แก้ปัญหา 2 ใน 3 ธนาคารโลกเร่งรัดให้ประหยัดพลังงาน 'เพื่อสร้างงาน-ลดค่าใช้จ่าย'

ธนาคารโลกชี้ การปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงานคือการลงทุนทองคำ ผลตอบแทน 5 ต่อ 1 แต่โลกยังล่าช้า อัตราปรับปรุงต่ำกว่าเป้าหมาย COP28 ถึง 4 เท่า แนะกรอบทำงาน "LEAP" เร่งปลดล็อกเงินทุนและเจตจำนงทางการเมือง
KEY
POINTS
- ธนาคารโลกชี้ว่าพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล 2 ใน 3 ของโลกถูกใช้ไปอย่างสูญเปล่า ซึ่งคิดเป็นความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
- การเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน (Energy Efficiency) ถูกเสนอเป็นแนวทางแก้ปัญหาที่สำคัญ โดยสามารถสร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ สร้างงาน และลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน
- ธนาคารโลกเรียกร้องให้มีการลงทุนในด้านประสิทธิภาพพลังงานเพิ่มขึ้น 3 เท่า และผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อแก้ปัญหาความล่าช้าและบรรลุเป้าหมายที่ตกลงไว้ในที่ประชุม COP28
- กรณีศึกษาจากประเทศตุรกีพิสูจน์ว่าการลงทุนปรับปรุงอาคารสาธารณะให้ประหยัดพลังงาน สามารถสร้างงานใหม่ได้กว่า 1,000 ตำแหน่ง
สถานการณ์พลังงานโลกในปัจจุบันกำลังเผชิญกับความขัดแย้งที่สำคัญ การสูญเสียพลังงานอย่างมหาศาลควบคู่ไปกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นไม่หยุดหย่อน
สถานการณ์วิกฤติและโอกาส เมื่อพลังงาน 2 ใน 3 ถูกทิ้งขว้าง
ข้อมูลจากธนาคารโลกระบุว่า 2 ใน 3 ของพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลขั้นต้นถูกใช้ไปอย่างสูญเปล่า ซึ่งเทียบเท่ากับความเสียหายทางเศรษฐกิจทั่วโลกกว่า 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในทางกลับกัน ความต้องการพลังงานยังคงพุ่งทะยาน โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศรายได้น้อยและปานกลาง (MICs และ LICs) ซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักของการเติบโตของประชากร การพัฒนาเศรษฐกิจ และการขยายตัวของเมือง สิ่งนี้ทำให้ประเทศเหล่านี้ยิ่งต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงาน และตกอยู่ในความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดโลก
ท่ามกลางวิกฤตนี้ ประสิทธิภาพพลังงาน (Energy Efficiency) จึงถูกยกย่องให้เป็น "เชื้อเพลิงทางเลือกแรก" (the first fuel of choice) ที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าที่สุด โดยมาพร้อมกับผลตอบแทนที่โดดเด่น
- ผลตอบแทนการลงทุนสูง: ทุก 1 ดอลลาร์ที่ลงทุน จะสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจกลับคืนมาถึง 3 ถึง 5 ดอลลาร์
- ความมั่นคงทางพลังงาน: ลดการพึ่งพาพลังงานนำเข้า ทำให้ราคาพลังงานเข้าถึงได้และมีเสถียรภาพมากขึ้น
- ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ: กระตุ้นภาคเศรษฐกิจ สร้างตำแหน่งงานใหม่ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
- ประโยชน์ร่วม (Co-benefits): ลดมลพิษท้องถิ่นและระดับโลก ส่งผลดีต่อสุขภาพของประชาชน และเพิ่มความสามารถในการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศ
ช่องว่างขนาดใหญ่ ความล่าช้าในการขยายผลและอุปสรรคเชิงโครงสร้าง
แม้จะมีศักยภาพมหาศาล แต่ความคืบหน้าในการนำประสิทธิภาพพลังงานมาใช้ยังคงเป็นไปอย่างเชื่องช้า
- อัตราการปรับปรุงที่น่าผิดหวัง: อัตราการปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงานทั่วโลกในปัจจุบันอยู่ที่เพียง 1% ต่อปี ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ตกลงกันในที่ประชุม COP28 อย่างมาก ที่ต้องการเพิ่มอัตราเป็นสองเท่า จาก 2% เป็น 4% ต่อปีภายในปี 2030
