แฟชั่นเพื่อโลกยั่งยืน โชกุบุสซึ–PIPATCHARA ชุบชีวิตขยะพลาสติกให้มีค่า

โชกุบุสซึ ร่วมมือกับแบรนด์แฟชั่น PIPATCHARA ในแคมเปญ ‘Go Green Go Glam’ เปลี่ยนขยะฝาขวดพลาสติกให้เป็นแฟชั่นไอเท็มเพื่อความยั่งยืน
KEY
POINTS
- โชกุบุสซึ ร่วมมือกับแบรนด์แฟชั่น PIPATCHARA ในแคมเปญ ‘Go Green Go Glam’ เปลี่ยนขยะฝาขวดพลาสติกให้เป็นแฟชั่นไอเท็มเพื่อความยั่งยืน
- นำฝาขวดครีมอาบน้ำใช้แล้ว 15 กิโลกรัม มาสร้างสรรค์เป็นคอลเลกชันพิเศษ "FL with Purpose" โดยมีชุด “Green Gold” ที่ญาญ่า อุรัสยา สวมใส่เป็นผลงานไฮไลต์
- สินค้าแฟชั่นจากขยะพลาสติกจะถูกนำไปประมูลเพื่อนำรายได้ทั้งหมดมอบให้กับมูลนิธิสติ (SATI Foundation) เป็นการสร้างคุณค่าและประโยชน์คืนสู่สังคม
ในยุคที่วิกฤติพลาสติกและสิ่งแวดล้อมเป็นประเด็นที่ทุกคนต่างหันมาให้ความสนใจ โชกุบุสซึ โมโนกาตาริ (Shokubutsu Monogatari) แบรนด์ผลิตภัณฑ์ครีมอาบน้ำชั้นนำของไทย ได้ก้าวออกมาสร้างสรรค์แคมเปญ “Go Green Go Glam” ที่พิสูจน์ว่าขยะพลาสติกสามารถเปลี่ยนเป็นไอเท็มแฟชั่นสุดพิเศษได้จริง ผ่านความร่วมมือกับแบรนด์แฟชั่นไฮเอนด์ PIPATCHARA และ ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ พรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์
พันธกิจความงามจากธรรมชาติสู่ความยั่งยืน
“วรรัช เอกอวัสดาพร” ผู้จัดการส่วนผลิตภัณฑ์ดูแลความงาม บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา โชกุบุสซึยึดมั่นในพันธกิจส่งมอบความงามจากธรรมชาติควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยเลือกใช้สารทำความสะอาดจากพืชธรรมชาติถึง 99% พัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์น้ำหนักเบา ทำให้สามารถลดการใช้พลาสติกได้มากกว่า 42 ตันต่อปี รวมถึงช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
นอกจากนี้ โชกุบุสซึยังเลือกใช้วัตถุดิบจากเกษตรกรไทย พร้อมพัฒนาผลผลิตจากวัตถุดิบเหลือทิ้ง เช่น เมล็ดมะไฟจีนในจังหวัดน่าน ซึ่งไม่เพียงช่วยสร้างคุณค่าด้านสิ่งแวดล้อม แต่ยังยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) อีกด้วย
สำหรับในปีนี้ โชกุบุสซึต่อยอดเจตนารมณ์ดังกล่าวด้วยการร่วมงานกับ PIPATCHARA แบรนด์แฟชั่นสัญชาติไทยที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในวงการแฟชั่นทั้งในระดับประเทศและระดับโลก ซึ่งมีแนวทางด้านความยั่งยืนสอดคล้องกัน สร้างสรรค์แคมเปญ ‘Go Green Go Glam’ เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมได้ด้วยการบริจาคขวดครีมอาบน้ำโชกุบุสซึเหลือใช้ไปหย่อนที่ตู้รีไซเคิลในท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต 5 สาขาทั่วกรุงเทพ สาขาทั่วกรุงเทพฯ ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลอีสต์วิลล์ เซ็นทรัลเวสต์วิลล์ เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ และเซ็นทรัลบางนา
ระยะเวลาการเก็บรวบรวม คือ 1-30 กันยายน 2568 ผู้ร่วมบริจาคจะได้รับคูปองส่วนลด 40 บาท สำหรับซื้อสินค้าโชกุบุสซึ และสามารถสะสมคะแนนเพื่อลุ้นรับสร้อยข้อมือคอลเลกชันพิเศษจาก PIPATCHARA
ประชาชนร่วมบริจาคฝาขวด
“วรรัช” กล่าวด้วยว่า โชกุบุสซึ โมโนกาตาริได้สนับสนุนฝาขวดพลาสติกใช้แล้วทั้งหมด 15 กิโลกรัม เพื่อให้ PIPATCHARA นำมาแปรรูป ซึ่งเป็นฝาขวดแท้ 100% จากผู้บริโภคที่ใช้สินค้าของแบรนด์แล้ว
ฝาขวดเหล่านี้จะถูกแปรรูปและดีไซน์เป็นแฟชั่นไอเท็มสุดพิเศษ เพื่อนำไปจัดประมูลผ่านช่องทางอินสตาแกรม @PIPATCHARA ในวันที่ 18 ตุลาคม 2568 เวลาเที่ยงตรง และจะสิ้นสุดในวันที่ 19 ตุลาคม 2568 เวลาเที่ยงตรง โดยรายได้ทั้งหมดจากการประมูลจะถูกมอบต่อให้กับมูลนิธิสติ (SATI Foundation) ถือเป็นการเปลี่ยนพลาสติกเหลือใช้ให้กลายเป็นพลังบวกเพื่อโลกอย่างแท้จริง
- ข่าวที่เกี่ยวข้อง: 'ญาญ่า' ส่งสารถึงคนรุ่นใหม่ ซื้อเสื้อผ้าเพื่อคุณค่า แก้ปัญหาขยะล้นโลก
ความงามหลอมรวมกับความยั่งยืน
