ชุมชนต้นแบบ 'ประจวบคีรีขันธ์' พลิกการอนุรักษ์สู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืน

ชุมชนต้นแบบ 'ประจวบคีรีขันธ์' พลิกการอนุรักษ์สู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืน

สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) หรือ BEDO เผยความสำเร็จของ “โครงการ บูรณาการการท่องเที่ยวบนพื้นฐานความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน”

KEY

POINTS

  • ‘พื้นที่แห่งการเรียนรู้ที่มีชีวิต’ ซึ่งแตกต่างกับการท่องเที่ยวทั่วๆ ไป นักท่องเที่ยวไม่ได้เป็นเพียงผู้บริโภค แต่เป็นผู้มีส่วนร่วมในวงจรแห่งความยั่งยืน
  • BEDO เป็นหน่วยงานที่ส่งเสริมให้ ‘การอนุรักษ์’ สามารถสร้าง ‘รายได้’ ที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับชุมชนท้องถิ่นได้
  • เมื่อชุมชนเห็นคุณค่าและร่วมกันดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรนั้นก็จะมอบประโยชน์คืนกลับมาสู่ชุมชนอย่างยั่งยืน

สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) หรือ BEDO เผยความสำเร็จของ “โครงการ บูรณาการการท่องเที่ยวบนพื้นฐานความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” ซึ่งเป็นความร่วมมือกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย (UNDP Thailand) และได้รับการสนับสนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก (GEF) โดยชูพื้นที่ปากน้ำปราณบุรี อุทยานแห่งชาติกุยบุรี และอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด เป็นต้นแบบของการสร้างเศรษฐกิจชีวภาพที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน ผ่านกิจกรรมพิเศษ “BEDO Reach to Love: เที่ยวให้ลึกเพื่อที่จะรักษ์”

“ดร.ธนิต ชังถาวร” ผู้อำนวยการ BEDO กล่าวว่า BEDO มีเป้าหมายหลักในการผลักดันนโยบายตอบสนองต่อเป้าหมายระดับโลกในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและ Nature Positive เพื่อหยุดยั้งและฟื้นฟูการสูญเสียธรรมชาติภายใน ปี 2030 โดยใช้ปี 2020 เป็นปีฐาน และมุ่งให้เกิดการฟื้นฟูธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ภายในปี 2050 BEDO เป็นหน่วยงานที่ส่งเสริมให้ ‘การอนุรักษ์’ สามารถสร้าง ‘รายได้’ ที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับชุมชนท้องถิ่นได้

ซึ่งถือเป็นการพลิกโฉมกระบวนทัศน์ดั้งเดิมที่มักมองว่าการอนุรักษ์เป็นเพียงภาระหรือต้นทุนที่ชุมชนต้องแบกรับ ให้กลายเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดที่สุดในสินทรัพย์ทางธรรมชาติที่มีอยู่ การลงทุนนี้ไม่เพียงแต่จะสร้างผลตอบแทนในรูปของตัวเงิน แต่ยังสร้างคุณค่าที่ประเมินไม่ได้ ทั้งความภาคภูมิใจในท้องถิ่น

ชุมชนต้นแบบ 'ประจวบคีรีขันธ์' พลิกการอนุรักษ์สู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

กพร. ชู เหมืองเขาเชิงเทียน ต้นแบบเหมืองสีเขียว EEC ดันแร่ยั่งยืน ชุมชนเติบโต

เบโด้ รุกส่งเสริม 'เศรษฐกิจชุมชน' ด้วย'การท่องเที่ยวชีวภาพ'

พื้นที่แห่งการเรียนรู้ที่มีชีวิต คน-ชุมชน-สัตว์ป่า

การฟื้นฟูระบบนิเวศ และการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในการเป็นผู้พิทักษ์ทรัพยากรอันล้ำค่าด้วยตนเอง โดยไม่ได้มองพื้นที่เป้าหมายเหล่านี้เป็นเพียงแหล่งท่องเที่ยวเท่านั้น แต่มุ่งเน้นยกระดับให้เป็น ‘พื้นที่แห่งการเรียนรู้ที่มีชีวิต’ ซึ่งแตกต่างกับการท่องเที่ยวทั่วๆ ไป นักท่องเที่ยวไม่ได้เป็นเพียงผู้บริโภค แต่เป็นผู้มีส่วนร่วมในวงจรแห่งความยั่งยืน การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจะถูกส่งตรงกลับไปบำรุงรักษาระบบนิเวศที่พวกเขากำลังชื่นชม 

กิจกรรม ‘BEDO Reach to Love’ ได้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่าแนวคิดนี้เกิดขึ้นได้และประสบความสำเร็จแล้วอย่างไร การจัดเส้นทางต้นแบบ “กุยบุรี-สามร้อยยอด” นี้จึงเปรียบเสมือนบทสรุปที่มีชีวิตของโครงการทั้งหมด เป็นการนำเสนอผลงานวิจัยและแผนงานต่างๆ ออกมาจากหน้ากระดาษ มาสู่การสัมผัสจริง เพื่อแสดงให้เห็นว่าแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกได้อย่างไร

โดยแต่ละสถานที่ที่ไปเยือนนั้น ไม่ได้ถูกเลือกมาอย่างบังเอิญ แต่จะสะท้อนผลลัพธ์ของโครงการในมิติต่างๆ ที่เชื่อมโยงกันอย่างชัดเจน ตั้งแต่โมเดลการจัดปัญหาการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับ สัตว์ป่าที่กลายเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจ ไปจนถึงนวัตกรรมชุมชนที่เปลี่ยนของเหลือใช้ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างคุณค่า และการปลูกฝังจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อมให้กับคนรุ่นใหม่ ทั้งหมดนี้คือจิ๊กซอว์ที่ประกอบกันเป็นภาพความสำเร็จของการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

ชุมชนต้นแบบ 'ประจวบคีรีขันธ์' พลิกการอนุรักษ์สู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืน

'จังหวัดประจวบคีรีขันธ์'ชุมชนต้นแบบ พัฒนายั่งยืน

"นีฟ คอลิเออร์-สมิธ" ผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทยกล่าวถึงบทบาทของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติในการสนับสนุนบทบาทของประเทศไทยในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวที่โอบรับผู้คนและธรรมชาติ เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals)

“การท่องเที่ยวเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างความมั่งคั่งให้กับประเทศไทย ซึ่งโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ทำงานร่วมกับประเทศไทยเพื่อให้มั่นใจว่าการลงทุนในภาคการท่องเที่ยวนั้นควบคู่ไปกับธรรมชาติ ที่จะช่วยอนุรักษ์สัตว์ป่าและการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น โดยประสบการณ์จากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับจังหวัดอื่นๆ รวมถึงเมืองท่องเที่ยวทั่วโลกเห็นแนวทางการท่องเที่ยวที่สามารถสร้างประโยชน์ทั้งต่อผู้คนและธรรมชาติไปพร้อมกันได้”

โดยในปี 2570 ภายใต้การสนับสนุนของกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก (GEF) UNDP เตรียมร่วมมือกับ BEDO นำ Access and Benefit Sharing (ABS) มาสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถจัดการการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติอย่างครอบคลุม และทำให้มั่นใจว่าผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรายได้หรือองค์ความรู้ จะถูกแบ่งปันอย่างเป็นธรรม ซึ่งระบบนี้ช่วยปกป้องสิทธิของประเทศและชุมชนท้องถิ่น และส่งเสริมการใช้ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยุติธรรมและยั่งยืน

ชุมชนต้นแบบ 'ประจวบคีรีขันธ์' พลิกการอนุรักษ์สู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืน

พื้นที่ขัดแย้งสู่โมเดลการอยู่ร่วมกันและซาฟารีเมืองไทย

ในอดีต ปัญหาการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับช้างป่าในพื้นที่กุยบุรีเป็นเรื่องใหญ่ แต่ด้วยเป้าหมายในการสร้างสมดุล ทำให้เกิดการพัฒนาจนกลายเป็นต้นแบบการจัดการที่ได้รับการยอมรับ ผลลัพธ์ที่ชัดเจนคือการก่อตั้ง “Kuiburi Ecotourism Club” วิสาหกิจชุมชนที่เปลี่ยนผืนป่าให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศระดับพรีเมียม กิจกรรม “นั่งรถซาฟารีชมช้างป่าและกระทิง” ไม่ได้เป็นเพียงการท่องเที่ยว แต่คือผลผลิตโดยตรงจากการอนุรักษ์ที่ประสบความสำเร็จ เมื่อป่าสมบูรณ์ สัตว์ป่าปลอดภัย ชุมชนก็สามารถสร้างรายได้ที่ยั่งยืนจากการเป็นผู้พิทักษ์และนำเที่ยวได้ด้วยตนเอง

