ประกาศสูญพันธุ์ ‘หนูผีเกาะคริสต์มาส’ จากเชื้อโรค-เอเลี่ยนสปีชีส์-ที่อยู่อาศัยถูกทำลาย

ประกาศสูญพันธุ์ ‘หนูผีเกาะคริสต์มาส’ จากเชื้อโรค-เอเลี่ยนสปีชีส์-ที่อยู่อาศัยถูกทำลาย

“หนูผีเกาะคริสต์มาส” หนูผีเพียงชนิดเดียวของออสเตรเลีย ถูกจัดให้อยู่ในสถานะ “สูญพันธุ์” แล้วเรียบร้อย ปิดฉากสัตว์สายพันธุ์พื้นเมืองที่เคยอพยพผ่านป่าฝนของเกาะในยามค่ำคืน

KEY

POINTS

  • หนูผีเกาะคริสต์มาส สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเฉพาะถิ่นของออสเตรเลีย ถูก IUCN ประกาศให้เป็นสัตว์ที่สูญพันธุ์อย่างเป็นทางการ
  • สาเหตุหลักในช่วงแรกมาจากการระบาดของเชื้อโรคปรสิตที่ติดมากับหนูดำ ซึ่งเป็นชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่เข้ามาบนเกาะในปี 1900 ทำให้ประชากรหนูพื้นเมืองที่ไม่มีภูมิคุ้มกันล้มตายจำนวนมาก
  • ภัยคุกคามซ้ำเติมจากการเข้ามาของผู้ล่าชนิดใหม่อื่น ๆ เช่น แมวและงูปล้องฉนวน ประกอบกับการทำลายถิ่นที่อยู่อาศัยจากการทำเหมือง โดยมีการพบเห็นครั้งสุดท้ายที่ได้รับการยืนยันในปี 1985

10 ตุลาคม 2025 บัญชีแดงของ IUCN บัญชีรายชื่อสัตว์ที่มีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ทั่วโลก ได้อัปเดตข้อมูลสัตว์ที่อยู่ในสถานะสูญพันธุ์ใหม่ โดยหนูผีเกาะคริสต์มาส เป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมบนบก 40 ชนิดเพิ่งถูกย้ายเข้ามาในสถานะสูญพันธุ์

หนูผีเกาะคริสต์มาส” หรือ Crocidura trichura อาศัยอยู่บนเกาะคริสต์มาสอยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่ของออสเตรเลียไปทางตะวันตกประมาณ 1,500 กม. และพบได้เพียงที่นี่เท่านั้น บันทึกของนักธรรมชาติวิทยาในช่วงทศวรรษ 1890 ระบุว่าหนูผีชนิดนี้อาศัยอยู่ทั่วไปในป่าฝนของเกาะ โดยในตอนกลางคืนจะได้ยินพวกมันส่งเสียงร้องดังคล้ายกับค้างคาวทั่วทั้งเกาะ

หลังจากนั้น การเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ในปี 1900 หนูดำถูกนำเข้ามาโดยไม่ได้ตั้งใจ พวกมันแอบอยู่บนก้อนหญ้าแห้งบนเรือ ที่แย่กว่านั้นคือ หนูเหล่านี้มีปรสิตในเซลล์ชื่อ “ทริปาโนโซม” ซึ่งปรสิตเหล่านี้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปยังหนูพื้นเมืองสองสายพันธุ์ของเกาะ (และสันนิษฐานว่ารวมถึงหนูผีด้วย)

ความโดดเดี่ยวห่างไกลของเกาะคริสต์มาส ทำให้สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมพื้นเมืองไม่มีภูมิคุ้มกันต่อโรคใหม่ ๆ ภายในหนึ่งปี ชาวเกาะเริ่มเห็นหนูจำนวนมากเดินโซเซไปมาบนพื้นป่า และตายลงในที่สุด