“ภิพัชรา แก้วจินดา” ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้ง PIPATCHARA กล่าวเสริมว่า การทำงานครั้งนี้คือการพิสูจน์ว่าความสวยงามและความยั่งยืนสามารถหลอมรวมกันได้จริง โดยนำฝาขวดครีมอาบน้ำโชกุบุสซึมาแปรรูป สร้างเป็นชุดแฟชั่นและกระเป๋าลิมิเต็ด ทุกชิ้นไม่เพียงสะท้อนความประณีตของงานดีไซน์ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนขยะให้มีคุณค่า และเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่เห็นว่าการรักษ์โลกไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่คือสไตล์ชีวิตที่สง่างามและน่าภาคภูมิใจ
Sustainability เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ชิดกับ PIPATCHARA มาตั้งแต่ต้น แบรนด์มีความตั้งใจอย่างต่อเนื่องในการทำงาน พร้อมแนวความคิดและจุดยืนที่ค่อนข้างชัดเจนในเรื่องของสิ่งแวดล้อม
“เราให้ความสำคัญกับการทำงานกับ Consumer Waste (ขยะที่ลูกค้าใช้แล้ว) วัตถุประสงค์คือการนำวัสดุที่เหลือใช้กลับมาสร้างเป็นสินค้าแฟชั่น และใส่ใจในเรื่องของความยั่งยืนในการช่วยเหลือทั้งชุมชนและสังคม เพื่อสร้างรายได้ สร้างอาชีพ และสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนในสังคม”
PIPATCHARA ได้ร่วมสร้างสรรค์คอลเลกชันที่ชื่อว่า "Flourish with Purpose" ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ของการทำงานแฟชั่น คอลเลกชันนี้เริ่มต้นจากการรวบรวมขยะของโชกุบุสซึได้ทั้งหมด 15 กิโลกรัม
“เดิมทีคิดว่าจะสามารถสร้างสินค้าได้เพียงชิ้นเดียว แต่ท้ายสุดแล้วสามารถพัฒนาให้เป็นคอลเลกชันที่สมบูรณ์ โดยปกติแล้วกระเป๋าหนึ่งชิ้นใช้ฝาขวดประมาณ 190 ชิ้น แต่ในคอลเลกชันนี้มีตั้งแต่ 190 ชิ้นถึงประมาณ 280 ชิ้น
ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายในการออกแบบ ผลิตภัณฑ์จากพลาสติกชนิด PET ซึ่งเป็นวัสดุที่ใช้ทำขวด มีความท้าทายมาก เนื่องจากมีความหนืดและเหนียวมากกว่าพลาสติกทั่วไป ต้องใช้เวลาและควบคุมอุณหภูมิอย่างระมัดระวังเพื่อให้ผิวของชิ้นงานออกมาเรียบ ไม่ขรุขระ และสวยงาม”
ญาญ่าใส่ชุดจากขยะฝาขวดพลาสติก
ตัวอย่างผลงานที่โดดเด่นของโครงการนี้คือชุด “Green Gold” ที่ "ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์" สวมใส่ ซึ่งทำมาจากฝาขวดพลาสติกใช้แล้วของโชกุบุสซึ 100% ผ่านการรีไซเคิลและแปรรูปโดยฝีมือของ PIPATCHARA
"ญาญ่า" กล่าวว่า นี่คือครั้งแรกที่สวมใส่ชุดที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล 100% มันพิสูจน์ให้เห็นว่าขยะสามารถกลายเป็นศิลปะได้
“หากเราสามารถร่วมมือกันนำพลาสติกที่ถูกทิ้งกลับมาสร้างมูลค่าได้ โลกจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีและยั่งยืนขึ้นอย่างแน่นอน การที่คนรุ่นใหม่ได้เห็นว่าขยะสามารถกลายเป็นสินค้าแฟชั่นที่สวยงาม จะเปิดใจให้พวกเขาหันมาสนใจเรื่องการรักษ์โลกมากขึ้น”
ส่องคอลเลกชัน Florish with Purpose
สีที่นำมาใช้ในคอลเลกชันนี้ไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลง แต่เป็นสีดั้งเดิมจากฝาขวดของโชกุบุสซึโดยตรง คือสีเขียวและสีชมพูเข้ม ซึ่งเป็นสีที่มีปริมาณขยะมากที่สุดที่สามารถนำมาทำคอลเลกชันได้ การผสมสีก็ทำให้เกิดความหลากหลาย โดยสามารถผสมกับสีใส เพื่อทำให้สีอ่อนลง โดยสีเขียวที่ใช้มีความใสมากโดยมีส่วนผสมของสีเขียวประมาณ 10% และสีชมพูประมาณ 20% เพื่อให้สีอ่อนลง
- กระเป๋า : มีหลายรูปทรง รวมถึงรูปทรงใหม่ที่ชื่อว่า “Aqua” ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทำออกมาในสีชมพู ลูกค้ามักเรียกชื่อกระเป๋าตามสี เช่น อยากได้สีชมพู
- ชุด : มีการออกแบบชุดพิเศษสำหรับโครงการนี้ ซึ่งญาญ่าสวมใส่ ชุดนี้ชื่อว่า “Green Gold” หรือ “Flow with Purpose” ชุดและกระเป๋านี้ทำให้ผู้หญิงดูมีดีไซน์ มีความเป็นแฟชั่น และมีความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อม
ผู้เขียน: ศุภชัย วงษ์โนนงิ้ว นักศึกษาฝึกงาน กรุงเทพธุรกิจ







