กฟผ. เดินหน้ายุทธศาสตร์พลังงานสะอาด ดันขีดความสามารถการแข่งขันไทยสู่เป้า Net Zero

กฟผ. เดินหน้ายุทธศาสตร์พลังงานสะอาด ดันขีดความสามารถการแข่งขันไทยสู่เป้า Net Zero

กฟผ. ชู "EGAT Way to Energy Future" เดินหน้ายุทธศาสตร์พลังงานสะอาด หนุนขีดความสามารถการแข่งขันไทยสู่เป้าหมาย Net Zero

นายวฤต รัตนชื่น ผู้ช่วยผู้ว่าการวิจัย นวัตกรรม และพัฒนาธุรกิจ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ "EGAT Way to Energy Future" ภายในงานสัมมนา "A Call for Adaptation: The Sustainability in Trade &Industry" จัดโดย "กรุงเทพธุรกิจ" ร่วมกับ Sustainability Expo 2025 (SX 2025) เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2568 ว่า การขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจสู่ความยั่งยืนภายใต้กรอบ ESG (Environment, Social, Governance) ต้องดำเนินการควบคู่กันทั้ง 3 ด้าน และต้องตอบโจทย์ "Net Zero" ที่ได้กลายเป็นมาตรการแข่งขันระดับโลกซึ่งมีผลโดยตรงต่อการค้าและการลงทุน

กฟผ. เดินหน้ายุทธศาสตร์พลังงานสะอาด ดันขีดความสามารถการแข่งขันไทยสู่เป้า Net Zero

ในวันนี้ประเทศไทยต้องเผชิญกับกติกาโลกที่กำหนดโดยประเทศพัฒนาแล้วและองค์กรข้ามชาติ เช่น กลุ่ม RE100 ที่กำหนดให้พลังงานหมุนเวียนต้องถูกผลิตและใช้จริง ไม่เพียงแต่มีแหล่งผลิตเท่านั้น ทำให้ กฟผ. ในฐานะองค์กรรัฐต้องปรับยุทธศาสตร์เพื่อสนับสนุนขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ โดยมุ่งสร้างระบบพลังงานที่ตอบโจทย์ทั้งเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม

"ผลิตไฟฟ้า" ไม่ใช่ผู้ร้ายในสายตา Net Zero อีกต่อไป

นายวฤต กล่าวว่า หนึ่งในผู้ก่อคาร์บอนหลักคือภาคการผลิตไฟฟ้า ขนส่ง และการใช้พลังงาน แต่ขณะเดียวกัน การผลิตไฟฟ้าก็มีทางเลือกในการลดคาร์บอนได้มาก เช่นกัน พลังงานหมุนเวียน, CCS ไปจนถึงเทคโนโลยีพลังงานสะอาดใหม่ SMR ซึ่งหลายประเทศใช้งานมานานทั้งในเรือรบและเรือดำน้ำ ก่อนพัฒนามาสู่เชิงพาณิชย์

ดังนั้น กฟผ. จึงมองเทคโนโลยีไว้ 3 ระยะได้แก่ 1. เทคโนโลยีที่ใช้งานได้แล้ว เช่น โซลาร์ฟาร์ม วินด์ฟาร์ม หรือโซลาร์รูฟท็อป 2. เทคโนโลยีในระยะกลาง เช่น ไฮโดรเจน, การกักเก็บคาร์บอน หรือ CCS (Carbon Capture Storage) และ SMR 3. เทคโนโลยีอนาคต เช่น ดวงอาทิตย์เทียม หรือ Fusion Energy ที่ยังอยู่ระหว่างการวิจัย

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำคัญคือ พลังงานหมุนเวียน มีความไม่เสถียรโดยขึ้นอยู่กับแดดและลม กฟผ. จึงต้องลงทุนพัฒนาระบบส่งไฟฟ้า (Grid Modernization) โดยเริ่มต้นจากการพัฒนา RE Forecast Center ใช้ AI ในหลายโมเดลพยากรณ์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพื่อเพิ่มความแม่นยำ

กฟผ. เดินหน้ายุทธศาสตร์พลังงานสะอาด ดันขีดความสามารถการแข่งขันไทยสู่เป้า Net Zero

และปัจจุบันกำลังพัฒนาเน้นความยืดหยุ่นของโรงไฟฟ้าและระบบส่ง ทั้งการปรับแรงดันแบบเรียลไทม์และการบริหารความผันผวนในระดับเสี้ยววินาที เพื่อรองรับไฟฟ้าสะอาดให้มีความมั่นคง

Carbon Capture จากป่าไม้สู่เทคโนโลยี

นายวฤต กล่าวว่า หากไม่สามารถจัดการคาร์บอนที่ปล่อยออกมาได้ ก็ต้องใช้การดูดซับ ซึ่งวิธีดั้งเดิมคือต้นไม้ แต่ในภาคอุตสาหกรรมต้องยกระดับสู่ Carbon Capture Utilization (CCU) เช่น นำก๊าซ CO₂ ไปเลี้ยงสาหร่ายเพื่อผลิตอาหารหรือยา อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันโลกยังสามารถนำคาร์บอนที่ดักจับมาใช้ประโยชน์ได้ไม่ถึง 1% ของปริมาณที่กักเก็บทั้งหมด ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องพัฒนา

อีกหนึ่งภารกิจสำคัญของ กฟผ. คือการซัพพอร์ตระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) ที่ กฟผ. มีครบทั้งสถานีชาร์จ รถไฟฟ้าบริการ และระบบบริหารจัดการพลังงาน รวมถึงการลงทุนใน Decarbonized Solutions เช่น ดิจิทัลแดชบอร์ด, AI บริหารพลังงาน, การจัดหาคาร์บอนเครดิต และการพัฒนาสัญญาซื้อขายไฟฟ้า หรือ  PPA (Power Purchase Agreement) ตรงกับผู้ผลิตไฟฟ้าสะอาด

นอกจากนี้ ในร่างแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) ฉบับใหม่ ที่ตั้งเป้าสัดส่วนไฟฟ้าสะอาดเกิน 50% ภายในปี 2580 ประเทศไทยต้องมีระบบกักเก็บพลังงานกว่า 45,000 เมกะวัตต์อาวร์ (MWh)โดย  20,000 MWh จากโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ (Pumped Storage Hydropower Plant) และ 25,000 MWh จากระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System) รวมถึงการนำแบตเตอรี่จาก EV ที่หมดอายุมาใช้ใหม่ (Second-life Battery) ซึ่งกำลังร่วมวิจัยกับกระทรวง อว. และมหาวิทยาลัยไทย พร้อมพัฒนา นิคม Circular Economy ร่วมกับ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)

Solar Floating  พลังงานสะอาดไฮบริด

ทั้งนี้ ในด้านของพลังงานหมุนเวียนที่เหมาะสมกับศักยภาพไทยคือพลังงานแสงอาทิตย์ โดย กฟผ. ผลักดันโครงการ Solar Floating หรือโซลาร์ลอยน้ำในเขื่อนเก็บน้ำ ซึ่งใช้พื้นที่ไม่ถึง 5% ไม่กระทบการประมงหรือการสัญจรทางน้ำ และยังช่วยลดการระเหยของน้ำ เพิ่มประสิทธิภาพแผงโซลาร์ ถือเป็นทางออกลดปัญหาการใช้พื้นที่ทางการเกษตร

นายวฤต กล่าวว่า กฟผ. มุ่งเดินหน้าในบทบาท “เสาหลักด้านพลังงานของชาติ” เพื่อซัพพอร์ตประเทศไทยสู่เป้าหมาย Net Zero ทั้งการสร้างมาตรฐานพลังงานสีเขียวที่สอดคล้องกับกติกาสากล การผลักดันนวัตกรรมเทคโนโลยีไฟฟ้า และการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนและระบบกักเก็บอย่างยั่งยืน

"ประเทศจะมีขีดความสามารถในการแข่งขัน สังคมอยู่ดีมีสุข และเมื่อเงินลงทุนไหลเข้ามาก็สามารถดูแลประชาชนได้อย่างทั่วถึง โดยโจทย์ของ Net Zero คือความท้าทายใหญ่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่หากเตรียมพร้อมทั้งเทคโนโลยีและนโยบาย จะเป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทยในเวทีโลก"