‘จีน’ เจอวิกฤติสองเด้ง! ‘เซี่ยงไฮ้’ กำลังจม ระดับน้ำทะเลสูงสุดในรอบ 4,000 ปี

นักวิจัยนานาชาติเตือน “จีน” เสี่ยงน้ำท่วมเจอที่เพิ่มขึ้นจากปัญหาดินทรุดที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ โดยเฉพาะเซี่ยงไฮ้
KEY
POINTS
- จีนกำลังเผชิญวิกฤตซ้อนสอง ทั้งจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นเร็วที่สุดในรอบ 4,000 ปี และปัญหาแผ่นดินทรุดในเมืองสำคัญอย่างเซี่ยงไฮ้
- สาเหตุหลักที่ทำให้เซี่ยงไฮ้ทรุดตัวอย่างรวดเร็วมาจากกิจกรรมของมนุษย์ โดยเฉพาะการสูบน้ำบาดาลปริมาณมหาศาล ซึ่งทำให้บางพื้นที่จมลงกว่า 1 เมตรในศตวรรษที่ผ่านมา
- ปรากฏการณ์นี้คุกคามศูนย์กลางทางการเงินของจีนและห่วงโซ่อุปทานของโลก เนื่องจากเมืองสำคัญหลายแห่งตั้งอยู่ในพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำที่มีความเสี่ยงสูงต่อน้ำท่วม
ระดับน้ำทะเลทั่วโลกกำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว สูงที่สุดในรอบ 4,000 ปี ขณะเดียวกัน “เซี่ยงไฮ้” กำลังจมลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อศูนย์กลางการเงินของจีนและซัพพลายเชนของโลก นักวิทยาศาสตร์เตือนในงานวิจัยชิ้นใหม่
ทีมวิจัยนานาชาติระบุว่า จีนกำลังเผชิญกับภัยคุกคามสองต่อจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น เนื่องจากเมืองใหญ่และมีความสำคัญทางเศรษฐกิจมากที่สุดหลายแห่งกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำ ซึ่งเป็นพื้นที่ราบใกล้แหล่งน้ำที่เหมาะสำหรับการพัฒนาเมือง แต่ยังคงมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดน้ำท่วม
เซี่ยงไฮ้ เซินเจิ้น และฮ่องกง เป็นหนึ่งในเมืองสำคัญในพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะจมลงตามธรรมชาติ เนื่องจากตั้งอยู่บนตะกอนที่หนาและอ่อนนุ่ม
นักวิจัยจากสถาบันต่าง ๆ ในสหราชอาณาจักร จีน และสหรัฐตีพิมพ์บทความในวารสาร Nature ว่า มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งที่อัตราการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลเฉลี่ยทั่วโลกนับตั้งแต่ปี 1900 จะสูงกว่าศตวรรษใด ๆ ตลอดอย่างน้อย 4,000 ปีที่ผ่านมา โดยอัตราการเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1.5 มิลลิเมตรต่อปี ส่วนใหญ่เกิดจากการขยายตัวของน้ำทะเลเมื่ออุณหภูมิอุ่นขึ้น และปัจจัยอื่น ๆ ที่ประกอบกัน ได้แก่ การละลายของธารน้ำแข็งและแผ่นน้ำแข็งขั้วโลกทำให้มีน้ำเพิ่มขึ้น
“การวิเคราะห์ของเราชี้ให้เห็นว่า การทรุดตัวอย่างรวดเร็วของเมืองสมัยใหม่อย่างน้อย 94% มีสาเหตุมาจากกิจกรรมของมนุษย์ โดยอัตราการทรุดตัวเฉพาะพื้นที่มักสูงกว่าระดับน้ำทะเลเฉลี่ยทั่วโลก” นักวิทยาศาสตร์กล่าว
กิจกรรมของมนุษย์ ซึ่งส่วนใหญ่คือการสูบน้ำบาดาล อาจทำให้พื้นผิวโลกทรุดตัวเร็วกว่าอัตราธรรมชาติมาก
เซี่ยงไฮ้ ตั้งอยู่บนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีเกียง โดยมีการพบการทรุดตัวของแผ่นดินของมหานครแห่งนี้เป็นครั้งแรกในปี 1921 ต่อมาในช่วงทศวรรษ 1960 ที่มีการสูบน้ำบาดาลสูงสุดที่ 200 ล้านตันต่อปี ทำให้อัตราทรุดตัวของแผ่นดินต่อปีสูงถึง 105 มิลลิเมตร
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้มหาสมุทรดูดซับความร้อนและขยายตัวภายใต้สภาพภูมิอากาศที่ร้อนขึ้น ขณะที่แผ่นน้ำแข็งที่ละลายในกรีนแลนด์และแอนตาร์กติกาทำให้น้ำในมหาสมุทรเพิ่มขึ้น
เพื่อประเมินผลกระทบของระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นต่อสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีเกียงของจีน ทีมงานได้วิเคราะห์บันทึกทางธรณีวิทยา ข้อมูลการทรุดตัว และผลกระทบของกิจกรรมของมนุษย์ในพื้นที่ชายฝั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีเกียงและสามเหลี่ยมปากแม่น้ำจูเจียง
