พลิกตำราบริหารน้ำ 'Water-BOOST Toolkit' เจาะลึกเมืองต้นแบบทั่วโลก

Water-BOOST ซึ่งเป็นกรอบการทำงานใหม่ที่ช่วยให้ผู้กำหนดนโยบายสามารถ "ทำแผนที่" ระบบนิเวศนวัตกรรมน้ำของตนเอง ระบุจุดอ่อน และกำหนดกลยุทธ์เฉพาะกิจในการขยายผลเทคโนโลยีน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
KEY
POINTS
- 'Water-BOOST Toolkit' เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ใหม่จาก World Economic Forum และ Imperial College London ที่ช่วยให้เมืองต่างๆ พัฒนาระบบนิเวศนวัตกรรมน้ำ โดยถอดบทเรียนจาก 6 เมืองต้นแบบทั่วโลก
- ผลการศึกษาค้นพบว่ากุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการบริหารจัดการน้ำไม่ใช่เทคโนโลยีที่ดีที่สุด แต่เป็น "กลไกความร่วมมือ" ที่มีประสิทธิภาพระหว่างภาคส่วนต่างๆ
- เน้นย้ำถึงกลไกสำคัญ 3 ประการในการขยายผลนวัตกรรม ได้แก่ การจัดซื้อจัดจ้างแบบร่วมมือ, ความยืดหยุ่นทางกฎระเบียบ (Regulatory Sandbox) และพื้นที่ทดสอบร่วม (Shared Testbeds)
- นำเสนอกรณีศึกษาจากเมืองต้นแบบ เช่น สิงคโปร์, ซานฟรานซิสโก และบาร์เซโลนา เพื่อให้เมืองอื่นสามารถเรียนรู้และนำกลยุทธ์ไปปรับใช้ได้
เพื่อนำพาเมืองต่าง ๆ ออกจากวิกฤติน้ำและช่องว่างทางนวัตกรรม World Economic Forum และ Imperial College London ได้นำเสนอเครื่องมือวิเคราะห์เชิงระบบที่เรียกว่า Water-BOOST (Bridging Opportunities and Optimising Support Toolkit) ซึ่งเป็นกรอบการทำงานใหม่ที่ช่วยให้ผู้กำหนดนโยบายสามารถ "ทำแผนที่" ระบบนิเวศนวัตกรรมน้ำของตนเอง ระบุจุดอ่อน และกำหนดกลยุทธ์เฉพาะกิจในการขยายผลเทคโนโลยีน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เครื่องมือนี้ถูกพัฒนาขึ้นจากการศึกษาเชิงเปรียบเทียบใน 6 มหานครที่มีความหลากหลายทั่วโลก ได้แก่ ซานฟรานซิสโก, บาเลนเซีย, สิงคโปร์, อักกรา, บาร์เซโลนา และเบงคลูรู ซึ่งเผยให้เห็นว่าเมืองที่ประสบความสำเร็จไม่ได้มีนวัตกรรมที่ดีที่สุด แต่มี "กลไกความร่วมมือ" ที่ดีที่สุด
หลักการสำคัญของ Water-BOOST
กรอบการทำงาน Water-BOOST ได้วางอยู่บนหลักการพื้นฐาน 3 ข้อ เพื่อให้เมืองสามารถสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมที่ใช้งานได้จริง
- ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานระบบนิเวศขั้นต่ำ (Minimal Viable System - MVS): นวัตกรรมจะไม่สามารถขยายผลได้ หากขาดองค์ประกอบหลักบางอย่างของระบบนิเวศ เช่น ขาดกลไกการลงทุน หรือขาดความเชื่อมโยงระหว่างผู้ให้บริการน้ำกับสตาร์ทอัพ รายงานพบว่าหลายเมืองที่ศึกษายังขาดองค์ประกอบ MVS ไปอย่างน้อยหนึ่งส่วน ทำให้ความพยายามด้านนวัตกรรมยังคงแยกส่วน
