'เศรษฐกิจสีน้ำเงิน' พลิกวิกฤติเป็นโอกาส ขุมทรัพย์แห่งการลงทุนใหม่

'เศรษฐกิจสีน้ำเงิน' พลิกวิกฤติเป็นโอกาส ขุมทรัพย์แห่งการลงทุนใหม่

ทรัพยากรธรรมชาติคือรากฐานของเศรษฐกิจโลก แต่การเสื่อมโทรมของมหาสมุทรกำลังสร้างความเสี่ยงมหาศาล ขณะเดียวกัน "เศรษฐกิจสีน้ำเงิน" ที่มุ่งเน้นการใช้ประโยชน์จากทะเลอย่างยั่งยืน กลับเป็นทางออกที่สร้างผลตอบแทนมหาศาลและงานใหม่นับล้าน

KEY

POINTS

  • เศรษฐกิจสีน้ำเงินคือแนวคิดการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อไทยที่ภาคส่วนนี้มีส่วนใน GDP ถึง 30%
  • โมเดลธุรกิจที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูธรรมชาติในเศรษฐกิจสีน้ำเงินสามารถสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจทั่วโลกได้ถึง 10.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และสร้างงานใหม่เกือบ 400 ล้านตำแหน่งภายในปี 2573
  • มี 6 กลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพการลงทุนสูง เช่น การอนุรักษ์มหาสมุทร การประมงยั่งยืน พลังงานหมุนเวียนจากทะเล และเศรษฐกิจหมุนเวียน
  • "การเงินสีน้ำเงิน" (Blue Finance) เช่น พันธบัตรสีน้ำเงิน (Blue Bonds) กำลังกลายเป็นตลาดการลงทุนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเลที่ยั่งยืน

ทรัพยากรธรรมชาติคือรากฐานของเศรษฐกิจโลก แต่การเสื่อมโทรมของมหาสมุทรกำลังสร้างความเสี่ยงมหาศาล ขณะเดียวกัน "เศรษฐกิจสีน้ำเงิน" ที่มุ่งเน้นการใช้ประโยชน์จากทะเลอย่างยั่งยืน กลับเป็นทางออกที่สร้างผลตอบแทนมหาศาลและงานใหม่นับล้าน 

สำหรับประเทศไทย ซึ่งมีพื้นที่ชายฝั่งทะเลยาวกว่า 3,000 กิโลเมตร ภาคส่วนนี้ถือเป็นกลไกขับเคลื่อนสำคัญ มีส่วนใน GDP ถึง 30 % และกำลังเป็นพรมแดนใหม่ที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม

มหาสมุทรคือสินทรัพย์ ไม่ใช่แค่สถานที่ท่องเที่ยว

ธรรมชาติเป็นพื้นฐานของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมด โดยเฉพาะ มหาสมุทร ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่มีชีวิตของโลก ทำหน้าที่เป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนที่ใหญ่ที่สุด ดูดซับความร้อนส่วนเกินจากกิจกรรมของมนุษย์ได้กว่า 90% และเป็นที่มาของรายได้และการจ้างงานของประชากรหลายพันล้านคนทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และมลพิษ ได้ผลักดันให้โลกเข้าใกล้ "จุดพลิกผัน" (tipping points) ซึ่งรวมถึงการที่มหาสมุทรมีความเป็นกรดเพิ่มขึ้น เหตุการณ์เหล่านี้ได้เปิดโปงความเสี่ยงเชิงระบบและระยะยาวต่อตลาดโลก โดยมีการประมาณการว่า มูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 44 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ของ GDP โลก ต้องพึ่งพาบริการจากธรรมชาติในระดับปานกลางถึงสูง

โอกาสทอง 10.1 ล้านล้าน จากโมเดลธุรกิจ "ฟื้นฟูธรรมชาติ"

แม้จะมีความท้าทาย แต่ความหวังก็ยังคงมีอยู่ รายงานของสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ชี้ว่า โมเดลธุรกิจที่มุ่งเน้นการ "ฟื้นฟูธรรมชาติ" (nature-positive) สามารถสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจได้ถึง 10.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อปี และสร้างงานใหม่ได้ถึง 395 ล้านตำแหน่งภายในปี  2573 

การประชุมสมัชชาการอนุรักษ์โลก (World Conservation Congress) ซึ่งจัดโดยสหภาพระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่รัฐบาล ธุรกิจ และภาคประชาสังคม จะต้องนำหลักการปฏิบัติที่มุ่งเน้นการฟื้นฟู (regenerative practices) มาใช้ในการดำเนินงาน