ทีมงานได้จำลองการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทะเลในช่วง 11,700 ปีที่ผ่านมา จากบันทึกจากแนวปะการังโบราณและป่าชายเลน ซึ่งเป็นเอกสารทางธรรมชาติที่บันทึกระดับน้ำทะเลในอดีต ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของยุคธรณีวิทยาปัจจุบัน หรือยุคโฮโลซีน หลังยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้าย
หลิน ยู่เฉิง ผู้ช่วยนักวิจัยหลังปริญญาเอก ภาควิชาธรณีวิทยาและดาวเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยรัตเกอร์ส หนึ่งในผู้ทำการวิจัย กล่าวว่า พื้นที่บางส่วนของเซี่ยงไฮ้จมลงมากกว่า 1 เมตร ในศตวรรษที่ผ่านมา เนื่องจากการใช้น้ำใต้ดินมากเกินไป
อัตราการทรุดตัวนี้ถือเร็วกว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลทั่วโลกในปัจจุบันหลายเท่า ปัจจุบันเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์วิจัยที่ CSIRO หน่วยงานวิจัยแห่งชาติของออสเตรเลีย โดยเชี่ยวชาญด้านระดับน้ำทะเลและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
“ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นหลายเซนติเมตรจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมในพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำอย่างมาก พื้นที่เหล่านี้ไม่เพียงแต่มีความสำคัญภายในประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางการผลิตระหว่างประเทศอีกด้วย หากเกิดความเสี่ยงต่อชายฝั่งขึ้น ซัพพลายเชนทั่วโลกจะตกอยู่ในความเสี่ยง” ยู่เฉิงกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เซี่ยงไฮ้เริ่มตระหนักถึงปัญหาดินทรุดและเริ่มควบคุมการใช้น้ำใต้ดิน เช่นเดียวกับเมืองใหญ่ ๆ ทั่วโลก เช่น นิวยอร์ก จาการ์ตา และมะนิลา ต่างตั้งอยู่บนที่ราบชายฝั่งที่ราบต่ำ ต่างก็มีความเสี่ยงเหล่านี้ร่วมกัน
“สามเหลี่ยมปากแม่น้ำเป็นสถานที่ที่ดี เหมาะสำหรับการทำเกษตรกรรม การประมง การพัฒนาเมือง และดึงดูดอารยธรรมเข้ามาโดยธรรมชาติ แต่พื้นที่เหล่านี้ค่อนข้างราบ แต่มีแนวโน้มที่จะทรุดตัวลงจากการกระทำของมนุษย์ ดังนั้นการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลอย่างต่อเนื่องอาจทำให้พื้นที่จมลงอย่างรวดเร็ว” หลินกล่าว
ในการศึกษาแยกต่างหากที่ตีพิมพ์ในเดือนมิถุนายน นักวิจัยในเซี่ยงไฮ้และเนเธอร์แลนด์พบว่าในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา การทรุดตัวอย่างรุนแรงในเซี่ยงไฮ้ได้ขยายจากเขตเมืองใจกลางเมืองไปยังเขตชานเมืองโดยรอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตอุตสาหกรรมชายฝั่งตะวันออกและทางตอนใต้
แต่ทีมวิจัยพบว่าการจัดการน้ำใต้ดินและการเติมน้ำบาดาลช่วยลดอัตราการทรุดตัวลงได้อย่างมาก การศึกษานี้ยังจัดทำแผนที่ความเสี่ยงเพื่อช่วยให้รัฐบาลและนักวางผังเมืองระบุจุดเสี่ยงดินทรุดและเตรียมพร้อมรับมือกับระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นในอนาคต
จีนเผชิญกับความสูญเสียทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 1,500 ล้านดอลลาร์ต่อปี จากปัญหาระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและแผ่นดินที่ทรุดตัวลงจากการใช้น้ำใต้ดินมากเกินไป โดยเซี่ยงไฮ้เพียงแห่งเดียวสร้างความเสียหายมากกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์ระหว่างปี 2001-2020
แม้ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยก็ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวง ดังนั้นการบริหารจัดการน้ำ และวิศวกรรมชายฝั่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อทั้งเศรษฐกิจของจีนและเสถียรภาพทางการค้าโลก







