วยเหลือและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก็ให้ความรู้แก่เกษตรกร โดยเฉพาะชาวนาและชาวไร่อ้อย เพื่อส่งเสริมแนวทางการจัดการตอซังและเศษวัสดุทางการเกษตรโดยไม่พึ่งการเผา

“ไม่ได้มุ่งกล่าวโทษเกษตรกรว่าเป็นต้นเหตุของปัญหา แต่ต้องเข้าไปช่วยแก้ไขอย่างสร้างสรรค์ เนื่องจากการเผามักเกิดจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นหากไม่เผา รวมถึงปัญหาการขาดแคลนแรงงานตัดอ้อยจากประเทศเพื่อนบ้านอันเป็นผลมาจากการปิดพรมแดนในช่วงที่ผ่านมา”

ในส่วนของปัญหาฝุ่นข้ามแดน รัฐบาลอยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไข โดยเฉพาะการเผาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งกำเนิดฝุ่นขนาดเล็กที่ส่งผลต่อคุณภาพอากาศในไทย ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์เคยมีแนวคิดในการหลีกเลี่ยงการรับซื้อข้าวโพดที่เกิดจากการเผา เพื่อเป็นการร่วมมือกันลดการปล่อยมลพิษและบรรเทาปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างยั่งยืน

รับมือฤดู PM2.5 รัฐ–เอกชนรวมพลัง โปรสู้ฝุ่น Green List Plus คุมมลพิษเข้มข้น

ประชุมร่วมผู้ว่าราชการจังหวัด

นายสุชาติ กล่าวด้วยว่า จะมีการประสานการทำงานกับกลุ่มจังหวัดรอบปริมณฑล โดยจะมีการประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ เพื่อขอความร่วมมือและทำความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาล โดยเน้นให้ทุกจังหวัดให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพชีวิตและสุขภาพของประชาชนเป็นหลัก ก่อนเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนหนทาง พร้อมย้ำว่าทุกจังหวัดต้องตื่นตัวและให้ความสำคัญต่อประเด็นสุขภาพของประชาชนอย่างจริงจัง

กฎหมายเข้ม-ร่วมมือรอบด้าน-ปกป้องสุขภาพ

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครมี 2 ฤดู คือฤดูฝนและฤดูฝุ่น ตอนนี้ฤดูฝนเรื่องของน้ำท่วมผ่านไปแล้ว กำลังจะเข้าสู่ฤดูฝุ่น ปัจจัยหลักๆ ที่ก่อให้เกิดฝุ่นก็คือ เรื่องรถยนต์ ซึ่งมีการใช้เครื่องยนต์ดีเซล การเผาชีวมวลจากพื้นที่รอบข้าง รวมถึงสภาพอากาศที่จะมาในช่วงปลายปีนี้

“จากการที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ประกาศให้กรุงเทพมหานครเป็นเขตควบคุมมลพิษในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคมของทุกปี วันนี้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ได้มาร่วมกันขับเคลื่อนโครงการ Green List Plus โปรสู้ฝุ่น ลด PM2.5 รวมทั้งมาตรการอื่นๆ เพื่อลดและขจัดมลพิษในกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้จัดกลุ่มมาตรการเป็น 4-3-3 คือ 4 กฎหมายเข้ม 3 ร่วมมือรอบด้าน และ 3 ปกป้องสุขภาพประชาชน รวมเป็น 10 มาตรการ

10 มาตรการ ลดฝุ่น

1. โครงการรถคันนี้ลดฝุ่น เป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วนต่อเนื่องปีที่ 3 ซึ่งวันนี้ได้พัฒนาเป็น Green List Plus สำหรับรถ 4 ล้อ ให้นำรถมาเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองอากาศ ณ ศูนย์บริการที่เข้าร่วม อาทิ ค่ายรถยนต์ ฮอนด้า โตโยต้า อีซูซุ ฟอร์ด นิสสัน ซูซูกิ มาสด้า มิตซูบิชิ ฮีโน่ สถานีจำหน่ายน้ำมัน ปตท. บางจาก เซลล์ พีที ศูนย์บริการบีควิก และบริษัทอื่นๆ เพื่อรับส่วนลดค่าแรง ค่าอะไหล่ หรือตามเงื่อนไขที่กำหนด ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2569

