ธนาคารโลกดัน 'เกษตรธุรกิจ' สร้างความมั่งคั่งให้ประเทศกำลังพัฒนา

ธนาคารโลกดัน 'เกษตรธุรกิจ' สร้างความมั่งคั่งให้ประเทศกำลังพัฒนา

ธนาคารโลกผนึกกำลังยักษ์ใหญ่ Bayer-Google ทุ่ม 9 พันล้านดอลลาร์/ปี ภายในปี  2573 เดินหน้าสร้าง 'ระบบนิเวศ' เกษตรครบวงจร

KEY

POINTS

  • ธนาคารโลกร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง Bayer และ Google เปิดตัวโครงการ "AgriConnect" เพื่อผลักดันเกษตรธุรกิจให้เป็นกลไกสร้างงานและรายได้ในประเทศกำลังพัฒนา
  • โครงการตั้งเป้าช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อย 500 ล้านคนทั่วโลกให้หลุดพ้นจากความยากจน โดยจะเพิ่มงบประมาณเป็น 9 พันล้านดอลลาร์ต่อปีภายในปี 2573
  • กลยุทธ์หลักคือการสร้าง "ระบบนิเวศ" เกษตรครบวงจรที่เชื่อมโยงด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI เพื่อปลดล็อกการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและตลาดสำหรับเกษตรกร

ธนาคารโลกผนึกกำลังยักษ์ใหญ่ Bayer-Google ทุ่ม 9 พันล้านดอลลาร์/ปี ภายในปี  2573 เดินหน้าสร้าง 'ระบบนิเวศ' เกษตรครบวงจร หวังแก้ปัญหาช่องว่างการจ้างงานกว่า 800 ล้านตำแหน่ง พร้อมปลดล็อกศักยภาพเกษตรกรรายย่อย 500 ล้านคนทั่วโลกให้พ้นจากความยากจนและเป็นผู้ผลิตอาหารมูลค่าเพิ่ม

ภาพรวมความริเริ่ม AgriConnect

อาจาย บังกา ประธานกลุ่มธนาคารโลก กล่าวว่า กลุ่มธนาคารโลก ได้เปิดฉากการประชุมประจำปี พ.ศ. 2568 ด้วยการเปิดตัววาระสำคัญระดับโลก "AgriConnect: Farms, Firms, and Finance for Jobs"  ที่มุ่งมั่นจะเปลี่ยนภาคเกษตรกรรมให้เป็นกลไกหลักในการสร้างงาน สร้างรายได้ และสร้างความมั่นคงทางอาหารในประเทศกำลังพัฒนา

ความริเริ่มนี้เกิดขึ้นจากความจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาสำคัญสองประการ ช่องว่างด้านการจ้างงาน และ วิกฤติความมั่นคงทางอาหาร  ในช่วง 10-15 ปีข้างหน้า จะมีเยาวชน 1.2 พันล้านคนเข้าสู่ตลาดแรงงาน แต่คาดว่าจะมีการสร้างงานเพียง 400 ล้านตำแหน่งเท่านั้น ช่องว่าง 800 ล้านตำแหน่งนี้เป็นภัยคุกคามต่อความสงบสุขของโลก ดังนั้น เกษตรธุรกิจ (Agribusiness) จึงถูกยกให้เป็นหนึ่งในห้าภาคส่วนที่มีศักยภาพสูงสุดในการสร้างงาน

บังกา ชี้ว่าเป้าหมายของ AgriConnect คือการจัดการกับอุปสรรคเชิงโครงสร้างที่ฉุดรั้ง เกษตรกรรายย่อย 500 ล้านคน ซึ่งแม้จะผลิตอาหารถึง 80% ของโลก แต่ส่วนใหญ่ยังคงขาดการเข้าถึงไฟฟ้า, แหล่งเก็บผลผลิต, ตลาด และที่สำคัญที่สุดคือ แหล่งเงินทุน (เข้าถึงสินเชื่อในระบบเพียง 10%)

กลยุทธ์ "ระบบนิเวศ" 4 องค์ประกอบ

กลยุทธ์หลักของ AgriConnect คือการสร้าง "ระบบนิเวศ" (Ecosystem) ที่พิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จและสามารถขยายผลได้ โดยมีองค์ประกอบสำคัญ 4 ประการที่ทำงานร่วมกัน

