3 ปัจจัยชี้ชะตาไทย Net Zero เร็วขึ้น 15 ปี ปรับกฎ–สินทรัพย์สูญค่า–เร่งลงทุน

3 ปัจจัยชี้ชะตาไทย Net Zero เร็วขึ้น 15 ปี ปรับกฎ–สินทรัพย์สูญค่า–เร่งลงทุน

รัฐบาลไทยตั้งเป้าหมาย Net Zero ให้เร็วขึ้น 15 ปี เป็นภายในปี 2593 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ว่าความสำเร็จขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยหลัก คือ การปรับปรุงกฎระเบียบ การจัดการสินทรัพย์ที่อาจสูญค่า และการเร่งรัดการลงทุน

KEY

POINTS

  • รัฐบาลไทยตั้งเป้าหมาย Net Zero ให้เร็วขึ้น 15 ปี เป็นภายในปี 2593
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้ว่าความสำเร็จขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยหลัก คือ การปรับปรุงกฎระเบียบ การจัดการสินทรัพย์ที่อาจสูญค่า และการเร่งรัดการลงทุน
  • การผลักดันกฎหมายสำคัญ 3 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.อากาศสะอาด, พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อสร้างตลาดคาร์บอนภาคบังคับ และแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) ที่เน้นพลังงานหมุนเวียนและลดการใช้ถ่านหิน
  • ความท้าทายสำคัญคือการจัดการสินทรัพย์ในภาคพลังงานและขนส่งที่พึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น โรงไฟฟ้าและรถบรรทุกดีเซล ซึ่งเสี่ยงที่จะกลายเป็นสินทรัพย์สูญค่า (Stranded Assets)
  • ไทยเผชิญช่องว่างด้านเงินทุนมหาศาล โดยต้องการงบประมาณมากกว่า 1.28 ล้านล้านบาทต่อปี เพื่อการเปลี่ยนผ่าน แต่ปัจจุบันมีการลงทุนเพียง 0.24 ล้านล้านบาทต่อปี

นายกรัฐมนตรี "อนุทิน ชาญวีรกูล" ได้ประกาศนโยบายปรับเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ของประเทศไทยให้เร็วขึ้น 15 ปี เป็นภายในปี 2593 ซึ่งกำหนดให้มีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 370 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี

ในการประชุม COP30 ปีนี้ คาดว่าประเทศต่าง ๆ จะประกาศแผนการลดการปล่อยคาร์บอนในช่วง 5 ปีถัดไปจนถึงปี 2578 หากนายกรัฐมนตรี ยืนยันเป้าหมายใหม่ดังกล่าวในการประชุม รูปแบบเศรษฐกิจของประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่ายังคงมีประเด็นสำคัญหลายประการที่ต้องได้รับการแก้ไข

"ดร. กฤตย์ สีตะธนี" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เผยว่า ความสำเร็จของนโยบายดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ กฎระเบียบ การบริหารจัดการสินทรัพย์สูญค่าในอนาคต และช่องว่างด้านเงินทุน

กฎระเบียบแรงขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงภาคเอกชน

กฎหมายสำคัญ 3 ฉบับที่จะเป็นรากฐานแห่งความสำเร็จของเป้าหมาย Net Zero ได้แก่ พระราชบัญญัติอากาศสะอาด พระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) ฉบับปรับปรุง

  • พ.ร.บ. อากาศสะอาด ถือเป็นก้าวสำคัญในการนำไปสู่การลดมลพิษโดยรวม และได้มีการนำเสนอเข้า ครม. แล้ว กฎหมายฉบับนี้กำหนดบทลงโทษสำหรับการปล่อยมลพิษเกินมาตรฐาน ทั้งในรูปแบบของโทษปรับจนถึงการดำเนินคดีอาญา ซึ่งจะทำให้ผู้ผลิตส่วนใหญ่ต้องลงทุนในระบบตรวจวัดและควบคุมมลพิษ
  • พ.ร.บ. ลดโลกร้อน เป็นกฎหมายสำคัญที่กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมกำลังจัดทำเพื่อนำเสนอ ครม. โดยกฎหมายฉบับนี้จะกำหนดกลไกทางกฎหมาย รวมถึงบทลงโทษ กองทุนเพื่อความยั่งยืน เพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือการสร้างตลาดคาร์บอนภาคบังคับ ซึ่งจะกำหนดให้บริษัทต่าง ๆ ต้องติดตามปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และเพิ่มการซื้อขายคาร์บอนเครดิต

