Gastech 2025 ผู้นำโลกถกประเด็นความมั่นคงทางพลังงานและอนาคต LNG

Gastech 2025 ผู้นำโลกถกประเด็นความมั่นคงทางพลังงานและอนาคต LNG

การประชุม Gastech 2025 เป็นเวทีสำคัญที่ผู้นำระดับโลกและบริษัทพลังงานร่วมหารือวาระเร่งด่วนด้านความมั่นคงทางพลังงาน ก๊าซธรรมชาติและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ถูกเน้นย้ำว่ามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างความมั่นคงทางพลังงานและเป็นรากฐานของการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด

KEY

POINTS

  • การประชุม Gastech 2025 เป็นเวทีสำคัญที่ผู้นำระดับโลกและบริษัทพลังงานร่วมหารือวาระเร่งด่วนด้านความมั่นคงทางพลังงาน
  • ก๊าซธรรมชาติและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ถูกเน้นย้ำว่ามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างความมั่นคงทางพลังงานและเป็นรากฐานของการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด
  • สหรัฐอเมริกาเน้นย้ำนโยบาย "ปลดปล่อยพลังงานอเมริกัน" โดยมุ่งขยายการผลิตและส่งออก LNG เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานในตลาดโลก
  • บริษัทพลังงานชั้นนำมองว่าก๊าซธรรมชาติไม่ใช่แค่ "เชื้อเพลิงสะพาน" แต่เป็น "เสาหลัก" และ "แพลตฟอร์ม" สำหรับอนาคตพลังงานที่ยั่งยืน โดยทำงานร่วมกับเทคโนโลยีลดคาร์บอน

การประชุมและนิทรรศการ Gastech 2025 จัดขึ้นอย่างเป็นทางการ ณ นครมิลาน ระหว่างวันที่ 9-12 กันยายน 2025 โดยมีประเด็นเรื่อง ความมั่นคงทางพลังงาน (Energy security) ถูกเน้นย้ำว่าเป็นวาระเร่งด่วนที่ไม่เคยมีมาก่อนในการประชุมระดับโลก และถือเป็นโอกาสสำคัญในการเปลี่ยนผ่านแนวคิดที่ทะเยอทะยานให้เป็นแนวทางปฏิบัติจริง เพื่อสร้างความมั่นคงในอนาคตด้านพลังงาน

การประชุมครั้งนี้รวบรวมผู้นำกว่า 1,000 คน และรัฐมนตรีพลังงานกว่า 20 ท่านจาก 150 ประเทศ โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 50,000 คน ภายใต้การร่วมเป็นเจ้าภาพโดยบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ ได้แก่ Chevron, Eni, ExxonMobil และ Shell ที่ต่างเน้นย้ำถึงบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งยวดของก๊าซธรรมชาติ และก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด

Gastech 2025 โอกาสสำคัญในการเปลี่ยนผ่าน

"คริสโตเฟอร์ ฮัดสัน" (Christopher Hudson) ประธานของ dmg events ได้กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมงาน Gastech ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 53 โดยระบุว่า ภูมิทัศน์พลังงานโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ ความผันผวนของราคา และการเพิ่มขึ้นของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งทำให้ความต้องการพลังงานพุ่งสูงขึ้น

“ก๊าซธรรมชาติและ LNG ยังคงเป็นพื้นฐานสำคัญ โดยยังคงตอบสนองความต้องการพลังงานเกือบหนึ่งในสี่ของโลก และเป็นกระดูกสันหลังของระบบพลังงานที่สะอาดและครอบคลุมมากขึ้น วัตถุประสงค์ของก๊าซและ LNG คือการทำงานร่วมกับไฮโดรเจนและเทคโนโลยีด้านสภาพอากาศที่กำลังจะเกิดขึ้น เพื่อส่งมอบพลังงานที่เชื่อถือได้และมีราคาที่เข้าถึงได้ในวงกว้าง”

ปลดปล่อยพลังงานอเมริกัน

"ดั๊ก เบอร์กัม" (Doug Burgum) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสหรัฐอเมริกา​ คนที่ 55 และประธาน National Energy Dominance Council (NEDC) เน้นย้ำถึงความเร่งด่วนที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเด็น ความมั่นคงทางพลังงาน (Energy security) โดยกล่าวว่า อเมริกาอยู่ระหว่างการเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานและขยายบทบาทในตลาดโลก ผ่านนโยบายที่มุ่งเน้นอนาคตเพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานในทันที

NEDC มุ่งมั่นที่จะปลดล็อกศักยภาพด้านพลังงานและเศรษฐกิจของอเมริกา ภายใต้หลักการของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในการ 'ปลดปล่อยพลังงานอเมริกัน' (Unleashing American Energy) ภารกิจหลักของ NEDC ได้แก่ การขยายการผลิตพลังงาน การลดกฎระเบียบที่ซ้ำซ้อน (cutting red tape) การเสริมสร้างการลงทุนจากภาคเอกชน และการเพิ่มการส่งออก LNG

