พลิกโฉมการศึกษา รับมือ 'ความย้อนแย้งแรงงาน AI' พัฒนาคนสู่ 'ผู้ร่วมสร้างคุณค่า' ในปี พ.ศ. 2571

พลิกโฉมการศึกษา รับมือ 'ความย้อนแย้งแรงงาน AI' พัฒนาคนสู่ 'ผู้ร่วมสร้างคุณค่า' ในปี พ.ศ. 2571

ผลสำรวจชี้ ผู้นำองค์กร 92% เผชิญภาวะแรงงานเกินความจำเป็นในบทบาทเดิม ขณะที่ 94% ขาดแคลนทักษะสำคัญด้าน AI (ปัญญาประดิษฐ์) อย่างหนัก การศึกษาต้องเร่งปรับหลักสูตรและกลยุทธ์ เพื่อเปลี่ยนคนจาก "ผู้ถูกแทนที่" เป็น "ผู้ร่วมออกแบบ" การทำงานร่วมกับ AI ก่อนจะสายเกินไป

KEY

POINTS

  • ตลาดแรงงานกำลังเผชิญ "ความย้อนแย้ง" คือมีแรงงานเกินในตำแหน่งงานเดิมที่ AI สามารถทดแทนได้ ขณะเดียวกันก็ขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะด้าน AI อย่างหนัก
  • เป้าหมายสำคัญคือการปฏิรูปการศึกษาเพื่อพัฒนาคนจาก "ผู้ถูกแทนที่" ให้กลายเป็น "ผู้ร่วมสร้างคุณค่า" ที่สามารถออกแบบและทำงานร่วมกับ AI ได้ภายในปี พ.ศ. 2571
  • บทบาทของมนุษย์จะเปลี่ยนจากการลงมือทำไปสู่การเป็น "ผู้ออกแบบและกำกับดูแล" ระบบ AI ทำให้ทักษะใหม่ๆ เช่น ธรรมาภิบาล AI และวิศวกรรมพร้อมท์ (Prompt Engineering) เป็นที่ต้องการสูง
  • สถาบันการศึกษาไทยต้องเร่งปรับหลักสูตรเพื่อเน้นทักษะการคิดวิเคราะห์ ความคิดสร้างสรรค์ และความสามารถเฉพาะทางด้าน AI เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับแรงงานในอนาคต

ผู้นำองค์กร 92% เผชิญภาวะแรงงานเกินความจำเป็นในบทบาทเดิม ขณะที่ 94% ขาดแคลนทักษะสำคัญด้าน AI (ปัญญาประดิษฐ์) อย่างหนัก การศึกษาไทยต้องเร่งปรับหลักสูตรและกลยุทธ์ เพื่อเปลี่ยนคนจาก "ผู้ถูกแทนที่" เป็น "ผู้ร่วมออกแบบ" การทำงานร่วมกับ AI ก่อนจะสายเกินไป

AI เขย่าโลกการทำงาน องค์กรเผชิญ "ส่วนเกิน-ส่วนขาด" พร้อมกัน

รายงานล่าสุดจากผลสำรวจผู้บริหารระดับสูง 1,010 คนทั่วโลก เผยให้เห็นภาพความเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยมี ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เชิงสร้างสรรค์และเชิงผู้แทน (Generative and Agentic AI) เป็นตัวเร่ง โดยระบุว่า ภาวะ "ความย้อนแย้งด้านแรงงาน" (The workforce paradox) กำลังทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว

1. ภาวะแรงงานเกินความจำเป็น (Overcapacity) ในบทบาทเดิม

  • ผู้บริหารกว่า 92% ยอมรับว่ามีแรงงานเกินความจำเป็นถึง 20% ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในตำแหน่งงานที่ต้องทำซ้ำๆ เช่น งานสนับสนุนลูกค้า (Customer Support), งานหลังบ้าน (Back-office), งานการเงินแบบทำธุรกรรม และงานธุรการ ซึ่งถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ
  • ภายใน พ.ศ. 2571  เกือบครึ่งหนึ่งของผู้นำคาดการณ์ว่าจะมีแรงงานเกินความจำเป็นสูงถึง 30% ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

2. ภาวะขาดแคลนทักษะวิกฤตด้าน AI (Scarcity)

ในขณะเดียวกัน ผู้บริหารถึง 94% เผชิญปัญหาขาดแคลนบุคลากรที่มี ทักษะสำคัญด้าน AI โดยหนึ่งในสามรายงานว่ามีช่องว่างของทักษะสูงถึง 40% หรือมากกว่า