3 ปัจจัยชี้ชะตาไทย Net Zero เร็วขึ้น 15 ปี ปรับกฎ–สินทรัพย์สูญค่า–เร่งลงทุน

ในปี 2567 ประเทศไทยได้จัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Power Development Plan : PDP) ฉบับใหม่ โดยมีเป้าหมายให้การผลิตพลังงานหมุนเวียนมีสัดส่วน 51% ภายในปี 2580 อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าจะมีการปรับปรุงแผนดังกล่าวอีกครั้ง โดยมีสาระสำคัญดังต่อไปนี้

  • การทยอยยุติการใช้ถ่านหินให้เร็วกว่ากำหนดเดิม (ปัจจุบันปี 2593) และไม่มีสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่
  • การเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และระบบกักเก็บพลังงาน เนื่องจากต้นทุนที่ลดลงเมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งใหม่ (ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยตลอดอายุโครงการ ของโซลาร์ฟาร์ม ต่ำกว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งใหม่ถึง 21.9–55.4%)
  • การยกเลิกหรือปรับเปลี่ยนโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (Combined-Cycle Gas) ให้สามารถใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงแทน
  • การเพิ่มการลงทุนในเทคโนโลยีดักจับคาร์บอน (Carbon Capture Technologies)

สินทรัพย์สูญค่าในอนาคต อุปสรรคสู่เป้า Net Zero

ภาคพลังงานและภาคขนส่งเป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกหลักของประเทศไทย คิดเป็น 69% ของปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าทั้งหมด 

การแก้ไขปัญหานี้จึงเป็นองค์ประกอบสำคัญของนโยบายใหม่ภายใต้การนำของนายอนุทิน อย่างไรก็ตาม ปริมาณสินทรัพย์ที่อาจสูญค่า (Stranded Assets) ในอนาคตจำนวนมากจะเป็นปัจจัยฉุดรั้งที่สำคัญต่อการบรรลุเป้าหมาย Net Zero

เป้าหมาย Net Zero ใหม่กำหนดให้ยุติการใช้ระบบพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลภายในปี 2593 ซึ่งจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อทั้งสองภาคส่วน เนื่องจากยังมีสัดส่วนสินทรัพย์จำนวนมากที่พึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล

3 ปัจจัยชี้ชะตาไทย Net Zero เร็วขึ้น 15 ปี ปรับกฎ–สินทรัพย์สูญค่า–เร่งลงทุน

ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) ฉบับปัจจุบัน คาดว่าในปี 2580 ร้อยละ 48 ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดจะมาจากโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ขณะที่ร้อยละ 97 ของรถบรรทุกในประเทศไทยยังใช้เครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งภาคโลจิสติกส์ยังคงพึ่งพาอยู่

โรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งหมดมีกำหนดจะถูกปลดระวางภายในปี 2593 แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าอาจถูกเลื่อนให้เร็วขึ้น ขณะเดียวกัน โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติหลายแห่งทั้งที่กำลังดำเนินการอยู่และที่อยู่ระหว่างการวางแผน คาดว่าจะยังคงเดินเครื่องต่อไปหลังปี 2593  แต่เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมาย Net Zero โรงไฟฟ้าเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการปรับเปลี่ยนให้เป็นระบบพลังงานไฮโดรเจน มิฉะนั้นอาจเสี่ยงที่จะกลายเป็นสินทรัพย์สูญค่าในอนาคต

ในภาคขนส่ง รถบรรทุกดีเซลรุ่นใหม่มีอายุการใช้งานสูงถึง 30 ปี ซึ่งยาวนานกว่ากำหนดเวลาเปลี่ยนผ่านในปี 2593  รัฐบาลจึงจำเป็นต้องออกมาตรการเพื่อทยอยยุติการใช้งานหรือจำกัดการซื้อ เนื่องจากมูลค่าที่เหลือของรถบรรทุกเครื่องยนต์ดีเซลจะลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อใกล้ถึงกำหนดดังกล่าว

ยังคงมีช่องว่างด้านงบประมาณอยู่มาก

คาดว่าประเทศไทยจะต้องใช้งบประมาณมากกว่า 1.28 ล้านล้านบาทต่อปี ในการเปลี่ยนผ่านสู่ Net Zero ภายในปี 2593 ในขณะที่ปัจจุบันใช้งบประมาณเพียงประมาณ 0.24 ล้านล้านบาทต่อปี ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเพิ่มการลงทุนทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน แต่ในสัดส่วนและกลุ่มอุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน

ประเทศไทยจำเป็นต้องอาศัยงบประมาณจำนวนมากจากภาครัฐเพื่อขยายการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าเพิ่มเติม (ระบบกริด สถานีชาร์จ และระบบส่งไฟฟ้า) ขณะที่ภาคเอกชนจะต้องเพิ่มการใช้ไฟฟ้าในภาคการขนส่งและภาคการผลิต (เช่น การใช้เตาในโรงงานเหล็กหรือปูนซีเมนต์)