- ความสัมพันธ์คือกุญแจสู่ความสำเร็จ: ความสำเร็จในการขยายผลนวัตกรรมไม่ได้อยู่ที่ "ใคร" เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เป็น "วิธีการทำงานร่วมกัน" ของพวกเขา Water-BOOST เน้นย้ำกลไกสำคัญสามประการที่ต้องพัฒนา ได้แก่ การจัดซื้อจัดจ้างแบบร่วมมือ (Collaborative Procurement) ที่เปิดโอกาสให้เทคโนโลยีใหม่เข้าสู่ตลาดภาครัฐได้ง่ายขึ้น, ความยืดหยุ่นทางกฎระเบียบ (Regulatory Sandbox) ที่อนุญาตให้ทดลองนวัตกรรมใหม่โดยไม่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดทางกฎหมายเดิม, และ พื้นที่ทดสอบร่วม (Shared Testbeds) ที่ให้ผู้ประกอบการน้ำได้ทดสอบโซลูชันในสภาพแวดล้อมจริง
- เมืองสามารถเรียนรู้ข้ามกันได้: แม้ว่าบริบททางภูมิศาสตร์และสถาบันจะแตกต่างกัน แต่กลไกและยุทธศาสตร์ที่ประสบความสำเร็จของเมืองหนึ่ง สามารถนำไปปรับใช้ให้เข้ากับบริบทของเมืองอื่นได้
ถอดรหัสความสำเร็จจากเมืองต้นแบบ
การวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบแสดงให้เห็นเส้นทางสู่ความยืดหยุ่นที่แตกต่างกันของแต่ละเมือง
- สิงคโปร์: ได้รับการยกย่องในด้านโครงสร้างการกำกับดูแลที่แข็งแกร่ง และการบูรณาการเทคโนโลยีขั้นสูงเข้ากับการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
- ซานฟรานซิสโก (San Francisco) และบาร์เซโลนา (Barcelona): โดดเด่นในด้านกลไกการกำกับดูแล (Regulatory) ที่มีความเป็นระเบียบและส่งเสริมความยืดหยุ่นทางนวัตกรรม
- บาเลนเซีย (Valencia): มีระบบนิเวศผู้ประกอบการน้ำที่เข้มแข็ง (เช่น GoHub) แต่รายงานเสนอแนะว่าควรนำแนวทางการกำกับดูแลที่สอดคล้องกัน (E1) มาจากซานฟรานซิสโกเพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านนโยบาย
- อักกรา (Accra) และเบงคลูรู (Bengaluru): เป็นตัวแทนของเมืองในซีกโลกใต้ที่เติบโตอย่างรวดเร็วและเผชิญความท้าทายที่หนักหน่วง เบงคลูรูมีความก้าวหน้าในการสนับสนุนการลงทุนและผู้ประกอบการน้ำ (Aquapreneurship) ขณะที่อักกรามีรูปแบบการจัดระเบียบของหน่วยงานกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ การเรียนรู้ข้ามกันในสองเมืองนี้จะช่วยให้เกิดการพัฒนาแบบก้าวกระโดด
จากแผนที่สู่การปฏิบัติการจริง
เครื่องมือ Water-BOOST ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจเปลี่ยนความพยายามด้านนวัตกรรมที่กระจัดกระจาย ไปสู่ระบบนิเวศที่มีการจัดระเบียบและส่งเสริมให้เกิดการขยายผลของนวัตกรรมได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่เพียงแต่จะสร้างความมั่นคงทางน้ำให้กับตัวเมืองเท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในบริบทที่กว้างกว่า เช่น พื้นที่รอบเมือง, เขตอุตสาหกรรม, และชุมชนชนบท เพื่อสร้างความยืดหยุ่นทางน้ำทั่วทั้งภูมิภาคอย่างยั่งยืน







