‘อาเซียน’ แหล่งทิ้ง ‘ขยะอิเล็กทรอนิกส์’ จาก ‘สหรัฐ’ ทำลายสุขภาพ อันตรายต่อสิ่งแวดล้อม

‘อาเซียน’ แหล่งทิ้ง ‘ขยะอิเล็กทรอนิกส์’ จาก ‘สหรัฐ’ ทำลายสุขภาพ อันตรายต่อสิ่งแวดล้อม

รายงานพบ “สหรัฐ” ส่งออกขยะอิเล็กทรอนิกส์ไปยังประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยหลีกเลี่ยงกฎระเบียบ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม

KEY

POINTS

  • สหรัฐอเมริกาส่งออกขยะอิเล็กทรอนิกส์ (e-waste) ปริมาณมหาศาลมายังประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคอาเซียน ทำให้ภูมิภาคนี้กลายเป็นแหล่งทิ้งขยะสำคัญ
  • ขยะอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้มีสารพิษอันตราย เช่น ตะกั่วและปรอท ซึ่งการกำจัดที่ไม่ถูกวิธีในอาเซียนก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและเป็นอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพ
  • บริษัทสหรัฐหลายแห่งใช้วิธีสำแดงข้อมูลเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงกฎระเบียบและลักลอบส่งออกขยะมายังประเทศต่างๆ รวมถึงไทยและมาเลเซีย แม้จะมีข้อห้ามตามกฎหมายระหว่างประเทศ

รายงานฉบับใหม่จากเครือข่ายปฏิบัติการบาเซิล (BAN) ระบุว่า “ขยะอิเล็กทรอนิกส์” หลายล้านตันจากสหรัฐถูกส่งออกไปต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ไปยังประเทศกำลังพัฒนาใน “เอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ทั้งที่ประเทศเหล่านั้นยังไม่ได้เตรียมความพร้อมสำหรับการจัดการขยะอันตรายอย่างปลอดภัย 

จากการสืบสวนของ BAN ที่กินเวลานาน 2 ปี พบว่า มีบริษัทสหรัฐอย่างน้อย 10 แห่งส่งออกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใช้แล้วไปยังเอเชียและตะวันออกกลาง ขยะอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมหาศาลถูกซุกซ่อนอยู่ในประเทศเหล่านี้ โดยไม่มีใครรับรู้ แม้ว่าขยะเหล่านี้จะทำกำไรให้แก่ภาคการรีไซเคิลอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น แต่อุปกรณ์เหล่านี้ถูกนำไปแปรรูปอย่างลับ ๆ ภายใต้สภาวะที่เป็นอันตรายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-waste หมายถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกทิ้งแล้ว เช่น โทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ มีทั้งวัสดุมีค่าและโลหะที่เป็นพิษ เช่น ตะกั่ว แคดเมียม และปรอท ซึ่งในปัจจุบันมักจะมีอายุการใช้งานสั้นลง ผู้คนเปลี่ยนรุ่นใหม่บ่อยขึ้น ขยะอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกจึงเติบโตเร็วกว่าการรีไซเคิลอย่างเป็นทางการถึง 5 เท่า

ในปี 2022 โลกผลิตขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้มากเป็นประวัติการณ์ถึง 62 ล้านตัน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 82 ล้านตันภายในปี 2030 ตามข้อมูลของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ (ITU)และหน่วยวิจัย UNITAR

ขยะอิเล็กทรอนิกส์จากสหรัฐเพิ่มภาระให้กับเอเชีย ซึ่งปัจจุบันผลิตขยะอิเล็กทรอนิกส์เกือบครึ่งหนึ่งของโลก ขยะอิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ถูกทิ้งในหลุมฝังกลบ ปล่อยสารเคมีที่เป็นพิษสู่สิ่งแวดล้อม ขยะบางส่วนถูกนำไปทิ้งในโรงกำจัดขยะที่ไม่ได้มาตรฐาน คนงานจะเผาหรือแยกชิ้นส่วนอุปกรณ์ด้วยมือ สูดดมควันพิษขณะหลอมพลาสติกและถอดสายไฟ โดยมักไม่มีอุปกรณ์ป้องกัน ทำให้เกิดควันพิษและเศษวัสดุ

รายงานระบุว่า มีตู้คอนเทนเนอร์บรรทุกขยะอิเล็กทรอนิกส์ใช้แล้วประมาณ 2,000 ตู้ หรือประมาณ 33,000 ตัน ออกจากท่าเรือสหรัฐทุกเดือน รายงานระบุว่าบริษัทที่อยู่เบื้องหลังการขนส่ง ซึ่งถูกเรียกว่า “นายหน้าขยะอิเล็กทรอนิกส์” มักจะไม่รีไซเคิลขยะด้วยตนเอง แต่ส่งให้บริษัทในประเทศกำลังพัฒนาแปรรูปต่อ

บริษัทที่ระบุในรายงานประกอบด้วย Attan Recycling, Corporate eWaste Solutions หรือ CEWS, Creative Metals Group, EDM, First America Metal, GEM Iron and Metal, Greenland Resource, IQA Metals, PPM Recycling และ Semsotai

มีบริษัท 6 แห่งไม่ได้ตอบกลับอีเมลขอความคิดเห็นในทันที ขณะที่ Semsotai กล่าวว่าบริษัทไม่ได้ส่งออกเศษวัสดุ แต่ส่งออกเฉพาะชิ้นส่วนที่ใช้งานได้เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ และกล่าวหาว่า BAN มีอคติ ส่วน PPM Recycling กล่าวว่าบริษัทปฏิบัติตามกฎระเบียบทั้งหมดและดำเนินการขนส่งอย่างถูกต้องผ่านพันธมิตรที่ได้รับการรับรอง

ทางด้าน Greenland Resource กล่าวว่าบริษัทได้พิจารณาข้อกล่าวหานี้อย่างจริงจังและกำลังตรวจสอบเรื่องนี้ภายใน ทั้งสองบริษัทกล่าวว่าไม่สามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมได้หากยังไม่ได้ดูรายงาน สำหรับ CEWS ระบุว่าบริษัทปฏิบัติตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด แต่บางประเด็นเกี่ยวกับสถานที่และวิธีการจัดการวัสดุรีไซเคิลถือเป็นความลับทางอุตสาหกรรม

รายงานประเมินว่าระหว่างเดือนมกราคม 2023 จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2025 บริษัททั้ง 10 แห่งได้ส่งออกขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่อาจปนเปื้อนสารพิษมากกว่า 10,000 ตู้คอนเทนเนอร์ คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ มูลค่าการค้ารวมของทั้งอุตสาหกรรมอาจสูงถึง 200 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน

บริษัท 8 ใน 10 แห่งที่ระบุตัวตนได้รับการรับรอง R2V3 มาตรฐานอุตสาหกรรมที่มุ่งรับประกันว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะได้รับการรีไซเคิลอย่างปลอดภัยและมีความรับผิดชอบ ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับคุณค่าของการรับรองดังกล่าว

ตู้คอนเทนเนอร์ขยะอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากถูกส่งไปยังประเทศที่ห้ามการนำเข้าขยะเหล่านี้ภายใต้อนุสัญญาบาเซิล ซึ่งเป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่ห้ามการค้าขยะอันตรายจากประเทศที่ไม่ได้ลงนาม เช่น สหรัฐ ประเทศอุตสาหกรรมเดียวที่ยังไม่ได้ให้สัตยาบัน

BAN กล่าวว่าจากการตรวจสอบบันทึกการค้าของรัฐบาลและเอกชนจากเรือและเจ้าหน้าที่ศุลกากร พบว่าสินค้ามักถูกแจ้งภายใต้รหัสการค้าที่ไม่ตรงกับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เช่น “วัสดุสินค้าโภคภัณฑ์” ไม่ว่าจะเป็นโลหะหรือสินค้ารีไซเคิลอื่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ

รายงานระบุว่า การจำแนกประเภทเหล่านี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เพราะจะสวนทางกับวิธีที่บริษัทต่าง ๆ อธิบายการดำเนินงานของตนต่อสาธารณะ

โทนี่ อาร์. วอล์คเกอร์ ผู้ศึกษาการค้าขยะทั่วโลกจากคณะทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยดัลฮูซี กล่าวว่าเขาไม่แปลกใจที่ขยะอิเล็กทรอนิกส์ยังคงหลบเลี่ยงกฎระเบียบ

แม้ว่าอุปกรณ์บางชนิดจะสามารถซื้อขายได้อย่างถูกกฎหมายหากยังใช้งานได้ แต่สินค้าส่งออกส่วนใหญ่ไปยังประเทศกำลังพัฒนามักชำรุดหรือตกรุ่น และติดฉลากไม่ถูกต้อง ซึ่งส่งไปยังหลุมฝังกลบที่ก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและมีมูลค่าทางการตลาดน้อย

วอล์คเกอร์ยกตัวอย่าง มาเลเซีย ซึ่งลงนามอนุสัญญาบาเซิล แต่กลับเป็นจุดหมายปลายทางหลักของขยะอิเล็กทรอนิกส์ของสหรัฐ และประเทศร่ำรวยอื่น ๆ

“มันหมายความว่ามาเลเซียกำลังเผชิญกับปัญหามลพิษที่มาจากต่างประเทศอย่างล้นหลาม” เขากล่าว

หลังจากที่จีนห้ามการนำเข้าขยะจากต่างประเทศในปี 2017 ธุรกิจจีนจำนวนมากได้ย้ายฐานการผลิตมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยใช้ความสัมพันธ์ในครอบครัวและธุรกิจในการขอใบอนุญาต รายงานประเมินว่า ตั้งแต่ปี 2023-2025 มาเลเซียก็รับขยะอิเล็กทรอนิกส์จากสหรัฐมากถึง 6% ของการส่งออกทั้งหมดของสหรัฐ 

“จู่ ๆ มาเลเซียก็กลายเป็นดินแดนแห่งขยะ” จิม พักเก็ตต์ จาก BAN กล่าว

นอกจากนี้ รายงานยังพบว่าสหรัฐยังส่งตู้คอนเทนเนอร์ขยะอิเล็กทรอนิกส์ไปยังอินโดนีเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แม้จะมีการห้ามตามอนุสัญญาบาเซิลและกฎหมายของประเทศก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ทางการไทยและมาเลเซียได้เพิ่มความพยายามในการปราบปรามการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์จากสหรัฐอย่างผิดกฎหมาย

ในเดือนพฤษภาคม 2025 ทางการไทยได้ยึดขยะอิเล็กทรอนิกส์จากสหรัฐ 238 ตันที่ท่าเรือกรุงเทพฯ ขณะที่ทางการมาเลเซียได้ยึดขยะอิเล็กทรอนิกส์มูลค่า 118 ล้านดอลลาร์จากการบุกจับทั่วประเทศในเดือนมิถุนายน

ซีเผิง หว่อง จากศูนย์ต่อต้านการทุจริตและการเล่นพรรคเล่นพวกของมาเลเซีย กล่าวว่า โรงงานส่วนใหญ่ในมาเลเซียนั้นผิดกฎหมายและขาดการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม พร้อมระบุว่า การส่งออกขยะอิเล็กทรอนิกส์จากประเทศร่ำรวยไปยังประเทศกำลังพัฒนาสร้างความตึงเครียดให้กับโรงงานในประเทศ ทำลายความพยายามในการจัดการขยะภายในประเทศ และถือเป็นรูปแบบหนึ่งของ “การล่าอาณานิคมทางกองขยะ”


ที่มา: AP NewsGreen MattersSouth China Morning Post