กะโหลกค่างจำนวนมาก แก่งกระจาน 'สุชาติ' สั่งหาคนทำผิด ไม่เว้นคนในเครื่องแบบ

เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนพบกะโหลกค่าง 11 หัว พร้อมหลักฐานการล่าสัตว์จำนวนมากในพื้นที่มรดกโลกอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกฯ และ รมว.ทส. สั่งการให้กรมอุทยานฯ เพิ่มความเข้มงวดในการปราบปรามและเร่งสืบสวนหาผู้กระทำผิด
KEY
POINTS
- เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนพบกะโหลกค่าง 11 หัว พร้อมหลักฐานการล่าสัตว์จำนวนมากในพื้นที่มรดกโลกอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
- นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกฯ และ รมว.ทส. สั่งการให้กรมอุทยานฯ เพิ่มความเข้มงวดในการปราบปรามและเร่งสืบสวนหาผู้กระทำผิด
- รมว.ทส. ย้ำว่าจะดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดให้ถึงที่สุด โดยไม่ละเว้นแม้จะเป็นเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบหากมีส่วนเกี่ยวข้อง
นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ตรวจพบหลักฐานการล่าสัตว์ป่าจำนวนมาก ทั้งกะโหลกค่าง 11 หัว กะโหลกสัตว์ใหญ่ 1 หัว ปลอกกระสุนปืนลูกซอง ปางพักพราน และกับดักสลิงขนาดใหญ่ ภายในพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติ โดยระบุว่า ได้สั่งการให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวน และปราบปรามการลักลอบล่าสัตว์ป่าอย่างเด็ดขาด
นายสุชาติกล่าวว่า การพบซากสัตว์ป่าจำนวนมากในพื้นที่อุทยานฯ แก่งกระจานเป็นเรื่องที่ “ยอมรับไม่ได้” เพราะพื้นที่แห่งนี้ถือเป็น “มรดกโลกทางธรรมชาติ” ที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ จำเป็นต้องรักษาความสมบูรณ์ของระบบนิเวศไว้ให้คงอยู่ต่อไป พร้อมย้ำว่าหากสามารถสืบสวนหาผู้กระทำผิดได้ ต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุดโดยไม่ละเว้น
“ผืนป่าแก่งกระจานเป็นสมบัติของประเทศและของโลก เราต้องร่วมกันปกป้อง หากพบว่าเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการล่าสัตว์ จะต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดเช่นเดียวกัน เพราะผู้พิทักษ์ป่าต้องเป็นแบบอย่างในการปกป้อง ไม่ใช่ผู้ทำลาย” นายสุชาติกล่าว
นายสุชาติ ยังได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่มีภารกิจด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นกรมอุทยานฯ กรมป่าไม้ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมสร้างความร่วมมือกับประชาชน ชุมชนท้องถิ่น และองค์กรภาคประชาสังคมในพื้นที่ เพื่อให้เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแล ฟื้นฟู และเป็นหูเป็นตาช่วยสอดส่องการกระทำผิดในป่า ทั้งในด้านสัตว์ป่า ป่าไม้ ป่าชายเลน รวมถึงการจัดการขยะทะเล
ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า การตรวจพบซากกะโหลกสัตว์และอุปกรณ์ล่าสัตว์ในครั้งนี้ เป็นผลจาก “แผนยุทธการ ปก ป้อง ป่า” ซึ่งเจ้าหน้าที่ดำเนินการลาดตระเวนระหว่างวันที่ 10–16 ตุลาคม 2568 เพื่อปราบปรามการลักลอบล่าสัตว์ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
หลังรับนโยบายจากรองนายกฯ และ รมว.ทส. นายอรรถพลได้สั่งการให้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นายอรรถพงษ์ เภาอ่อน และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ เพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง พร้อมเก็บกู้อุปกรณ์ล่าสัตว์ทั้งหมดออกจากพื้นที่โดยเร็ว และเร่งสืบสวนขยายผลเพื่อจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
“กรมอุทยานฯ ได้รับคำสั่งชัดเจนให้ดำเนินการอย่างเข้มข้นและทั่วถึง ทั้งในพื้นที่แก่งกระจานและพื้นที่อนุรักษ์ทั่วประเทศ เพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดด้านสัตว์ป่าและป่าไม้ โดยเฉพาะพื้นที่มรดกโลกที่มีคุณค่าทางธรรมชาติสูงสุดของประเทศ” อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าว
นายอรรถพลยังได้เน้นย้ำนโยบายของ รมว.ทส. ว่า หากพบเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบล่าสัตว์ จะไม่มีการละเว้น และต้องถูกดำเนินการทางวินัยและกฎหมายอย่างเด็ดขาด พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ภาคสนามที่ปฏิบัติงานอย่างทุ่มเทในสภาพพื้นที่ยากลำบาก เพื่อพิทักษ์รักษาทรัพยากรของชาติ
“การอนุรักษ์จะเกิดผลสำเร็จได้ ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกฝ่าย โดยเฉพาะชุมชนในพื้นที่ที่อยู่กับป่า ให้มีส่วนร่วมเป็นเครือข่ายในการดูแลและเฝ้าระวัง เพื่อให้ผืนป่ามรดกโลกแก่งกระจานคงความอุดมสมบูรณ์ต่อไป” นายอรรถพลกล่าวทิ้งท้าย
การตรวจพบการล่าสัตว์ป่าในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานครั้งนี้ เป็นสัญญาณเตือนถึงภัยคุกคามต่อความสมบูรณ์ของพื้นที่มรดกโลกที่สำคัญของไทย ภาครัฐจึงเดินหน้าเพิ่มมาตรการลาดตระเวน ตรวจตรา และบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ภายใต้นโยบาย “ปก ป้อง ป่า” ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ป่าไม้และสัตว์ป่าของไทยได้รับการคุ้มครองอย่างยั่งยืนต่อไป







