ฮาวเวิร์ด บัฟเฟตต์ ลูกชายมหาเศรษฐีที่เลือกทำไร่ "ผมลงทุนในดิน มากกว่าหุ้น"

ฮาวเวิร์ด บัฟเฟตต์ ลูกชายของมหาเศรษฐี วอเรน บัฟเฟตต์ เลือกเส้นทางอาชีพเกษตรกรแทนการโกกัสในตลาดหุ้น เขาเป็นเกษตรกรที่ลงมือทำจริงในฟาร์มขนาดใหญ่ และเน้นทำเกษตรแบบไม่ไถพรวน เพื่อรักษาสุขภาพของดินและสร้างความยั่งยืนในระยะยาว
KEY
POINTS
- ฮาวเวิร์ด บัฟเฟตต์ ลูกชายของมหาเศรษฐี วอเรน บัฟเฟตต์ เลือกเส้นทางอาชีพเกษตรกรแทนการโฟกัสในตลาดหุ้น
- เขาเป็นเกษตรกรที่ลงมือทำจริงในฟาร์มขนาดใหญ่ และเป็นผู้บุกเบิกการทำเกษตรแบบไม่ไถพรวน (No-Till Farming) เพื่อรักษาสุขภาพของดินและสร้างความยั่งยืนในระยะยาว
- เขาได้ก่อตั้งมูลนิธิ Howard G. Buffett Foundation เพื่อสนับสนุนเกษตรกรรายย่อยทั่วโลก สร้างความมั่นคงทางอาหาร และบรรเทาผลกระทบจากความขัดแย้ง โดยเฉพาะในยูเครน
ในขณะที่ “วอเรน บัฟเฟตต์” (Warren Buffett) เป็นมหาเศรษฐีที่เป็นตำนานของโลกการลงทุน ผู้คนส่วนใหญ่จึงคาดหวังว่าลูกชายของเขาจะเดินตามรอยในโลกที่เงินและผลตอบแทนคือเป้าหมายสูงสุด แต่ “ฮาวเวิร์ด เกรแฮม บัฟเฟตต์” (Howard G. Buffett) บุตรชายคนกลาง กลับเลือกเส้นทางที่ตรงกันข้าม สำหรับเขาการลงทุนที่แท้จริงไม่ใช่ตัวเลขในพอร์ต แต่คือการปลูกฝังอนาคตที่มั่นคงให้โลกใบนี้
แม้จะเติบโตในครอบครัวนักลงทุนระดับโลก แต่ความรักในเกษตรกรรมของ “ฮาวเวิร์ด บัฟเฟตต์” เริ่มตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เขาเคยปลูกข้าวโพดในสนามหลังบ้านในเมืองโอมาฮา รัฐเนแบรสกา สหรัฐอเมริกา นับแต่นั้นความหลงใหลในการปลูกและการสร้าง ก็กลายเป็นแก่นของชีวิต
ในขณะที่พี่น้องบางคนสนใจธุรกิจหรือการบริหาร เขากลับชอบเครื่องจักรกลหนัก เสียงเครื่องยนต์ และกลิ่นดิน เขาเคยกล่าวติดตลกว่า “พ่อผมอาจลงทุนในบริษัทต่าง ๆ แต่ผมลงทุนในดินมากกว่าหุ้น”
ลงมือจริงในไร่ เน้น No-Till Farming
"ฮาวเวิร์ด บัฟเฟตต์" ใช้ชีวิตเรียบง่ายในเมืองพานา รัฐอิลลินอยส์ เขาเป็นเจ้าของและผู้ดูแลฟาร์มข้าวโพด และถั่วเหลือง ขนาดกว่า 16,000 เอเคอร์ (ประมาณ 40,000 ไร่) ในตอนกลางของรัฐอิลลินอยส์ เนแบรสกา แอริโซนา นิวเม็กซิโก และเท็กซัส รวมถึงอีกกว่า 6,000 เอเคอร์ (15,000 ไร่) ในแอฟริกาใต้ เพื่อปลูกข้าวโพดและถั่วเหลือง โดย “ลงมือทำเองจริง” ตั้งแต่ขับรถแทรกเตอร์ ตรวจสภาพดิน ไปจนถึงใช้เครื่องจักรเกษตรอัจฉริยะ
เขาเน้นทำการเกษตรแบบไม่ไถพรวน หรือการทำเกษตรแบบอนุรักษ์ดิน (No-Till Farming) ที่ช่วยรักษาสมดุลธรรมชาติ มาตั้งแต่ปี 1992 ผสมผสานการใช้เทคโนโลยีเกษตรสมัยใหม่ เช่น เครื่องเก็บเกี่ยวข้าวโพดที่ขับเคลื่อนด้วยระบบ GPS ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกและลดการใช้เชื้อเพลิง
“ทรัพย์สินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เกษตรกรมีอยู่ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขา นั่นคือดิน ผู้คนคิดว่ากำลังดูแลมันอยู่ แต่จริงๆ แล้วพวกเขาไม่ได้ดูแลอย่างแท้จริง”