- ช่องว่างทางการลงทุนมหาศาล: เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว จำเป็นต้องเพิ่มการลงทุนในด้านประสิทธิภาพพลังงานถึงสามเท่า เป็นประมาณ 1.8 – 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี จนถึงปี 2030
ความล่าช้านี้มีสาเหตุมาจากอุปสรรคที่ซับซ้อนหลายข้อ
- การขาดเจตจำนงทางการเมือง (Lack of Political Will): ผู้กำหนดนโยบายไม่ได้ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพพลังงานอย่างเพียงพอ
- อุปสรรคด้านการเงิน: การเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เหมาะสมและเพียงพอ ถูกระบุว่าเป็นความท้าทายที่ใหญ่ที่สุด
- อุปสรรคเชิงสถาบันและนโยบาย: ขาดสถาบันที่แข็งแกร่งและนโยบายที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนโครงการระดับประเทศ
- ความล้มเหลวของตลาด (Market Failures): กลไกตลาดไม่สามารถสะท้อนมูลค่าและผลประโยชน์ที่แท้จริงของประสิทธิภาพพลังงานได้
บทเรียนสู่ความสำเร็จ กรณีศึกษาจากเม็กซิโก ตุรกี และ IFC
ประสบการณ์จากทั่วโลกตอกย้ำว่าการปลดล็อกประสิทธิภาพพลังงานต้องอาศัยการผสมผสานระหว่างนโยบายที่เข้มแข็ง การสร้างขีดความสามารถ และนวัตกรรมทางการเงิน
เม็กซิโก พลังของการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเชิงสถาบัน เม็กซิโกมีประวัติยาวนานในการดำเนินงานด้านนี้ โดยมีการจัดทำมาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานถึง 35 ฉบับ และสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการตรวจสอบการปฏิบัติตามมาตรฐานที่แข็งแกร่ง ซึ่งดำเนินการโดยภาคเอกชน ผลลัพธ์คือเม็กซิโกสามารถประหยัดพลังงานได้อย่างเป็นรูปธรรม และมีการใช้พลังงานโดยรวมน้อยกว่าที่ควรจะเป็นถึง 17%
ตุรกี ต้นแบบการลงทุนในอาคารสาธารณะ ตุรกีมุ่งเน้นการปรับปรุงอาคารสาธารณะ (โรงเรียน, โรงพยาบาล) โดยได้รับการสนับสนุนจากธนาคารโลก ซึ่งสามารถประหยัดพลังงานได้ระหว่าง 20% ถึง 80% พร้อมทั้ง สร้างงาน ให้แก่นักออกแบบและผู้ตรวจสอบพลังงานกว่า 1,000 ตำแหน่ง บทเรียนสำคัญคือการ เพิ่มขีดความสามารถทางเทคนิคของภาคการก่อสร้าง เพื่อให้การประหยัดพลังงานเกิดขึ้นจริง
บรรษัทการเงินระหว่างประเทศ (IFC) การเปลี่ยนมุมมองและการปลดล็อกเงินทุนเอกชน IFC มองประสิทธิภาพพลังงานเป็น "การลงทุนเชิงกลยุทธ์" ไม่ใช่ "ต้นทุน" โดยใช้โปรแกรม EDGE ซึ่งเป็นระบบการรับรองอาคารสีเขียวที่ใช้งานง่าย เพื่อพิสูจน์กรณีศึกษาทางธุรกิจที่ชัดเจน และเชื่อมโยงประสิทธิภาพเข้ากับเครื่องมือทางการเงิน เช่น สินเชื่อสีเขียว ผลักดันให้ IFC ระดมทุนเพื่อการลงทุนในอาคารสีเขียวได้กว่า 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทิศทางในอนาคตการยกระดับประสิทธิภาพพลังงาน
- กำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ: รัฐบาลต้องทำให้ประสิทธิภาพพลังงานเป็น หัวใจของการวางแผนด้านพลังงาน และปฏิรูประบบสถาบันเพื่อรองรับการลงทุน
- ดึงดูดภาคเอกชน: ต้องนำภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผน เพื่อให้แน่ใจว่านโยบายและโครงการสอดคล้องกับความต้องการของตลาด และสร้างรูปแบบทางการเงินที่น่าสนใจ
- ลงทุนในบุคลากร: สร้างขีดความสามารถและพัฒนาผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคในทุกระดับ
- เปลี่ยนมุมมอง: มองประสิทธิภาพพลังงานเป็น แหล่งสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่ภาระค่าใช้จ่าย
การเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เหมาะสม คือกุญแจสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพของประสิทธิภาพพลังงาน การดำเนินการที่รวดเร็วและเป็นระบบตามแนวทาง LEAP จะช่วยขับเคลื่อนโลกให้บรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ สร้างความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ และเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานในระยะยาว







