ความยั่งยืนแท้จริงเริ่มจากสุขภาพ สร้างสังคม Longevity ที่แข็งแรงทุกมิติ

ความยั่งยืนแท้จริงเริ่มจากสุขภาพ สร้างสังคม Longevity ที่แข็งแรงทุกมิติ

ความยั่งยืนที่แท้จริงมีรากฐานมาจากสุขภาพของมนุษย์ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาในทุกมิติ ทั้งสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม

KEY

POINTS

  • ความยั่งยืนที่แท้จริงมีรากฐานมาจากสุขภาพของมนุษย์ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาในทุกมิติ ทั้งสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม
  • แนวทางการสร้างความยั่งยืนด้านสุขภาพคือการเปลี่ยนกระบบสาธารณสุขจากการมุ่งเน้น "รักษาโรค" ไปสู่การ "ป้องกันโรค" เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายและสร้างระบบที่มั่นคง
  • การสร้างสังคมสุขภาพที่แข็งแรงและยั่งยืนต้องอาศัย 3 เสาหลัก ได้แก่ การให้ความรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) การพัฒนานวัตกรรมที่ทุกคนเข้าถึงได้ และการสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

รศ.ดร.นพ. กำพล ศรีวัฒนกุล” ประธานประธานกฎบัตรสุขภาพไทย (Thailand Charter of Health) กล่าวบนเวที CHG Global Summits 2025 ในหัวข้อ Medical Wellness Innovation โดยเน้นย้ำว่า ความยั่งยืนที่แท้จริงไม่ได้เกิดจากการรักษาโรค แต่เกิดจากการป้องกันโรคและการสร้างระบบสุขภาพที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน

“เมื่อเราพูดถึง Sustainability หลายคนมักนึกถึงสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ หรือพลังงาน แต่จากประสบการณ์ในแวดวงการแพทย์มายาวนาน แต่ผมเชื่อมั่นว่า ความยั่งยืนที่สำคัญที่สุดคือความยั่งยืนของสุขภาพมนุษย์ หากประชากรไม่มีสุขภาพดี เราจะไม่สามารถดูแลสิ่งแวดล้อม พัฒนาเศรษฐกิจ หรือสร้างสรรค์สังคมที่ดีได้ สุขภาพคือรากฐานของทุกมิติแห่งความยั่งยืน”

ในฐานะแพทย์ที่เคยเป็นผู้ป่วยเอง “รศ.ดร.นพ. กำพล” เล่าว่า ได้ประสบกับภาวะแทรกซ้อนจากโรคหลอดเลือดสมองและเบาหวาน ประสบการณ์เหล่านั้นไม่ได้ทำให้ท้อแท้ แต่กลับเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในชีวิต ทำให้มุ่งมั่นทุ่มเทกับงานด้าน Anti-aging และ Regenerative Medicine มากว่า 25 ปี

"วันนี้ ในฐานะประธาน Thailand Center of Health Wellness ได้ร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะการวิจัยร่วมกับญี่ปุ่นผ่านองค์กร International Anti-Aging Regenerative Medicine Organization (IARO) เป็นเวลา 5 ปี เพื่อศึกษาเรื่องความชราและการป้องกันโรค"

ความยั่งยืนไม่ใช่การรักษาโรค

“รศ.ดร.นพ. กำพล” บอกว่า ความยั่งยืนที่แท้จริงไม่ได้เกิดจากการรักษาโรค แต่เกิดจากการป้องกันโรคและการสร้างระบบสุขภาพที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน

“เมื่อ 40 ปีที่แล้ว ผมเป็นหนึ่งในกลุ่มแพทย์ที่ผลักดันให้โรคอ้วนได้รับการยอมรับว่าเป็นโรค ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล แต่เมื่อสังคมยอมรับ เราก็สามารถจัดการกับโรคที่ตามมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสบการณ์นี้ทำให้เข้าใจดีว่า การสร้างความยั่งยืนต้องใช้ความอดทน ความมุ่งมั่น และการทำงานร่วมกัน”

จากระบบรักษาสู่ระบบป้องกัน

ระบบสาธารณสุขในปัจจุบันกำลังเผชิญวิกฤติค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลสูงขึ้นทุกปี โรงพยาบาลเต็มไปด้วยผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และทรัพยากรทางการแพทย์มีจำกัด

“จากประสบการณ์ตรง การป้องกันโรคเบาหวานตั้งแต่ต้น ประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาภาวะแทรกซ้อนที่ไต หัวใจ และตาได้หลายเท่าตัว หากประชากร 10 ล้านคนป้องกันโรคได้สำเร็จ ระบบสุขภาพจะประหยัดงบประมาณหลายหมื่นล้านบาท การป้องกันไม่เพียงช่วยชีวิตคน แต่ยังช่วยชีวิตระบบสุขภาพทั้งระบบ”

สามเสาหลักความยั่งยืนด้านสุขภาพ

แนวคิดเรื่อง “ความยั่งยืนด้านสุขภาพ” ที่ “รศ.ดร.นพ.กำพล” ถ่ายทอดนั้นตั้งอยู่บน 3 เสาหลักสำคัญ ซึ่งสะท้อนมิติของการพัฒนาอย่างรอบด้าน ทั้งด้านความรู้ เทคโนโลยี และความร่วมมือ