  1. รากฐาน (Foundation): การสร้าง นโยบายที่ชัดเจน และ โครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ ที่จำเป็น เช่น การชี้แจงสิทธิ์ในที่ดิน, มาตรฐานเมล็ดพันธุ์, ระบบชลประทาน, ถนนในชนบท และพลังงานสำหรับระบบห้องเย็น
  2. การรวมกลุ่ม (Organization): การส่งเสริมให้เกษตรกรรายย่อยรวมตัวกันเป็น องค์กรผู้ผลิต หรือ สหกรณ์ เพื่อเพิ่มอำนาจในการต่อรอง, เข้าถึงปัจจัยการผลิต, และการตลาด
  3. ความยืดหยุ่น (Resilience): การสร้างความทนทานต่อ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผ่านการใช้เมล็ดพันธุ์ทนความร้อน, ปุ๋ยที่เหมาะสม, และระบบ ประกันภัย ที่เข้มแข็ง (เช่น โมเดลการผนวกเบี้ยประกันเข้ากับปัจจัยการผลิตโดย Pula)
  4. กาวเชื่อมระบบ (The Glue - Digital): เทคโนโลยีดิจิทัลและ AI ทำหน้าที่เชื่อมโยงทุกส่วนเข้าด้วยกัน เพื่อ "ทำให้ความรู้เป็นประชาธิปไตย" (Democratization of Knowledge) ช่วยให้เกษตรกรสามารถวินิจฉัยโรคพืช, รับการแจ้งเตือนสภาพอากาศ, และทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างปลอดภัย ซึ่งข้อมูลที่เกิดขึ้นยังช่วยสร้าง ประวัติเครดิต เพื่อปลดล็อกการเข้าถึงสินเชื่อ

พันธสัญญาและนวัตกรรมจากพันธมิตรระดับโลก

ความสำเร็จของ AgriConnect ขึ้นอยู่กับการผนึกกำลังของพันธมิตร โดยธนาคารโลกตั้งเป้าหมายจะ เพิ่มพันธสัญญาด้านเกษตรธุรกิจเป็นสองเท่าสู่ระดับ 9,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ภายในปี 2573 พร้อมระดมทุนจากภาคเอกชนอีก 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

พันธมิตรพันธสัญญาและนวัตกรรมสำคัญ

  • Bayer ประกาศความร่วมมือและจะ สละสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา ของเทคโนโลยี "ข้าวสาลีตรึงไนโตรเจน"(Nitrogen-fixing Wheat) ในแอฟริกา ซึ่งเป็นนวัตกรรมลดต้นทุนปุ๋ยและดีต่อสุขภาพดิน
  • Google ร่วมสร้างแพลตฟอร์ม AI เชิงสนทนา (Conversational AI) ที่ใช้ AI เพื่อให้เกษตรกรรายย่อยสามารถเข้าถึงข้อมูลการเพาะปลูก, โรคพืช, และตลาดผ่านโทรศัพท์มือถือธรรมดา
  • MDBs (เช่น AfDB, IDB, IFAD)ธนาคารเพื่อการพัฒนาระหว่างอเมริกา (IDB) ให้คำมั่นจะเชื่อมโยงเกษตรกร 60% ในภูมิภาค และเพิ่มการสนับสนุนทางการเงินเป็นสองเท่าสู่ 1.2 พันล้านดอลลาร์ต่อปี
  • ภาคเอกชนจากภาคสนามS4S Technologies (อินเดีย) แสดงตัวอย่างความสำเร็จในการสร้างระบบรับประกันตลาดเพื่อช่วยให้ เกษตรกรสตรี สามารถเจรจาลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อจาก 31% เหลือเพียง 6% ได้สำเร็จ

เสียงสะท้อนจากเกษตรกรและภาครัฐ

จากประสบการณ์ภาคสนาม เกษตรกรชี้ให้เห็นว่าหัวใจสำคัญของการพัฒนาคือการเปลี่ยนจาก "ผู้ผลิตวัตถุดิบ" เป็น "ผู้แปรรูปผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม" เช่น โมเดลของ Las Lajas ในอาร์เจนตินา ที่เปลี่ยนจากการขายน้ำผึ้งดิบเป็นน้ำผึ้งบรรจุขวด

ด้านภาครัฐ ปากีสถาน เน้นย้ำการ ลดกฎระเบียบ (Deregulation) และใช้ การค้ำประกันสินเชื่อ เพื่อดึงดูดภาคธนาคารให้ปล่อยสินเชื่อแก่เกษตรกร ขณะที่ ยูเครน มุ่งเน้นการใช้ เงินลงทุนเชิงกระตุ้น เพื่อฟื้นฟูภาคเกษตรหลังสงคราม และ กินีวางแผนนำรายได้มหาศาลจากการทำเหมืองมาลงทุนในภาคเกษตรกรรม และใช้โครงสร้างพื้นฐาน เช่น ทางรถไฟและท่าเรือ เพื่อการส่งออกสินค้าเกษตร

ผลสำรวจความคิดเห็น ของผู้เข้าร่วมงาน AgriConnect ยืนยันว่า ปัจจัยที่มีศักยภาพสูงสุดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจคือ การปรับปรุงการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับเกษตรกรรายย่อย ซึ่งได้รับคะแนนสูงถึง 52% ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายหลักของธนาคารโลกในการปลดล็อกเงินทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งอย่างทั่วถึงในภาคเกษตรกรรม