'กองทุนอากาศสะอาด' ได้ไปต่อ หลังสู้ด้วยข้อมูลวิชาการ ถกในสภาลุ้นทุกมาตรา

'กองทุนอากาศสะอาด' ได้ไปต่อ หลังสู้ด้วยข้อมูลวิชาการ ถกในสภาลุ้นทุกมาตรา

ฝ่ายผู้สนับสนุนสามารถใช้ข้อมูลทางวิชาการต่อสู้และชี้แจงในสภาฯ จนทำให้กองทุนอากาศสะอาดยังคงอยู่และผ่านการพิจารณาในขั้นตอนต่อไปได้

KEY

POINTS

  • ฝ่ายผู้สนับสนุนสามารถใช้ข้อมูลทางวิชาการต่อสู้และชี้แจงในสภาฯ จนทำให้กองทุนอากาศสะอาดยังคงอยู่และผ่านการพิจารณาในขั้นตอนต่อไปได้
  • กองทุนฯ ใช้หลักการ "ผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย" เพื่อนำเงินไปใช้แก้ปัญหามลพิษโดยตรง ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ และช่วยเหลือผู้ก่อมลพิษในการปรับตัว
  • แม้จะผ่านการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรไปบางส่วน แต่ร่างกฎหมายยังต้องผ่านการพิจารณาของวุฒิสภาเป็นด่านต่อไป

ร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. … หนึ่งในกฎหมายที่สังคมไทยกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด ถูกคาดหวังให้เป็น “จุดเปลี่ยนใหญ่” ของประเทศในการรับมือปัญหามลพิษทางอากาศและฝุ่นพิษ PM2.5 อย่างยั่งยืน

แต่ระหว่างทางสู่การเป็นกฎหมาย กลับเกิดแรงสั่นสะเทือน เมื่อก่อนหน้านี้มีรายงานว่า กรรมาธิการจากฝั่งคณะรัฐมนตรีได้สงวนคำแปรญัตติ เพื่อขอตัดหมวด 6 ว่าด้วย “กองทุนอากาศสะอาด” ออกจากร่าง พ.ร.บ. โดยยังไม่มีการให้เหตุผลเชิงวิชาการที่ชัดเจน จุดนี้เองที่ทำให้เกิดกระแสลุ้นระทึก ในหมู่ผู้ผลักดันด้านสิ่งแวดล้อมทั่วประเทศ

กองทุนอากาศสะอาด คือหัวใจ

"รศ.ดร.วิษณุ อรรถวานิช" อาจารย์ประจำภาควิชาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. อากาศสะอาดฯ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญสูงสุดของการจัดตั้ง "กองทุนอากาศสะอาด" โดยระบุว่ากองทุนดังกล่าวถือเป็นหัวใจสำคัญอย่างยิ่งในการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศของประเทศ

"กองทุนอากาศสะอาดถูกออกแบบมาเพื่อใช้หลักการ 'ผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย' (Polluter Pays Principle) โดยชัดเจน นั่นหมายความว่า ใครก็ตามที่เป็นผู้ก่อมลพิษ ยิ่งปล่อยเยอะก็ยิ่งต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนเยอะ หากมีการตัดกองทุนอากาศสะอาดออก จะส่งผลให้เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ที่ออกแบบไว้ไม่สามารถใช้การได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเท่ากับว่าหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่ายก็ยากที่จะเกิดขึ้นได้จริง"

'กองทุนอากาศสะอาด' ได้ไปต่อ หลังสู้ด้วยข้อมูลวิชาการ ถกในสภาลุ้นทุกมาตรา

ศึกในสภา ลุ้นระทึกทุกมาตรา

"รศ.ดร.วิษณุ" กล่าวว่า วันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา เป็นวันที่ตื่นเต้นมาก เนื่องจากเป็นวันแรกที่มีการพิจารณา “เครื่องมือและมาตรการทางเศรษฐศาสตร์” รวมถึง “กองทุนอากาศสะอาด” ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศของประเทศ

มีการเสนอให้ตัดกองทุนออกตามคาด และให้ไปใช้กองทุนสิ่งแวดล้อมเดิมแทน แต่คณะกรรมาธิการก็ได้ต่อสู้ด้วยข้อมูลเชิงวิชาการอย่างเต็มที่ เพื่อรักษากลไกสำคัญนี้ไว้ในร่างกฎหมาย

ผลคือ กองทุนอากาศสะอาด “ยังได้ไปต่อ” แม้จะยังไม่ผ่านด่านสุดท้ายก็ตาม โดยการพิจารณาดำเนินไปอย่างเข้มข้นจนถึงเกือบสามทุ่ม และสามารถเดินหน้าได้จากมาตรา 37/6 ถึง 69/13 จากทั้งหมด 104 มาตรา

ต่อมา ในวันที่ 9 ตุลาคม 2568 การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฯ ดำเนินต่ออย่างต่อเนื่อง และสามารถผ่านความเห็นชอบต่อ “เครื่องมือและมาตรการทางเศรษฐศาสตร์” รวมถึง “กองทุนอากาศสะอาด” ครบทุกมาตรา ท่ามกลางบรรยากาศลุ้นระทึกจนถึงช่วงเย็น

ทั้งนี้ การประชุมในวันดังกล่าวได้ขยับพิจารณามาตรา 69/14 ถึงมาตรา 73 (จากทั้งหมด 104 มาตรา) ในวันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะพิจารณาเสร็จทั้งร่าง พรบ.ฯ ถ้าไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย โดยยังเหลืออีกหลายส่วนสำคัญ อาทิ เรื่องความรับผิดทางแพ่ง โทษอาญา มาตรการทางปกครอง และบทเฉพาะกาล

ด่านต่อไป วุฒิสภา

แม้จะผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรไปบางส่วนแล้ว แต่เส้นทางของร่าง พ.ร.บ. อากาศสะอาดยังไม่สิ้นสุด เพราะหลังจากเสร็จสิ้นการพิจารณาจากสภาผู้แทนราษฎร ร่าง พรบ.ฯ จะถูกนำส่งต่อให้กับทางวุฒิสภาเพื่อให่้ทางท่านสมาชิกวุฒิสภา (สว.) พิจารณาต่ออีกชั้นหนึ่ง

"รศ.ดร.วิษณุ" กล่าวด้วยว่า ยังชะล่าใจไม่ได้ พร้อมขอแรงสนับสนุนจากประชาชนและทุกภาคส่วนให้ช่วยกันจับตาและให้ข้อมูลเชิงวิชาการ เพื่อให้เครื่องมือและมาตรการทางเศรษฐศาสตร์ รวมถึงกองทุนอากาศสะอาด อยู่ในร่างกฎหมายฉบับสุดท้าย

“สุดท้ายแล้ว เราทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน คือให้คนไทยได้หายใจด้วยอากาศที่สะอาด และมีสุขภาพดีอย่างเท่าเทียม”

ยืนยันไม่ซ้ำซ้อนกับกองทุนสิ่งแวดล้อม

"รศ.ดร.วิษณุ" ยืนยันว่า กองทุนอากาศสะอาดและกองทุนสิ่งแวดล้อม "ไม่ซ้ำซ้อนกัน" พร้อมชี้ข้อด้อยของกองทุนสิ่งแวดล้อมที่ยังคงต้องพึ่งพาการเก็บภาษีจากประชาชนเพื่อนำไปช่วยผู้ก่อมลพิษ ซึ่งอาจทำให้หลักการบิดเบี้ยว การที่ประชาชนที่ไม่ได้ก่อมลพิษต้องใช้เงินภาษีไปช่วยผู้ก่อมลพิษนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สมควร

ในปัจจุบัน การแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศต้องพึ่งพาการจัดสรร งบประมาณแผ่นดิน ซึ่งก่อให้เกิดความล่าช้าในการเบิกจ่ายและไม่ทันต่อการแก้ไขปัญหารายสัปดาห์ นอกจากนี้ยังทำให้การแก้ปัญหาไม่ต่อเนื่อง

"หากมีการเก็บค่าธรรมเนียมอากาศสะอาด แต่ไม่มีกองทุน เงินจะถูกส่งผ่านเข้าคลัง ซึ่งไม่มีการรับประกันว่าเงินก้อนนั้นจะย้อนกลับมาเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศโดยเฉพาะ ในทางตรงกันข้าม ประเทศที่ประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาจะมีการันตีว่าเงินที่เก็บจากผู้ก่อมลพิษจะต้องย้อนกลับไปช่วยแก้ไขปัญหานั้น"

กองทุนช่วยผู้ปรับตัวและช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ

เงินที่จัดเก็บจากผู้ก่อมลพิษจะไหลเข้ากองทุนและถูกนำไปใช้ในสองส่วนหลัก คือ

1. ช่วยผู้ก่อมลพิษ: เงินจะถูกส่งผ่านย้อนกลับไปช่วยเหลือผู้ก่อมลพิษให้สามารถปรับตัวและเปลี่ยนผ่านจากการปล่อยมลพิษเป็นลดมลพิษได้

2. ช่วยผู้ได้รับผลกระทบ: เงินกองทุนจะถูกนำไปใช้ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ เช่น กรณีที่มีการเจ็บป่วย หรือเพิ่มพลังให้ชุมชนและประชาชนในการฟ้องร้องคดีผ่านกระบวนการศาล

นอกจากนี้ การมีกองทุนยังช่วยจัดสร้างระบบฐานข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น เพื่อให้มาตรการทางเศรษฐศาสตร์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ลมหายใจของคนไทยอยู่ในมือกฎหมายนี้

"รศ.ดร.วิษณุ" เน้นย้ำว่าจากประสบการณ์ของประเทศที่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ องค์ประกอบสำคัญมีสามส่วน ได้แก่ การมีกฎหมาย กฎระเบียบ การมีเงินเฉพาะ สำหรับการแก้ไขปัญหา และเครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ที่ใช้การได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากตัดกองทุนอากาศสะอาดออก ก็จะไม่มีเงินเฉพาะไว้ใช้เพื่อแก้ไขปัญหาในปัจจุบัน

ร่าง พ.ร.บ. บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดฯ จึงไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของ “ตัวบทกฎหมาย” แต่คืออนาคตของลมหายใจคนไทยทั้งประเทศ

ขณะที่กระบวนการพิจารณายังดำเนินต่อไป เสียงของประชาชนและข้อมูลทางวิชาการอาจเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ “กองทุนอากาศสะอาด” ไม่เพียงรอดจากการถูกถอด แต่ยังกลายเป็นเครื่องมือหลักในการเปลี่ยนอากาศของประเทศไทยให้สะอาดอย่างแท้จริง