“เบอร์กัม” กล่าวว่า กฎระเบียบที่ชัดเจนและสอดคล้องกันมีความสำคัญ แต่ระบบราชการที่ไม่จำเป็นจะทำให้ความสามารถในการแข่งขันอ่อนแอลงและทำให้ความก้าวหน้าช้าลง การลดกฎระเบียบที่ไม่จำเป็นจะช่วยให้โครงการต่างๆ เดินหน้าจากแนวคิดสู่ความเป็นจริงได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้าน LNG นั้น ความรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

"ความมั่นคงทางพลังงานคือความมั่นคงของชาติ และ LNG คือหัวใจสำคัญในปัจจุบัน เนื่องจาก LNG มอบความยืดหยุ่น (flexibility) ความสามารถในการปรับขนาด (scalability) และความยืดหยุ่น (resilience) ที่จำเป็นในการรักษาระบบพลังงานให้มีเสถียรภาพภายใต้ความกดดัน การส่งออก LNG ของสหรัฐฯ มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนพันธมิตรยามวิกฤติ โดยการส่งออกไปยังยุโรปเพิ่มขึ้นถึง 141% ในปี 2022 เพื่อช่วยลดการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย

“เบอร์กัม” คาดการณ์ว่าความต้องการก๊าซทั่วโลกจะยังคงแข็งแกร่งไปอีกหลายทศวรรษ โดยเฉพาะตลาด LNG ที่คาดว่าจะเติบโตเกิน 4.7 ล้านล้านลูกบาศก์เมตร ภายในกลางศตวรรษนี้

สหรัฐฯ กำลังขยายขีดความสามารถในการส่งออกและสร้างความมั่นใจว่าก๊าซจากสหรัฐฯ จะยังคงเป็นสินทรัพย์เชิงพาณิชย์และยุทธศาสตร์บนเวทีโลก ข้อความสุดท้ายของเขาต่ออุตสาหกรรมคือ พลังงานที่เชื่อถือได้และมั่นคงเป็นรากฐานของความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและอิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์ และการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานจะไม่สำเร็จด้วยความทะเยอทะยานเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการการลงทุนที่แข็งแกร่งและความร่วมมือที่แท้จริง

ก๊าซธรรมชาติ เสาหลักเปลี่ยนผ่านอย่างเป็นธรรม

“กีโด บรุสโก” (Guido Brusco) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการทรัพยากรธรรมชาติทั่วโลกและผู้จัดการทั่วไปของ Eni ได้นำเสนอวิสัยทัศน์ของบริษัท โดยระบุว่า ก๊าซธรรมชาติ เมื่อได้รับการสนับสนุนจากนวัตกรรมและการดำเนินงานที่มีความรับผิดชอบ จะเป็นผู้ส่งเสริมที่มีพลังของการเปลี่ยนผ่านที่ยุติธรรม

Eni เห็นว่าก๊าซธรรมชาติไม่ได้เป็นเพียงเชื้อเพลิง "สะพาน" (bridge fuel) เท่านั้น แต่เป็น เสาหลักพื้นฐานที่ช่วยในการลดคาร์บอนในวงกว้าง ก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นเชื้อเพลิงฟอสซิลที่สะอาดที่สุด มีบทบาทสำคัญในการเข้ามาแทนที่ถ่านหิน และเสริมการทำงานของพลังงานหมุนเวียน เพื่อให้มั่นใจในความน่าเชื่อถือของโครงข่ายไฟฟ้า

“ก๊าซธรรมชาติคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60% ของการผลิตต้นน้ำของ Eni และเป็นศูนย์กลางของกลยุทธ์ Net-Zero ของบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ร่วมกับเทคโนโลยี CCUS (Carbon Capture Utilisation and Storage) ที่มีความจำเป็นสำหรับภาคส่วนที่ลดคาร์บอนได้ยาก (hard-to-abate sectors) Eni กำลังพัฒนาศูนย์กักเก็บคาร์บอน Ravenna CCS ในอิตาลี ซึ่งเปิดใช้งานแล้วและตั้งเป้าหมายการฉีด CO2 ที่ 4 ล้านตันต่อปีภายในปี 2030 และมีแผนขยายกำลังการผลิตต่อไป”

นอกจากนี้ Eni ยังเดินหน้าโครงการ LNG ทั่วโลกเพื่อเสริมสร้างบทบาทในภูมิทัศน์ก๊าซ ดังนี้

  • Argentina LNG (ARGLNG): มุ่งเป้าหมายเป็นศูนย์กลางการส่งออก LNG ขนาดใหญ่แห่งแรกในทวีป โดยตั้งเป้าหมาย 30 MTPA ภายในปี 2030
  • Congo LNG: โครงการนี้กำลังติดตั้งหน่วย FLNG (Floating LNG) หน่วยที่สอง และได้รับการออกแบบมาเพื่อลดการปล่อยก๊าซและมีการเผาทิ้งเป็นศูนย์ (zero routine flaring) ซึ่งจะมีกำลังการผลิตถึง 3 MTPA ในไม่ช้า
  • โครงการในตะวันออกกลางและเมดิเตอร์เรเนียน: Eni เข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนา North Field East และ South ในกาตาร์ และกำลังเดินหน้าการค้นพบ Cronos และ Zeus ในไซปรัส ซึ่งช่วยเสริมความมั่นคงทางพลังงานของยุโรป

“บรุสโก” ทิ้งท้ายว่า Eni เชื่อว่าการทำงานร่วมกันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่มีประสิทธิภาพ แต่จุดเน้นหลักของ Eni คือ การส่งมอบจริง นั่นคือ การนำเทคโนโลยีที่น่าเชื่อถือมาใช้เพื่อให้มั่นใจว่ามีการส่งมอบพลังงานที่ปลอดภัยและปล่อยมลพิษต่ำสำหรับประชากรโลกที่เพิ่มขึ้น

แพลตฟอร์มความก้าวหน้าและนวัตกรรม

“ฟรีแมน ชาฮีน” (Freeman Shaheen) ประธาน Chevron Global Gas กล่าวถึงก๊าซธรรมชาติในบทบาทของ "แพลตฟอร์มเพื่อความก้าวหน้าและการเติบโต" โดยชี้ว่า โลกต้องการพลังงานที่ไม่เพียงแต่มีคาร์บอนต่ำเท่านั้น แต่ยังต้องเชื่อถือได้ ราคาไม่แพง และปรับขนาดได้

“ก๊าซธรรมชาติและ LNG จึงไม่ใช่แค่สะพานเชื่อม แต่เป็นแพลตฟอร์มสำหรับความก้าวหน้า ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงที่มีความยืดหยุ่น มีความเข้มข้นของคาร์บอนต่ำ ซึ่งช่วยเสริมพลังงานหมุนเวียน ขับเคลื่อนอุตสาหกรรม และเพิ่มความมั่นคงทางพลังงาน”

ความต้องการพลังงานทั่วโลกคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจนถึงปี 2050 โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ การขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม ความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นจาก AI และโครงสร้างพื้นฐานข้อมูล และความต้องการแทนที่เชื้อเพลิงที่ปล่อยมลพิษสูง Chevron กำลังตอบสนองความต้องการนี้ด้วยการขยายธุรกิจก๊าซทั่วโลก โดยมีเครือข่ายอุปทานที่หลากหลายและยืดหยุ่น

“ชาฮีน” เปิดเผยว่า Chevron มีสัญญาการส่งออก LNG 7 ล้านตันต่อปีจากชายฝั่งอ่าวสหรัฐฯ ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดโลกในยุโรปและเอเชียได้อย่างยืดหยุ่น

“ก๊าซธรรมชาติยังเป็นศูนย์กลางของกลยุทธ์คาร์บอนต่ำของ Chevron โดยบริษัทได้ลดความเข้มข้นของมีเทนในปฏิบัติการต้นน้ำลงกว่า 50% ตั้งแต่ปี 2559 และออกแบบโครงการใหม่โดยไม่มีการเผาทิ้งเป็นประจำ”

นอกจากนี้ Chevron ยังลงทุนในเทคโนโลยีลดคาร์บอน ดังนี้

  • CCUS: โครงการ Bayou Bend CCUS ในสหรัฐฯ มีพื้นที่กักเก็บ CO2 มากกว่า 140,000 เอเคอร์
  • ไฮโดรเจน: โครงการ ACES Delta ในรัฐยูทาห์ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในปี 2025

“ชาฮีน” ทิ้งท้ายว่า แนวทางข้างหน้าต้องมีความเป็นจริงและครอบคลุม ไม่มีบริษัทหรือประเทศใดสามารถแก้ไขปัญหาสามมิติของพลังงาน (ความสามารถในการเข้าถึง, ความน่าเชื่อถือ, และความยั่งยืน) ได้ด้วยตนเอง จึงต้องอาศัยความร่วมมือกับรัฐบาล ลูกค้า และพันธมิตรในอุตสาหกรรม ก๊าซธรรมชาติคือ ผู้ส่งเสริมความก้าวหน้าในระยะยาว และ Chevron มุ่งมั่นที่จะเร่งความคืบหน้านี้ไปด้วยกันในงาน Gastech 2025