นอกจากนี้ ที่ ชุมชนบ้านรวมไทย ยังเป็นที่ตั้งของนวัตกรรมจากภูมิปัญญาท้องถิ่นที่น่าทึ่ง “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มกระดาษจากใบสับปะรดและขี้ช้างป่ากุยบุรี” โดยเปลี่ยน “มูลช้าง” ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์กระดาษสาที่มีเอกลักษณ์ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ขณะที่ “วิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงชันโรงและผึ้งโพรงไทย” คือผลลัพธ์ของการแก้ปัญหาด้วยธรรมชาติ โดยใช้ “ผึ้ง” เป็นแนวป้องกันช้างเข้าพื้นที่เกษตร ซึ่งไม่เพียงลดความเสียหาย แต่ยังสร้างอาชีพเสริมจากการขายน้ำผึ้งคุณภาพสูง เป็นการตอกย้ำเป้าหมายของโครงการในการส่งเสริมให้ชุมชนพึ่งพาตนเองได้อย่างแท้จริง

ชุมชนต้นแบบ 'ประจวบคีรีขันธ์' พลิกการอนุรักษ์สู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืน

ความสมบูรณ์ของระบบนิเวศคือผลิตภัณฑ์ล้ำค่า

พื้นที่ชุ่มน้ำทุ่งสามร้อยยอด คือหัวใจของความหลากหลายทางชีวภาพ โครงการมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาและฟื้นฟูระบบนิเวศแห่งนี้ให้คงอยู่ และมีเป้าหมายในการสร้างความตระหนักรู้ถึงคุณค่าของมัน ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ “วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยชุมชนบ้านหน้าทุ่งสามร้อยยอด” ซึ่งได้เปลี่ยนความงามของทิวทัศน์และระบบนิเวศให้เป็นกิจกรรม “ล่องเรือถ่อ” ที่สร้างรายได้และชื่อเสียง กิจกรรมนี้คือข้อพิสูจน์ว่า เมื่อชุมชนเห็นคุณค่าและร่วมกันดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรนั้นก็จะมอบประโยชน์คืนกลับมาสู่ชุมชนอย่างยั่งยืน

ที่สำคัญโครงการยังมุ่งเน้นการสร้างคนรุ่นใหม่เพื่อสืบสานการอนุรักษ์ ดังจะเห็นได้จาก “วิสาหกิจชุมชนเด็กรักษ์ทุ่งเพื่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์” ซึ่งเป็นกลุ่มเยาวชนที่ทำหน้าที่เป็นผู้สื่อสารเรื่องราวของระบบนิเวศบ้านเกิดของตนเอง นี่คือผลลัพธ์ระยะยาวที่สำคัญที่สุด คือการสร้างผู้พิทักษ์รุ่นต่อไปที่เข้าใจและหวงแหนมรดกทางธรรมชาติของตนเอง ซึ่งจัดแสดงอย่างเต็มรูปแบบในงาน “BioMart Hua Hin 2025” โมเดลเศรษฐกิจชีวภาพที่ยั่งยืน ซึ่งสร้างผลกระทบเชิงบวกทั้งต่อเศรษฐกิจฐานราก สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตของผู้คนในพื้นที่ได้อย่างแท้จริง

ชุมชนต้นแบบ 'ประจวบคีรีขันธ์' พลิกการอนุรักษ์สู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืน

ชุมชนต้นแบบ 'ประจวบคีรีขันธ์' พลิกการอนุรักษ์สู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืน

ชุมชนต้นแบบ 'ประจวบคีรีขันธ์' พลิกการอนุรักษ์สู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืน

ชุมชนต้นแบบ 'ประจวบคีรีขันธ์' พลิกการอนุรักษ์สู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืน