‘ทรัมป์’ ตัดงบ ‘โครงการด้านสภาพภูมิอากาศ’ ตอบโต้เดโมแครต ‘ชัตดาวน์สหรัฐ’

ทรัมป์ตัดงบโครงการด้านสภาพภูมิอากาศ ตอบโต้เดโมแครต ที่ชัตดาวน์สหรัฐ ทำให้สูญเสียงานนับพันตำแหน่ง สส.-บริษัทเร่งล็อบบี้ไม่ให้ตัดงบเพิ่ม
KEY
POINTS
- รัฐบาลทรัมป์ประกาศตัดงบประมาณโครงการด้านสภาพภูมิอากาศกว่า 7,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อตอบโต้พรรคเดโมแครตที่เป็นสาเหตุให้เกิดการชัตดาวน์ในสหรัฐฯ
- การตัดงบประมาณมุ่งเป้าไปที่รัฐและเขตที่เป็นฐานเสียงของพรรคเดโมแครตเป็นหลัก แต่ปัจจุบันได้ขยายผลกระทบไปยังเขตของพรรครีพับลิกันด้วย
- การยกเลิกเงินทุนสนับสนุนโครงการพลังงานสะอาดอาจทำให้เกิดการสูญเสียตำแหน่งงานจำนวนมากและความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในรัฐนิวยอร์ก
- มีเอกสารภายในบ่งชี้ว่ากระทรวงพลังงานอาจพิจารณาตัดงบประมาณเพิ่มเติมอีกเกือบ 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกว่า 600 โครงการ
รัฐบาลทรัมป์ได้ประกาศตัดงบประมาณด้านสภาพภูมิอากาศเป็นจำนวนเงินกว่า 7,000 ล้านดอลลาร์ โดยมุ่งเป้าไปที่รัฐและเขตที่เป็นฐานเสียงของพรรคเดโมแครตเป็นส่วนใหญ่ โดยการเคลื่อนไหวครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการตอบโต้พรรคเดโมแครตที่ลงคะแนนเสียงคัดค้านแผนการใช้จ่ายระยะสั้นของพรรครีพับลิกัน จนเกิดการชัตดาวน์ในสหรัฐ
โดยมาตรการล่าสุดของกระทรวงพลังงานสหรัฐต่อยอดจากการตัดงบประมาณเหล่านี้ และปัจจุบันส่งผลกระทบต่อเขตของพรรครีพับลิกันด้วยเช่นกัน
โครงการดักจับคาร์บอนในอากาศโดยตรงในรัฐลุยเซียนาของ Heirloom และ Climeworks บริษัทสตาร์ทอัพด้านการดักจับคาร์บอน ซึ่งร่วมกันระดมทุนสาธารณะกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ เป็นหนึ่งในโครงการที่ถูกตัดงบประมาณ ทั้งที่โครงการนี้ตั้งอยู่ที่เมืองชรีฟพอร์ต ซึ่งเป็นบ้านเกิดของไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เป็นคนของพรรครีพับลิกัน
Heirloom กล่าวว่ายังไม่ทราบถึงการตัดสินใจของกระทรวงพลังงานสหรัฐ แต่ระบุว่าโครงการนี้จะทำให้เกิดการจ้างงาน 2,300 ตำแหน่ง “รัฐบาลระดับภูมิภาคและเขตอำนาจศาลระหว่างประเทศต่างเรียกร้องให้มีการลงทุนในโครงการ DAC ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันเพื่อชิงความได้เปรียบด้านพลังงาน ดังนั้นสหรัฐไม่ควรตัดสิทธิ์นี้ออก” วิกรม ไอเยอร์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายระดับโลกของ Heirloom กล่าวเสริม
ขณะที่ Climeworks กล่าวว่ายังคงตั้งมั่นที่จะสานต่อโครงการต่าง ๆ ในสหรัฐ แต่บริษัทก็กำลังดำเนินโครงการในแคนาดา สหราชอาณาจักร และซาอุดีอาระเบียด้วยเช่นกัน
ผู้นำรัฐต่าง ๆ ระบุว่า การที่กระทรวงพลังงานยกเลิกเงินช่วยเหลือโครงการพลังงานสะอาดนั้น อาจทำให้เกิดการสูญเสียงานและเกิดความปั่นป่วนอย่างมาก ขณะที่เอกสารภายในบ่งชี้ว่ากระทรวงอาจกำลังพิจารณาตัดงบประมาณเพิ่มเติมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
สำหรับในนิวยอร์ก ซึ่งสนับสนุนเดโมแครต การยกเลิกเงินทุนสนับสนุนจะส่งผลกระทบต่อตำแหน่งงานมากกว่า 1,000 ตำแหน่ง และการลงทุนเกือบ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในรัฐ ตามตัวเลขที่รวบรวมโดยสำนักงานผู้ว่าการรัฐแคธี โฮชุล ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครต และได้รับการตรวจสอบโดยเดอะนิวยอร์กไทมส์
แม้เเงินทุนที่ถูกยกเลิกส่วนมากจะอยู่ในเขตของเดโมแครต แต่ก็มีบางส่วนที่กระทบกับพื้นที่ของสส. พรรครีพับลิกันในนิวยอร์กด้วยเช่นกัน
“การที่พรรครีพับลิกันในนิวยอร์กไม่ยอมยืนหยัดต่อต้านทรัมป์ เท่ากับเป็นการแทงข้างหลังผู้มีสิทธิเลือกตั้งของตนเอง แทนที่จะได้เฉลิมฉลองการเปิดโรงงานในท้องถิ่นหรือแสดงความยินดีกับเพื่อนบ้านที่ได้งานใหม่มูลค่าหกหลัก แต่สมาชิกสภาคองเกรสเหล่านี้กลับเลือกที่จะนิ่งเฉย ปล่อยให้ทรัมป์กำลังพรากโอกาสทางเศรษฐกิจในศตวรรษที่ 21 ของชุมชนของพวกเขาไป” เคธี่ โฮชูล ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กกล่าวในแถลงการณ์
กระทรวงพลังงานยกเลิกเงินสนับสนุนมากกว่า 26 ล้านดอลลาร์ ให้กับบริษัทสองแห่งในเขตฮัดสันแวลลีย์ของส.ส. ลอว์เลอร์ รวมถึงบริษัทที่พัฒนาแบตเตอรี่ขั้นสูง “ผมอยู่ที่นิวยอร์กและผมเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกัน และแน่นอนว่าการยกเลิกโครงการนี้ส่งผลกระทบต่อเขตของผม ดังนั้นไม่ใช่แค่พรรคเดโมแครตเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ” นายลอว์เลอร์กล่าวกับ CNN
ซีโร ริคคาร์ดี โฆษกของนายลอว์เลอร์ กล่าวโทษพรรคเดโมแครตว่าเป็นต้นเหตุของการชัตดาวน์สหรัฐ “สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลย หากวุฒิสมาชิกชูเมอร์และคณะของเขาไม่ได้สั่งชัตดาวน์รัฐบาลตามคำสั่งของฮาคีม เจฟฟรีส์” เขาเขียนในอีเมล
ผู้นำรัฐต่าง ๆ ระบุว่า การที่กระทรวงพลังงานยกเลิกเงินช่วยเหลือมูลค่า 7,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในยุคไบเดนสำหรับโครงการพลังงานสะอาดนั้น อาจทำให้เกิดการสูญเสียงานและเกิดความปั่นป่วนอย่างมาก ขณะที่เอกสารภายในบ่งชี้ว่ากระทรวงอาจกำลังพิจารณาตัดงบประมาณเพิ่มเติมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
เอกสารภายในที่เผยแพร่กันในหมู่นักล็อบบี้ยิสต์และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชี้ให้เห็นว่ากระทรวงพลังงานสหรัฐยังเตรียมตัดลดงบประมาณโครงการด้านสภาพภูมิอากาศลงเกือบ 23,800 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ตำแหน่งงานหลายพันตำแหน่ง จากกว่า 600 โครงการ เสี่ยงตกงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการดักจับคาร์บอนและไฮโดรเจนที่กำลังเติบโต เนื่องจากไม่ให้ผลตอบแทนที่เพียงพอแก่ผู้เสียภาษี
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและบริษัทหลายแห่งกังวลว่ากระทรวงพลังงานอาจยกเลิกเงินทุนเพิ่มเติมในเร็ว ๆ นี้ รวมถึงโครงการในรัฐที่พรรครีพับลิกันเป็นผู้นำ แต่ในตอนนี้กระทรวงยังระบุว่ายังไม่ได้ตัดสินใจใด ๆ เพิ่มเติม นอกเหนือจากการตัดงบ 7,500 ล้านดอลลาร์
“กระทรวงยังคงดำเนินการตรวจสอบงบประมาณที่แต่ละโครงการได้รับจากรัฐบาลชุดก่อนอย่างละเอียดถี่ถ้วน และยังไม่มีการตัดสินใจใด ๆ นอกเหนือจากที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้” เบน ดีทเดอริช โฆษกกระทรวงพลังงานสหรัฐกล่าว
ก่อนหน้านี้มีการประกาศตัดงบประมาณ สำหรับบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่อย่าง Exxon Mobil กว่า 300 ล้านดอลลาร์ โครงการไฮโดรเจนจำนวนมากก็ถูกยกเลิกไปเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นโครงการ Arches ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งคาดว่าจะได้รับงบประมาณ 1,200 ล้านดอลลาร์ รวมถึงศูนย์ไฮโดรเจนประจำภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ ที่ถูกตัดงบไป 1,000 ล้านดอลลาร์ เช่นเดียวกับศูนย์ไฮโดรเจนสะอาดประจำภูมิภาคแอปพาเลเชียน ที่โดนตัดงบไปประมาณ 925 ล้านดอลลาร์
กระทรวงพลังงานยังกำลังพิจารณายกเลิกงบประมาณ 32 ล้านดอลลาร์ สำหรับ Hyundai Mobis ซึ่งส่งชิ้นส่วนไฮบริดแบบปลั๊กอินและชุดแบตเตอรี่ให้แก่รถยนต์ Stellantis และงบประมาณสำหรับ Harley-Davidson ซึ่งขยายโรงงานในรัฐเพนซิลเวเนีย สำหรับผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า มูลค่า 89 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ยังมีงบประมาณ 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับ Blue Bird ซึ่งปรับเปลี่ยนโรงงานเดิมในรัฐจอร์เจียให้ผลิตรถบัสโรงเรียนไฟฟ้า และ 75 ล้านดอลลาร์สำหรับ Cummins เพื่อผลิตชิ้นส่วนปลอดมลพิษและระบบส่งกำลังไฟฟ้า
อีกทั้ง กระทรวงพลังงานสหรัฐกำลังพิจารณาตัดงบประมาณ 208 ล้านดอลลาร์ ที่จะให้แก่ Volvo Group เพื่อปรับปรุงโรงงานในรัฐแมริแลนด์ เวอร์จิเนีย และเพนซิลเวเนีย สำหรับเพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัสเซลล์ วอทท์ หัวหน้าฝ่ายงบประมาณของทำเนียบขาว โพสต์บน X ว่าเงินทุนของกระทรวงพลังงานเกือบ 8,000 ล้านดอลลาร์สำหรับโครงการด้านสภาพภูมิอากาศจะถูกยกเลิกในรัฐที่สนับสนุนพรรคเดโมแครตมากกว่า 12 รัฐ
เจนนิเฟอร์ วิลค็อกซ์ ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมเคมีและนโยบายพลังงาน มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ซึ่งเคยทำงานที่กระทรวงพลังงานสหรัฐในสมัยรัฐบาลไบเดนกล่าวว่า “นี่ไม่ใช่แค่เงินทุนสนับสนุนนวัตกรรมเท่านั้น แต่ศูนย์เหล่านี้มีจุดประสงค์เพื่อสร้างงาน ห่วงโซ่อุปทาน และการฟื้นฟูอุตสาหกรรมในภูมิภาคที่ใช้พลังงานอย่างเข้มข้น ซึ่งเป็นภูมิภาคที่ต้องการพลังงานมากที่สุด”
“การตัดงบในตอนนี้ไม่เพียงแต่เป็นอันตรายต่อความก้าวหน้าด้านสภาพภูมิอากาศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโอกาสทางเศรษฐกิจและความน่าเชื่อถือของสหรัฐ ในฐานะพันธมิตรที่เชื่อถือได้ในการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดทั่วโลก” วิลค็อกซ์กล่าว
ยังไม่แน่ชัดว่ากระทรวงพลังงานจะดำเนินการตัดงบประมาณเพิ่มเติมนี้หรือไม่ และเมื่อใด และรายการที่รั่วไหลออกมานี้ได้ก่อให้เกิดการล็อบบี้อย่างดุเดือดในกรุงวอชิงตันเพื่อช่วยเหลือโครงการต่าง ๆ บริษัทบางแห่งที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงจากการตัดงบประมาณกล่าวว่ายังไม่ได้รับทราบผลการตัดสินใจขั้นสุดท้ายใดๆ
ที่มา: Reuters, The New York Times, The Wall Street Journal