แนวคิด No-Till Farming ไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องเทคนิคการปลูก แต่สะท้อน ปรัชญาแห่งความยั่งยืน ด้วยประโยชน์ดังนี้
- การรักษาสุขภาพของดิน: ปล่อยเศษพืชให้ย่อยสลายเป็นปุ๋ยธรรมชาติ ลดการกัดเซาะของดิน
- ประหยัดน้ำและทรัพยากร: ลดการไถพรวนช่วยเก็บความชื้นในดิน
- เพิ่มผลผลิตระยะยาว: การฟื้นฟูดินช่วยให้พืชเติบโตอย่างยั่งยืน
ตั้งมูลนิธิช่วยเกษตรกร
“ฮาวเวิร์ด บัฟเฟตต์” ความมั่นคงทางอาหารไม่ใช่เรื่องเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเข้าใจชีวิตจริงของเกษตรกรรายย่อย ในประเทศต่างๆ เช่น เกษตรกรในแอฟริกาส่วนใหญ่ปลูกพืชเพื่อยังชีพ และมักเป็นผู้ซื้ออาหารสุทธิ การสนับสนุนเขาให้ปลูกพืชอย่างยั่งยืนและจัดการทรัพยากรได้อย่างชาญฉลาด จึงเป็นกุญแจสู่ความมั่นคงทางอาหารโลก
นอกจากนี้ ฮาวเวิร์ด บัฟเฟตต์ ยังใช้ประสบการณ์ตรงในการช่วย เกษตรกรรายย่อยในประเทศกำลังพัฒนาที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงทุกวัน ด้วยการสนับสนุนโครงการฝึกอบรมและมอบทุนผ่านมูลนิธิ Howard G. Buffett Foundation (HGBF) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1999 ที่สนับสนุนมากกว่า 50 โครงการเกษตรกรรมในกว่า 20 ประเทศ เพื่อฟื้นฟูดิน ลดการปล่อยคาร์บอน และเพิ่มผลผลิตอย่างยั่งยืนในระยะยาว แม้จะมีทรัพยากรจำกัด
ทูตวิกฤติอาหารของโลก
"ฮาวเวิร์ด บัฟเฟตต์" ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น Goodwill Ambassador Against Hunger (ทูตพิเศษแห่งสหประชาชาติเพื่อต่อต้านความหิวโหย) ภายใต้โครงการอาหารโลก (World Food Programme – WFP) ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2007 เพื่อสร้างความตระหนักถึงวิกฤติอาหารทั่วโลก
ในบทบาทนี้ เขาใช้ประสบการณ์ทั้งในฐานะ เกษตรกร นักธุรกิจ และช่างภาพ เดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ เพื่อบันทึกและเผยแพร่ปัญหาความหิวโหยและความเปราะบางของชุมชน โดยเฉพาะใน แอฟริกาและเอเชีย เน้นที่สาเหตุรากเหง้าของความหิวโหย การทำงานร่วมกับเกษตรกรรายย่อยเป็นหัวใจสำคัญ เพราะฮาวเวิร์ดเชื่อว่า การเข้าใจและสนับสนุนผู้ที่อยู่แนวหน้าของการผลิตอาหาร จะช่วยแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนได้มากที่สุด
แม้ว่าบทบาทของเขาใน WFP จะสิ้นสุดลงแล้ว แต่งานด้านการกุศลของเขายังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ผ่าน Howard G. Buffett Foundation มูลนิธิมุ่งเน้นที่ความมั่นคงทางอาหาร การลดความขัดแย้ง และปัญหาการค้ามนุษย์ โดยมีโครงการสำคัญหลายแห่งทั่วโลก
ตัวอย่างเช่น ใน "ยูเครน" มูลนิธิให้ทุนสนับสนุนโครงการที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางอาหาร การพัฒนาด้านเกษตรกรรม การลดผลกระทบจากความขัดแย้ง เช่น การสนับสนุนงานเก็บกู้ระเบิดและพัฒนาสาธารณูปโภค
สิ่งที่น่าสนใจคือ แนวทางของมูลนิธิ มุ่งเน้นการทำงานร่วมกับ พันธมิตรในพื้นที่ เพื่อให้โครงการสามารถตอบโจทย์ความต้องการของชุมชนได้จริง แทนการดำเนินงานโดยตรงทั้งหมด
“การสนับสนุนเกษตรกรรายย่อยและการเข้าใจชีวิตจริงของผู้หิวโหย คือกุญแจสำคัญสู่ความมั่นคงทางอาหารระดับโลก” ฮาวเวิร์ด บัฟเฟตต์ กล่าว
เกษตรกรอเมริกัน "เราเลี้ยงโลก"
สิ่งที่ "ฮาวเวิร์ด บัฟเฟตต์" เชื่อคือ ต้องตอบสนองความต้องการเร่งด่วนของผู้ที่หิวโหยทันที ชาวอเมริกันอาศัยอยู่ในประเทศที่ร่ำรวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีระบบอาหารที่ปลอดภัยและอุดมสมบูรณ์ที่สุดระบบหนึ่ง จ่ายเงินสำหรับอาหารเป็นสัดส่วนรายได้ที่ต่ำที่สุด มีทางเลือกด้านอาหารมากมาย และสามารถเข้าถึงอาหารหลากหลายชนิดได้
"ผมมีสติ๊กเกอร์บนกระจกหลังรถปิกอัพมาหลายปีที่เขียนว่า 'เกษตรกรอเมริกัน เราเลี้ยงโลก' ข้อความนี้สะท้อนความรับผิดชอบทางศีลธรรมที่เรามีในการช่วยเลี้ยงโลก"
เมื่อ "ฮาวเวิร์ด บัฟเฟตต์" เดินทางไปประเทศต่างๆ เขาภูมิใจเมื่อเห็นกระป๋องน้ำมันหรือถุงอาหาร USAID (United States Agency for International Development) เพราะสิ่งเหล่านี้ถือเป็นของขวัญแห่งชีวิตสำหรับผู้ที่ได้รับ ระบบของสหรัฐยังสามารถปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้
ปัญหาคือการบริหารความช่วยเหลือต่างประเทศของสหรัฐมีความซับซ้อนสูง โครงการต่างๆ มีระเบียบและวิธีการของตัวเอง ส่งผลให้การสื่อสารไปสู่โลกไม่สอดคล้องและประสิทธิภาพต่ำ
"เราสามารถทำได้ดีกว่านี้ด้วยการประสานงานที่ดีขึ้นและการดำเนินงานที่มีประสิทธิผลมากขึ้น"
ความต้องการของเกษตรกรผู้ยากจน
เมื่อเราพูดถึงเกษตรกรรมแม่นยำ หลายคนอาจเห็นภาพเทคโนโลยีล้ำสมัย แต่สำหรับเกษตรกรผู้ยากจนแล้ว "ฮาวเวิร์ด บัฟเฟตต์" บอกว่า ความหมายกลับต่างออกไป
ประมาณ 70% ของผู้ยากจนทั่วโลกเป็นเกษตรกรที่ขาดแคลนทรัพยากร โดยเฉพาะในแอฟริกา ประเทศเดียวก็ส่งผลกระทบต่อประชากรถึง 400 ล้านคน พวกเขาจะสามารถสร้างความมั่นคงทางอาหารให้ตนเองได้อย่างไร เมื่อการเข้าถึงแม้สิ่งพื้นฐานที่สุดก็เต็มไปด้วยอุปสรรค
เมื่ออยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาไม่ได้คิดถึงอีก 3 หรือ 6 เดือนข้างหน้า แต่คิดถึงวันนี้ก่อน แล้วค่อยคิดถึงวันพรุ่งนี้ ทุกการตัดสินใจในแต่ละวัน ตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอน จึงเต็มไปด้วยความกดดัน ขณะที่อเมริกันใช้จ่ายมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปีไปกับอาหารปลีก ครอบครัวยากจนเหล่านี้ต้องอยู่รอดด้วยเงินไม่ถึง 1 ดอลลาร์ต่อวัน
ทุ่มงบบรรเทาความขัดแย้ง ยูเครนรับส่วนแบ่งสูงสุด
มูลนิธิ Howard G. Buffett Foundation (HGBF) เผยรายงานประจำปี 2024 ย้ำพันธกิจหลักในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประชากรที่ยากจนและชายขอบ มูลนิธิเรียกทรัพยากรของตนว่า “เงินทุนที่มีความเสี่ยงหายาก” (rare risk capital) เพื่อใช้ปรับปรุงคุณภาพชีวิตและแก้ปัญหาในพื้นที่ที่ท้าทายที่สุด โดยโฟกัส 3 พื้นที่ลงทุนหลัก
- ความมั่นคงทางอาหาร (Food Security)
- การบรรเทาความขัดแย้ง (Conflict Mitigation)
- การต่อต้านการค้ามนุษย์ (Combating Human Trafficking)
- การบรรเทาความขัดแย้ง: ยูเครนเป็นหัวใจสำคัญ
รายงานประจำปี 2024 สะท้อนถึงความเป็นจริงของความไม่มั่นคงที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยการลงทุนเพื่อบรรเทาความขัดแย้งของมูลนิธิฯ มีสัดส่วนสูงถึง 71.1% ของเงินบริจาคทั้งหมด ในเชิงภูมิศาสตร์ ยูเครนเป็นประเทศที่ได้รับความช่วยเหลือมากที่สุด โดยคิดเป็น 63.3% ของการบริจาคทั้งหมด
“ฮาวเวิร์ด บัฟเฟตต์” ในฐานะประธานและซีอีโอของมูลนิธิฯ ได้แสดงความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งที่ยืดเยื้อ โดยกล่าวว่าความล้มเหลวในการดำเนินการอย่างเด็ดขาดตั้งแต่เนิ่นๆ จะนำมาซึ่งความทุกข์ทรมานของมนุษย์ที่เพิ่มขึ้น และทำให้การยุติความขัดแย้งยากขึ้นและมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น
ภารกิจหลักในยูเครน
HGBF ให้ทุน $31.5 ล้าน ขยายทีมเป็น 90 ทีม และพัฒนาเครื่องจักรกลอัตโนมัติร่วมกับ John Deere, Caterpillar และ Kinze เพื่อการกวาดล้างทุ่นระเบิด
นอกจากนั้น ร่วมกับ Tony Blair Institute for Global Change พัฒนากลยุทธ์ด้านทุนมนุษย์เพื่อช่วยนำประชากรกว่า 3.6 ล้านคนเข้าสู่ตลาดแรงงาน
สนับสนุนห้องปฏิบัติการ DNA เคลื่อนที่ $9.6 ล้าน และสร้างศูนย์พักพิงใต้ดิน 5 แห่งในโรงเรียนเมือง Lozova ให้เด็กกว่า 11,000 คนเรียนได้อย่างปลอดภัย
ลงทุน $60 ล้าน ในโครงการ Ukraine Agricultural Support Program (UASP) สนับสนุนเกษตรกรรายย่อย 1,900 ราย และฟาร์มขนาดเล็ก-กลาง 270 แห่ง
เปิดตัว “Food Train” แจกอาหารร้อนกว่า 1.5 ล้านมื้อ ณ มีนาคม 2025
โครงการเกษตรกรรมยั่งยืนใน รวันดา และเอลซัลวาดอร์ เพิ่มผลผลิตพืชหลัก เช่น ข้าวโพด, ถั่วเหลือง และโกโก้ อย่างมีนัยสำคัญ
การต่อต้านการค้ามนุษย์
มูลนิธิฯ มุ่งเน้นการต่อต้านการค้ามนุษย์ในสหรัฐอเมริกา โดยเน้นไปที่การค้าแรงงาน (labor trafficking) ซึ่งเป็นประเด็นที่มักถูกละเลยมากกว่าการค้าประเวณี
ในปี 2024 ทรัพยากรเฉพาะทางที่มูลนิธิฯ จัดสรรส่งผลให้สามารถระบุตัวเหยื่อการค้าแรงงานได้ 256 ราย และมีการเริ่มการสอบสวนคดีการค้าแรงงานใหม่ 37 คดี มูลนิธิฯ ได้เรียนรู้ว่าการระบุตัวเหยื่อการค้าแรงงานจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นผ่านการเป็นหุ้นส่วนกับองค์กรที่ชุมชนเปราะบางไว้วางใจอยู่แล้ว (เช่น ผู้ให้บริการด้านกฎหมายหรือสุขภาพ) มากกว่าการเข้าถึงโดยตรง
นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังได้ใช้ความเชี่ยวชาญในการต่อต้านการค้ามนุษย์เพื่อสนับสนุนยุโรป โดยเฉพาะในโปแลนด์และสโลวาเกีย ผ่านการทำงานร่วมกับ Kids in Need of Defense (KIND) เพื่อเสริมสร้างระบบคุ้มครองเด็กสำหรับเด็กชาวยูเครนที่พลัดถิ่นและมีความเสี่ยงต่อการค้ามนุษย์
ทั้งนี้ มูลนิธิจะดำเนินงานต่อเนื่องจนถึง 31 ธันวาคม 2045 เพื่อสร้างผลกระทบที่ยั่งยืนทั้งด้านความมั่นคงทางอาหาร การบรรเทาความขัดแย้ง และการคุ้มครองผู้เปราะบางทั่วโลก
อ้างอิง : Howard G. Buffett Foundation 2024 Annual Report, No-till Farmer