ประเทศไทยกับ “เศรษฐกิจสีน้ำเงิน”

ข้อมูลจาก Beach Lover สำหรับประเทศไทย ซึ่งมีพื้นที่ชายฝั่งและทะเลที่มีชีวิตชีวาใน 23 จังหวัดชายทะเล ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ถือเป็นรากฐานความมั่งคั่งที่สำคัญยิ่ง ภาคส่วนนี้มีส่วนในการสร้าง ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ถึงราว 30 % และสร้างการจ้างงานเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยวและการประมง 

แนวคิด "เศรษฐกิจสีน้ำเงิน" (Blue Economy) ซึ่งหมายถึงการใช้ การฟื้นฟู และการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไปพร้อมกับการรักษาความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ ได้กลายเป็นวาระสำคัญของชาติ โดยรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมประมง ได้ให้ความสำคัญกับการบูรณาการแนวคิดนี้ในยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเน้นหลักการสำคัญ 3 ด้าน คือ ระบบเศรษฐกิจ ระบบนิเวศ และความมั่นคง 

6 กลุ่มธุรกิจแห่งอนาคต ที่มีศักยภาพในการลงทุนสูง

รายงาน Making Waves in the Regenerative and Sustainable Ocean Economy จาก World Economic Forum ร่วมกับพันธมิตร ได้ระบุ 6 กลุ่มธุรกิจ ในเศรษฐกิจสีน้ำเงินที่มีศักยภาพการลงทุนทั่วโลกสูงถึง 550,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อปี จนถึงปี  2573 ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญสำหรับนักลงทุนในประเทศไทย ได้แก่

  • การอนุรักษ์มหาสมุทร: การลงทุนในพื้นที่คุ้มครองทางทะเล การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และธุรกิจ "คาร์บอนสีน้ำเงิน" (Blue Carbon)
  • การประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างยั่งยืน: การใช้เทคโนโลยีและแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในการผลิตอาหารทะเลที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน
  • เศรษฐกิจหมุนเวียนและเทคโนโลยีสีน้ำเงิน: ธุรกิจที่ป้องกันความเสื่อมโทรมของมหาสมุทร เช่น การนำพลาสติกกลับมาใช้ใหม่ และการจัดการของเสีย
  • พลังงานหมุนเวียนจากมหาสมุทร: พลังงานคลื่น พลังงานน้ำขึ้นน้ำลง และพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งในทะเลโดยไม่กระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ
  • โครงสร้างพื้นฐานสีน้ำเงินที่ยั่งยืน: การพัฒนาระบบขนส่งทางทะเล ท่าเรือที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และโซลูชัน "สีเขียว/สีน้ำเงิน"
  • "จากสันเขาถึงแนวปะการัง" (Ridge to Reef): การลงทุนในโซลูชันแบบบูรณาการที่เชื่อมโยงการเกษตร การป่าไม้ และการจัดการการใช้ที่ดิน เข้ากับการจัดการชายฝั่ง

การเงินสีน้ำเงิน ไม่ใช่แค่การกุศล แต่คือโอกาสทางการเงิน

ปัจจุบัน มีการจัดสรรเงินทุนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจสีน้ำเงินอย่างยั่งยืน น้อยกว่า 1% ของเงินช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการและเงินบริจาคเพื่อการกุศลทั้งหมด ทำให้เกิดช่องว่างทางการตลาดขนาดใหญ่ที่ยังไม่มีการลงทุนอย่างเพียงพอ

อย่างไรก็ตาม ตลาดนี้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ปี  2561  จำนวนกองทุนที่มุ่งเน้นมหาสมุทรได้เพิ่มขึ้นถึง สิบเท่า และมีการใช้เครื่องมือทางการเงินที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เช่น พันธบัตรสีน้ำเงิน (Blue Bonds) ตัวอย่างเช่น ธนาคาร First Abu Dhabi Bank ได้ประกาศออกพันธบัตรมูลค่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล

การเงินคือ มหาสมุทรไม่ใช่ตลาดเฉพาะสำหรับนักลงทุนที่เน้นผลกระทบ (Impact Investors) หรือองค์กรการกุศลอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นภาคส่วนที่มีศักยภาพสูงที่ผลตอบแทนทางการเงินสอดคล้องกับผลกระทบเชิงบวกต่อธรรมชาติ

ที่มา : World Economic Forum