  • เสาหลักที่หนึ่ง – การศึกษาและการสร้างความตระหนักรู้ (Health Literacy)

การพัฒนาความรู้ด้านสุขภาพถือเป็นรากฐานของสังคมที่ยั่งยืน เพราะความรู้คือพลังในการเปลี่ยนแปลง ผลงานวิจัยของ รศ.ดร.นพ.กำพล ตลอดกว่า 25 ปี เน้นศึกษากระบวนการชรา โดยพบข้อมูลสำคัญที่ทุกคนควรตระหนัก เช่น ความชราที่เริ่มต้นตั้งแต่อายุประมาณ 27 ปี ผลของพฤติกรรมการบริโภคต่อสุขภาพระยะยาว และแนวคิดที่ว่า “Health Span” หรือช่วงชีวิตที่มีสุขภาพดี มีความหมายมากกว่า “Life Span” หรืออายุยืนยาวเพียงอย่างเดียว ดังนั้น การสร้างความรู้ความเข้าใจด้านสุขภาพจึงควรเริ่มตั้งแต่วัยเด็ก ถ่ายทอดต่อจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อก่อร่างวัฒนธรรมสุขภาพที่มั่นคงเป็นทุนทางสังคมของประเทศ

  • เสาหลักที่สอง – เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เข้าถึงได้ (Accessible Innovation)

ความก้าวหน้าทางการแพทย์และเทคโนโลยีได้เปิดโอกาสใหม่ในการดูแลสุขภาพ แต่ความยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อนวัตกรรมเหล่านั้นสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม ไม่จำกัดอยู่เฉพาะกลุ่มคนที่มีกำลังทรัพย์ ตัวอย่างเช่น เทคโนโลยี AI ที่ช่วยวินิจฉัยโรคระยะเริ่มต้น การรักษามะเร็งด้วยเทคนิค *Boron Capture Neutron Therapy* ที่มีความแม่นยำสูง หรือระบบหุ่นยนต์ที่ช่วยดูแลผู้สูงอายุ สิ่งเหล่านี้คือความก้าวหน้าที่ต้องพัฒนาให้ใช้ได้จริงและครอบคลุมทุกคน เพราะ “นวัตกรรมที่เข้าถึงได้” คือรากฐานของสุขภาพที่ยั่งยืน

  • เสาหลักที่สาม – ความร่วมมือและแพลตฟอร์มแบ่งปัน (Collaborative Ecosystem)

ตลอดเส้นทางกว่า 25 ปีของการทำงาน รศ.ดร.นพ.กำพล ได้เรียนรู้ว่าความยั่งยืนทางสุขภาพไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากความพยายามของใครคนหนึ่ง แต่ต้องอาศัยพลังของความร่วมมือ ที่ Thailand Center of Health Wellnessจึงมุ่งสร้างแพลตฟอร์มทางวิชาการเพื่อแบ่งปันองค์ความรู้ สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างแพทย์แผนปัจจุบันกับแพทย์ทางเลือก และเชื่อมโยงข้อมูลจากทั่วโลก ตั้งแต่ยุโรปจนถึงเอเชีย เป้าหมายคือการสร้าง “สะพานแห่งองค์ความรู้” ที่ผสานภูมิปัญญาหลากหลาย เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วยและสังคมโดยรวม

ปรัชญาจาก "I" สู่ "We"

“รศ.ดร.นพ.กำพล” กล่าวว่า คำว่า "illness" และ "wellness" แตกต่างกันเพียงตัวอักษรเดียว - จาก "i" เป็น "we" ซึ่งคือหัวใจของความยั่งยืน เพราะ "i" คือการทำงานคนเดียว ระบบที่แยกส่วน ไม่ยั่งยืน ส่วน "we" คือการทำงานร่วมกัน ระบบที่เชื่อมโยง ยั่งยืนอย่างแท้จริง เมื่อแพทย์ ผู้ป่วย นักวิจัย ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทำงานร่วมกัน ก็จะเปลี่ยนความเจ็บป่วยให้เป็นความมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน

Holistic Sustainability

ความยั่งยืนด้านสุขภาพไม่ได้มีแค่มิติทางกายภาพ แต่ครอบคลุมทั้งร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ เมื่อทั้งสามมิตินี้สมดุล คนเราจะมี wellbeing ที่ยั่งยืนตลอดชีวิต
ความยั่งยืนข้ามรุ่น

การสร้างความยั่งยืนที่แท้จริงคือการถ่ายทอดความรู้สู่คนรุ่นต่อไป นี่คือสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ผู้เชี่ยวชาญทุกคนมีหน้าที่แบ่งปันความรู้กับคนรุ่นใหม่ เพราะโลกจะดีขึ้นได้ก็ต่อเมื่อรุ่นต่อไปฉลาดกว่าเรา การป้องกันโรคที่เรียนรู้ตั้งแต่เด็กจะติดตัวไปตลอดชีวิต และวัฒนธรรมสุขภาพที่ดีเป็นมรดกที่มีค่าที่สุดที่เราจะมอบให้ลูกหลาน

 

 

ผู้เขียน: ศุภชัย วงษ์โนนงิ้ว นักศึกษาฝึกงาน กรุงเทพธุรกิจ