  • ตำแหน่งงานที่เป็นที่ต้องการใหม่ ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญด้าน ธรรมาภิบาล AI (AI Governance), วิศวกรพร้อมท์ (Prompt Engineering), ผู้ออกแบบกระบวนการทำงานแบบตัวแทน (Agentic Workflow Design) และ ผู้เชี่ยวชาญด้านความร่วมมือระหว่างมนุษย์กับ AI (Human-AI Collaboration Specialists)
  • แม้คาดว่าภาวะขาดแคลนจะลดลง แต่ภายใน พ.ศ. 2571 ผู้นำเกือบครึ่งยังคงคาดว่าจะมีช่องว่างของทักษะในบทบาทวิกฤตเหล่านี้ถึง 20-40%

การศึกษาคือหัวใจ 4 สิ่งที่ผู้นำและสถาบันต้องเร่งทำ

เพื่อรับมือกับความย้อนแย้งนี้ องค์กรและระบบการศึกษาต้องเร่งปรับตัว โดยรายงานได้เน้นย้ำถึง 4 ประเด็นสำคัญที่ต้องดำเนินการ

การยกระดับและพัฒนาทักษะใหม่ (Reskilling and Upskilling)

  • ต้องถือว่าการพัฒนาทักษะเป็น การลงทุนหลัก ไม่ใช่แค่โครงการเสริม ผู้นำกว่าครึ่งกำลังดำเนินการอยู่ แต่ยังขาดขนาดที่เพียงพอ
  • แกนหลักของการฝึกอบรม คือการสอนให้พนักงานทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การออกแบบคำสั่ง (Prompts), การกำกับดูแลระบบตัวแทน (Supervising Agents), และการตีความผลลัพธ์

การปรับโครงสร้างบทบาทงานใหม่ (Redesigning Roles)

  • งานกำลังเปลี่ยนจาก "การลงมือทำ" เป็น "การจัดการและกำกับดูแล" (Orchestration) มนุษย์จะกลายเป็น นักออกแบบ ผู้ตรวจสอบ และผู้ควบคุม ของระบบตัวแทนอัจฉริยะ
  • ผู้นำเกือบ 52% จัดให้ การออกแบบงานใหม่ เป็นภารกิจสำคัญอันดับแรก โดยต้องมีการกำหนดคำบรรยายลักษณะงาน สิทธิในการตัดสินใจ และกรอบความรับผิดชอบใหม่

การบูรณาการแผนกำลังคนเข้ากับยุทธศาสตร์ AI

  • ปัจจุบันมีเพียง 46% ขององค์กรที่รวมแผนกำลังคนเข้ากับแผนงาน AI อย่างจริงจัง ซึ่งอาจทำให้การเปลี่ยนแปลงหยุดชะงัก
  • จำเป็นต้องมีการ วางแผนสถานการณ์ (Scenario Planning) ในระยะ 5 ปี เพื่อให้การคาดการณ์ทักษะสอดคล้องกับการนำ AI มาใช้

การใช้กลยุทธ์ทรัพยากรมนุษย์อย่างครบวงจร

เพื่อลดผลกระทบ องค์กรต้องใช้แนวทางผสมผสาน เช่น การโยกย้ายตำแหน่ง (Redeployment), การฝึกอบรมข้ามสายงาน (Cross-training), และการใช้ตลาดแลกเปลี่ยนความสามารถที่ขับเคลื่อนด้วย AI (AI-powered talent marketplaces) เพื่อสร้างความยืดหยุ่นและส่งเสริมการหมุนเวียนภายใน

AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือเพิ่มผลผลิต แต่เป็นการ กำหนดความสามารถในการแข่งขันและความยืดหยุ่นขององค์กร ผู้นำและสถาบันการศึกษาที่ไม่ลงมือจัดการและปรับเปลี่ยนกำลังคนให้สอดคล้องกับยุค AI อย่างเด็ดขาด จะต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่การเปลี่ยนแปลงจะหยุดชะงัก

สำหรับประเทศไทย การปรับปรุงหลักสูตรการศึกษา โดยเฉพาะในระดับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา เพื่อเน้นทักษะด้าน การคิดเชิงวิเคราะห์, การแก้ปัญหา, ความคิดสร้างสรรค์, และทักษะเฉพาะทางด้าน AI เช่น Prompt Engineering จะเป็นกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนจาก "ผู้ที่ถูกแทนที่" ในงานเดิม สู่ "ผู้ร่วมสร้างสรรค์คุณค่า" ที่ทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเปิดประตูสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในทศวรรษหน้า

ที่มา : BearingPoint