เมื่อนักธรรมชาติวิทยาเดินทางมาเยือนเกาะแห่งนี้อีกครั้งในปี 1908 หนูพื้นเมืองสองสายพันธุ์และหนูผีเกาะคริสต์มาสก็ถูกสันนิษฐานว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว ต่อมา สัตว์เฉพาะถิ่นอื่น ๆ อีกหลายชนิดก็สูญหายหรือลดจำนวนลงอย่างมาก เนื่องจากการนำเข้าแมวและสัตว์ต่างถิ่น เช่น มด หอยทาก พืช ตะขาบยักษ์ นก และงู เข้ามาบนเกาะ

ประกาศสูญพันธุ์ ‘หนูผีเกาะคริสต์มาส’ จากเชื้อโรค-เอเลี่ยนสปีชีส์-ที่อยู่อาศัยถูกทำลาย
หนูผีเกาะคริสต์มาส ที่ถูกจับได้

การนำเข้าพืชและสัตว์เข้ามาทำลายระบบนิเวศบนเกาะ และส่งผลให้สัตว์เฉพาะถิ่นบนเกาะมีจำนวนการสูญพันธุ์ที่สูงอย่างไม่สมส่วน เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้รซ้ำแล้วซ้ำเล่าบนเกาะต่าง ๆ ทั่วโลก จนถึงปัจจุบัน

แต่หนูผียังมีชีวิตอยู่ หลังจากไม่พบเห็นมานานกว่า 50 ปี หนูผีเกาะคริสต์มาสสองตัวถูกจับได้ในช่วงทศวรรษ 1950 ขณะที่รถแทรกเตอร์เกำลังถางป่าฝนเพื่อทำเหมือง หนูผีถูกปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติ และการค้นพบนี้ไม่ได้รับการรายงานจนกระทั่งหลายปีต่อมา

หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกเป็นเวลา 30 ปี ในเดือนธันวาคม 1984 นักชีววิทยา ฮิวจ์ ยอร์กสตัน และ เจฟฟ์ ทรานเตอร์ กำลังถางป่าฝนและพบหนูผีตัวเมียที่ยังมีชีวิตอยู่ในกอเฟิร์น พวกเขาขังหนูผีไว้ในกรงเลี้ยงเป็นเวลา 12-18 เดือน โดยให้พวกมันกินตั๊กแตนเป็นอาหาร

ในเวลานั้น พวกเขาไม่ถือว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายในการอนุรักษ์สายพันธุ์นี้ผ่านโครงการเพาะพันธุ์ในกรงขัง เมื่อไม่กี่เดือนต่อมาในเดือนมีนาคม 1985 หนูผีตัวผู้ก็ถูกพบโดยบังเอิญอย่างน่าประหลาดใจ จึงถูกขังไว้ในกรงเลี้ยงแยกต่างหาก ในตอนนั้นหนูผีตัวเมียเชื่อง แต่หนูผีตัวผู้ก้าวร้าว และดูเหมือนจะป่วยด้วย

 

หนูผีเกาะคริสต์มาสไม่เหลืออยู่แล้ว

นับตั้งแต่ 1984 เป็นต้นมา ยังไม่มีการบันทึกการพบเห็นใดๆ เลย นั่นหมายความว่ามีรายงานพบหนูผีเกาะคริสต์มาสเพียง 4 ตัวในรอบกว่า 120 ปี แทบไม่มีข้อมูลทางชีววิทยาของสัตว์ชนิดนี้ที่ตีพิมพ์เลย นอกจากประโยคเดียวที่นักธรรมชาติวิทยา ชาร์ลส์ แอนดรูส์ เขียนไว้ในปี 1900

“มันอาศัยอยู่ในโพรงหินและรากไม้ และดูเหมือนจะกินแมลงเป็นอาหารหลัก”

ขนาดรูปภาพของพวกมันยังแทบไม่มีอยู่เลย แต่ภาพที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด คือ ภาพวาดหนูผีตัวสุดท้าย (ที่มนุษย์รู้จัก) จากฝีมือของแม็กซ์ ออร์ชาร์ด เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า นักธรรมชาติวิทยา และศิลปิน

ประกาศสูญพันธุ์ ‘หนูผีเกาะคริสต์มาส’ จากเชื้อโรค-เอเลี่ยนสปีชีส์-ที่อยู่อาศัยถูกทำลาย
ภาพวาดหนูผีเกาะคริสต์มาสโดยแม็กซ์ ออร์ชาร์ด

เกือบ 40 ปีนับตั้งแต่หนูผีตัวสุดท้ายที่ถูกมนุษย์จับได้ตายลง ภาครัฐพยายามทำแผนฟื้นฟูสองฉบับ ซึ่งระบุถึงมาตรการที่จำเป็นต่อการอนุรักษ์สายพันธุ์นี้ มีการค้นหาแบบเจาะจงเป้าหมาย แต่ไม่มีหนูผีตัวใดได้รับประโยชน์จากแผนเหล่านั้น

หลักฐานที่บ่งบอกถึงการสูญพันธุ์ของพวกมันอย่างชัดเจนที่สุดคือ ไม่มีการพบซากหนูผีในกระเพาะของแมวจรจัดในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา

ต่อให้หนูผีเกาะคริสต์มาสรอดชีวิตมาได้อจนถึงช่วงทศวรรษ 1980 แต่หลังจากนั้นหนูผีก็ต้องเผชิญกับนักล่าตัวใหม่ นั่นคือ “งูปล้องฉนวน” ที่แพร่กระจายไปทั่วเกาะอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ ค้างคาวพิพิสเตรลล์เกาะคริสต์มาส ซึ่งเป็นค้างคาวขนาดเล็กประจำถิ่นของเกาะ ในปี 2009 รวมถึงกิ้งก่าประจำถิ่นส่วนใหญ่ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าหนูผีเองก็จะสูญพันธุ์ไปด้วยเช่นกัน

 

เรียนรู้จากการสูญพันธุ์

การสูญพันธุ์อาจเป็นเรื่องยากที่จะพิสูจน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสายพันธุ์ที่ลึกลับอย่างหนูผีเกาะคริสต์มาส แต่การสูญพันธุ์ของมันจะต้องไม่สูญเปล่า และหาทางไม่ให้สัตว์ชนิดอื่น ๆ สูญพันธุ์ได้อีก

นักวิทยาศาสตร์ได้สรุปบทเรียนของการสูญเสียครั้งนี้ไว้ด้วยกัน 3 ประการ ได้แก่ การเฝ้าระวังโรคต้องเป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยความมั่นคงทางชีวภาพของเกาะ ไม่ใช่สิ่งที่คิดขึ้นภายหลังเมื่ออัตราการตายเริ่มต้นขึ้น

นอกจากนี้ ต้องมีการตอบสนองอย่างรวดเร็ว เมื่อพบซากสัตว์ที่เหลือเพียงเล็กน้อย รวมถึงต้องเฝ้าระวังให้เหมาะสมกับสายพันธุ์เป้าหมาย พร้อมปรับปรุงเครื่องมือ วิธีการตรวจดีเอ็นเอให้ทันสมัย ใช้สุนัขดมกลิ่น เพื่อขยายขอบเขตการเข้าถึง เมื่อจำนวนสิ่งมีชีวิตมีน้อยและหายาก

นักชีววิทยายังคงได้แต่หวังว่าหนูผีเกาะคริสต์มาสจะไม่สูญพันธุ์ อาจจะมีครอบครัวหนูผีเล็ก ๆ แอบซ่อนอยู่บางทีที่ไหนสักแห่งบนเกาะแห่งนี้ และรอคอยที่จะพิสูจน์ให้คนทั้งโลกรู้ว่า พวกมันยังไม่สูญพันธุ์


ที่มา: EarthThe ConversationThe Guardian