กระเช้าไฟฟ้าดอยสุเทพ ทางเลือกดึงดูดนักท่องเที่ยว เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ชงสร้าง “กระเช้าไฟฟ้าดอยสุเทพ” เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว เป็นแลนด์มาร์กใหม่ และช่วยให้คนขึ้นดอยได้มากขึ้น อีกทั้งไม่ก่อมลพิษ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ตลอดเวลา 30 ปีที่ผ่านมา “กระเช้าไฟฟ้าดอยสุเทพ” เป็นโครงการที่ถูกพูดถึงมาตลอด แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะเกิดขึ้นจริง มีทั้งผู้ที่สนับสนุนและคัดค้านมาเสมอ ฝ่ายสนับสนุนมองว่าจังหวัดเชียงใหม่จะได้รับประโยชน์ด้านการท่องเที่ยว ส่วนฝ่ายที่คัดค้านมีเหตุผลตั้งแต่ไม่เห็นว่าเชียงใหม่จำเป็นต้องมีกระเช้าไฟฟ้ารวมไปถึงว่าการสร้างกระเช้าลอยฟ้าจะเป็นการลบหลู่ดูหมิ่นวัดพระธาตุดอยสุเทพสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีความชัดเจนเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อมและไม่ได้ทำความเข้าใจกับคนท้องถิ่นอย่างเพียงพอ
กลางเดือนมิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา นายนิโคลัส ปราเชนสกี้ กงสุลกิตติมศักดิ์แห่งสาธารณรัฐออสเตรียประจำเชียงใหม่ ได้นำเสนอแนวคิดกระเช้าไฟฟ้าและระบบขนส่งในเมือง (Urban Mobility) แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ หัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ รวมทั้งนายก อบจ.เชียงใหม่
ในโอกาสดังกล่าว บริษัท Doppelmayr Group จากออสเตรียที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2436 เสนอแนวคิดเบื้องต้นสำหรับการเดินทางด้วยกระเช้าไฟฟ้าสำหรับเส้นทางขึ้นดอยสุเทพ โดยเชื่อมระหว่างบริเวณเชิงดอยสุเทพกับวัดดอยพระธาตุดอยสุเทพ ซึ่งสามารถลดระยะทางจาก 11 กม. เหลือเพียง 2.2 กม. และลดเวลาเดินทางจาก 30 นาทีต่อเที่ยวเหลือเพียง 9.8 นาทีเท่านั้น
อีกทั้งเส้นทางนี้ ยังช่วยลดปริมาณการจราจรขึ้นลงดอยสุเทพ รวมถึงลดมลพิษจากไอเสียยานพาหนะอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ กระเช้าไฟฟ้ายังมีประโยชน์สำหรับกรณีฉุกเฉิน เช่น การขนส่งผู้ป่วยฉุกเฉิน ตลอดจนการเฝ้าระวังไฟป่าและการขนส่งวัสดุ หรือเก็บขยะขึ้นลงภูเขาอีกด้วย
ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในทุก ๆ มิติ การก่อสร้างจึงสามารถหลีกเลี่ยงการตัดไม้ทำลายป่าให้น้อยที่สุด รวมทั้งใช้เวลาในการก่อสร้างเพียงไม่นาน ใช้ต้นทุนในการดำเนินการตํ่า กินพื้นที่โครงสร้างน้อย มีประสิทธิภาพด้านพลังงาน เพิ่มขีดความสามารถในการขนส่ง มีความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยสูง
กระเช้าไฟฟ้าดังกล่าวจึงเหมาะที่จะเป็นระบบสัญจรของคนในพื้นที่และในเวลาเดียวกันก็จะเป็นแลนด์มาร์กใหม่ของการท่องเที่ยวที่จะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้กับท้องถิ่นโดยรวม
ในอดีตกระเช้าไฟฟ้ามักจะมีบริการเฉพาะแหล่งท่องเที่ยว แต่ปัจจุบันระบบการขนส่งโดยกระเช้าไฟฟ้ากำลังเป็น “เทรนด์” ทั่วโลกหลายประเทศใช้การขนส่งระบบนี้ในเขตเมืองใหญ่ เช่น ลอนดอน และปารีส รวมทั้งสถานที่อื่น ๆ อีก ใน 96 ประเทศทั่วโลก
ยกตัวอย่าง กรุงลาปาซ ประเทศโบลิเวีย หนึ่งในเมืองที่ถูกโหวตให้เป็น 7 เมืองมหัศจรรย์ของโลกแห่งใหม่ (New 7 Wonders Cities) และเจ้าของตำแหน่งเมืองหลวงที่สูงที่สุดในโลก ใช้กระเช้าลอยฟ้าเป็นระบบขนส่งมวลชน
หรือแม้กระทั่งกรุงปารีสก็เพิ่งเปิดใช้ระบบกระเช้าไฟฟ้าสาย C1 เพื่อเชื่อมเขตชานเมืองทางตะวันออกเฉียงใต้กับรถไฟใต้ดิน ซึ่งจะทำให้การเดินทาง 4.5 กม. ใช้เวลาเพียง 17 นาที ซึ่งใช้เวลาน้อยกว่ารถโดยสารประจำทางถึงครึ่งหนึ่ง
ปัจจุบันเชียงใหม่กำลังถูกคู่แข่งทางการท่องเที่ยวในภูมิภาค โดยเฉพาะเวียดนามแซงหน้าและจำเป็นต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดตลาดต่างประเทศ ดังนั้นกระเช้าไฟฟ้าดอยสุเทพสามารถเป็นสัญลักษณ์ใหม่ของการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพที่ยั่งยืนได้ และจะช่วยพัฒนาศักยภาพอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ให้เป็นศูนย์กลางสำหรับการท่องเที่ยวกลางแจ้ง เช่น การเดินป่าและเส้นทางธรรมชาติ การวิ่งเทรล การปั่นจักรยานเสือภูเขา และการตั้งแคมป์ รวมถึงยังมีโอกาสทางวัฒนธรรมมากมายในการเยี่ยมชมหมู่บ้านชาวเขาในท้องถิ่นและเรียนรู้วิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์
กระเช้าไฟฟ้าแทบไม่มีเสียงดังและไม่มีมลพิษ ก็ยิ่งจะทำให้ยอดดอยมีสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ ช่วยส่งเสริมสภาวะด้านจิตวิญญาณผู้ที่มาสักการะวัดพระธาตุดอยสุเทพ ที่สำคัญกระเช้าไฟฟ้ายังจะเปิดโอกาสให้กับหลาย ๆ คนได้เข้าถึงวัดพระธาตุดอยสุเทพได้ง่ายขึ้น รวมถึงสามารถบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ เพื่อให้จำนวนนักท่องเที่ยวไม่มากจนเกินไป
ทั้งนี้ หลังจากที่ข้อเสนอของนายนิโคลัส ปราเชนสกี้ ถูกเผยแพร่ออกไปก็ทำให้เกิดความเห็นที่หลายหลากทั้งฝั่งที่สนับสนุนและคัดค้าน โดยผู้ที่สนับสนุนก็บอกว่า ควรทำแลนด์มาร์กให้นักท่องเที่ยว หาเงินให้เชียงใหม่ แต่จำเป็นต้องมีการจัดการดูแลนักท่องเที่ยวให้เป็นระบบ รวมถึงสร้างอาคารจอดรถถให้พอเพียง
ขณะที่ ผู้ที่คัดค้านไม่เชื่อว่ากระเช้าไฟฟ้าจะช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวได้จริง รวมถึงไม่ได้แก้ปัญหาเมืองเชียงใหม่ และต่อให้มีจำนวนคนขึ้นไปเที่ยวดอยสุเทพมากขึ้น จะสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้มากเพียงใด รวมถึงจะจัดการชุมชน การจัดการขยะได้หรือไม่ ตลอดจนความเหมาะสมที่จะอยู่คู่กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมือง
ฝ่ายโครงการฯ ได้ชี้แจงว่าดอยสุเทพควรมีกระเช้าไฟฟ้า เพราะกระเช้าไฟฟ้าเป็นวิธีการเดินทางที่ยั่งยืน ปล่อยคาร์บอนต่ำ ปลอดภัยที่สุด สำหรับผู้คนจำนวนมากในการเดินทางขึ้นสู่ยอดดอย ทั้งสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าการขยายถนนเป็นสี่เลน
กระเช้าไฟฟ้าได้ผ่านการพิสูจน์มาแล้วอย่างชัดเจนจาก 96 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งการที่คนไทยหลายคนได้มีประสบการณ์กระเช้าไฟฟ้าที่ไม่ว่าที่บานาฮิลส์ ประเทศเวียดนาม ฮ่องกง หรือประเทศจีน ก็ควรเป็นโอกาสเหมาะที่กระเช้าไฟฟ้าจะมีที่ประเทศไทย เมื่อคำนึงถึงบริบทของการอนุรักษ์และความยั่งยืนที่แท้จริง