โดยตั้งเป้าหมายไว้ 500,000 คัน พร้อมทั้งลงทะเบียน Green List Plus เพื่อรับใบรับรองบัญชีสีเขียว สำหรับรถ 4 ล้อ และนำไปรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจากเดอะมอลล์ กรุ๊ป, เซ็นทรัลพัฒนา, ซีพีแอ็กซ์ตร้า BTS, AIS หรือบริษัทอื่นๆ ที่เข้าร่วมโครงการ เช่น เพิ่มชั่วโมงจอดรถฟรี หรือรับ Gift Voucher เป็นต้น

2. มาตรการเขตมลพิษต่ำ (LEZ) จากเดิมห้ามรถตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป วิ่งเข้าพื้นที่วงแหวนรัชดาภิเษก เป็นห้ามวิ่งเข้าพื้นที่กรุงเทพมหานครทั้ง 50 เขต ยกเว้นรถที่ลงทะเบียนบัญชีสีเขียว (Green List) ซึ่งได้เปิดลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ https://lez.bangkok.go.th ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา มีรถ 6 ล้อขึ้นไป ลงทะเบียนแล้วกว่า 4,600 คัน

3. มาตรฐานค่าควันดำ จากเดิมไม่เกินร้อยละ 30 เป็นไม่เกินร้อยละ 20 ต้องขอบคุณกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ช่วยผลักดันกฎหมายจนสำเร็จลุล่วงและมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป แต่ยังมีกฎกระทรวงอีกฉบับที่ต้องร่วมกันผลักดันต่อไป เพื่อลดระยะเวลารถที่ปล่อยควันดำเกินมาตรฐานออกมาวิ่งใช้งาน

4. สถานที่ก่อสร้าง โรงงาน และสถานประกอบการ รถที่ใช้งานทุกคันจะต้องมีค่าควันดำไม่เกินมาตรฐาน และลงทะเบียนบัญชีสีเขียวกับกรุงเทพมหานคร

5. ติดตั้งระบบ CEMs ในโรงงานที่มีหม้อไอน้ำ (Boiler) และแก้ไขค่ามาตรฐาน NOx SO2 และ TSP ให้เข้มข้นยิ่งขึ้น ซึ่งได้รับความร่วมมือจากกระทรวงอุตสาหกรรมในการยกร่างกฎหมาย

6. ลดการเผาทางการเกษตรของจังหวัดโดยรอบกรุงเทพมหานคร โดยใช้กลไกเขตควบคุมมลพิษในการทำข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งกรุงเทพมหานครได้เริ่มหารือกับจังหวัดนครนายกแล้วเมื่อวันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา

7. ยกระดับการแจ้งเตือนค่าฝุ่น ผ่าน Cell Broadcast อยู่ระหว่างหารือกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พัฒนาระบบการพยากรณ์สถานการณ์ฝุ่นล่วงหน้า 3-7 วัน และให้ประชาชนแจ้งปัญหาเกี่ยวกับฝุ่น PM2.5 ผ่าน Traffy Fondue รวมทั้งการติดตั้ง Super Station Real Time เพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบของฝุ่น PM2.5 แบบเรียลไทม์

8. จัดทำห้องปลอดฝุ่น ในศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวันเรียนและระดับชั้นอนุบาล 1-3 ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครให้ครบทุกห้อง

9. Work From Home ในปีนี้เรามีเป้าหมายคนเข้าร่วม 300,000 คน จึงขอเชิญชวนลงทะเบียนเข้าร่วมเป็นเครือข่าย Work From Home ซึ่งเราจัดทำแนวทางไว้ 2 รูปแบบคือ เมื่อกรุงเทพมหานครประกาศขอความร่วมมือ และ Work From Home ต่อเนื่องอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วัน ตลอดเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม 2569

10. ปลูกต้นไม้ล้านต้น เพื่อเป็นแนวกำแพงในการกรองฝุ่น โดยเฉพาะในพื้นที่โซนตะวันออกของกรุงเทพมหานคร ซึ่งตอนนี้มีประชาชนลงทะเบียนปลูกต้นไม้แล้วกว่า 2.2 ล้านต้น