ไทยดันเป้า 'ขยะอาหาร' เป็นศูนย์ รัฐจ่อใช้กลไกเศรษฐศาสตร์

"รัฐ-เอกชน" เดินหน้า Zero Food Waste ทส.พิจารณาออกกฎระเบียบแก้ปัญหา เตรียมใช้กลไกเศรษฐศาสตร์ ชี้ขยะอาหารไทยสัดส่วนสูง 36% “ซีพี” ชี้ไทยสร้างขยะอาหารอันดับ 2 อาเซียน ดันเป้าหมายขยะอาหารเป็นศูนย์ ภายในปี 73 มข.แนะจัดการให้เป็นระบบ
KEY
POINTS
- ประเทศไทยตั้งเป้าหมายลดขยะอาหารให้เป็นศูนย์ (Zero Food Waste) เพื่อแก้ปัญหาขยะอาหารปริมาณสูงเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน โดยมีภาคเอกชนอย่างเครือซีพีตั้งเป้าสำเร็จภายในปี 2573
- ภาครัฐเตรียมออกมาตรการ และข้อบังคับเพื่อควบคุมการจัดการขยะอาหาร โดยจะเริ่มจากหน่วยงานในสังกัด เช่น อุทยานแห่งชาติ และขยายผลสู่ระดับท้องถิ่น
- กรมควบคุมมลพิษเตรียมใช้กลไกทางเศรษฐศาสตร์เพื่อสร้างแรงจูงใจ ได้แก่ การลดหย่อนภาษีสำหรับการบริจาคอาหารส่วนเกิน และการแปลงการลดขยะเป็นคาร์บอนเครดิต
- ภาคเอกชนได้นำร่องแก้ปัญหาโดยเปลี่ยนขยะอาหารไปสร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น ทำปุ๋ย อาหารสัตว์ และที่สำคัญคือ การเพาะเลี้ยงแมลงโปรตีน (Black Soldier Fly)
“ซีพี แอ็กซ์ตร้า” และ “กรุงเทพธุรกิจ” ร่วมจัด Thailand Zero Food Waste Forum 2025 รวมพลัง ลดทิ้ง สร้างค่า เปลี่ยนความท้าทายเป็นโอกาส เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมาย Zero Food Waste
CP Group เป้าขยะอาหารเป็นศูนย์ ภายในปี 73
นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เปิดเผยว่า การบริหารจัดการขยะให้เป็นศูนย์ หรือ Zero Food Waste เป็นอีกปัญหาใหญ่ของโลกใน เพราะขยะอาหารไม่เพียงมีปริมาณมาก แต่ยังก่อให้เกิดมลพิษจากอาหารสูง หรือปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 8%
นอกจากนี้ 1 ใน 3 ของอาหารกลายเป็นขยะมากถึง 1,050 ล้านตันต่อปี โดยเทียบเท่าอาหารคนราว 2,800 ล้านคนต่อปี และยังปล่อยก๊าซเรือนกระจก 4,500 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO2e) ต่อปี ซึ่งไทยเปรียบเสมือนครัวของโลก ทว่าอีกด้านยังก่อให้เกิดขยะอาหารราว 6.18 ล้านตันต่อปี ซึ่งถือว่ามากสุดอันดับ 2 ในอาเซียนด้วย
สำหรับเครือเจริญโภคภัณฑ์ มีพันธกิจการบริหารจัดการขยะอาหารหลายมิติ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย “ขยะอาหารเป็นศูนย์” หรือ Zero Food Waste เช่น การนำไปผลิตเป็นปุ๋ย 25,207 ตัน การบริจาคเป็นอาหารสัตว์ 13,586 ตัน การบริจาคอาหารผ่านมูลนิธิ 11,441 ตัน การแปรรูปอาหารเพื่อเพิ่มมูลค่า 8,581 ตัน การเพาะเลี้ยงแมลงโปรตีน (BSF) 6,436 ตัน และการผลิตเป็นพลังงาน 4,290 ตัน
นอกจากนี้ ภายใต้ซีพี แอ็กซ์ตร้า ธุรกิจค้าปลีกทั้งแม็คโคร และโลตัส ในกระบวนการตอบสนองสินค้าไปถึงผู้บริโภคปลายทาง ก่อให้เกิดขยะอาหารในทุกๆ วัน บริษัทต้องกำจัดขยะอาหารด้วยวิธีต่างๆ
“เชื่อว่าทุกคนมีส่วนร่วมในการลดขยะอาหาร หากภาคเอกชนประสานมือกันได้ ภายใต้นโยบายของภาครัฐจะสามารถลดฟู้ดเวสต์ได้อย่างมีนัย หรือนำขยะอาหารที่หมดสภาพ ส่วนเกินของอาหารที่ผลิตไปสร้างมูลค่าเพิ่มได้”
สำหรับภาพใหญ่ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ มีเป้าหมาย “ขยะอาหารเป็นศูนย์” ภายในปี 2573 หรือปี 2030 ทั้งมุ่งลดขยะอาหารให้ได้ 5,480 ตันต่อปี จากปี 2567 มีปริมาณขยะอาหาร 41,513 ตัน
แบ่งเป็น เศษผัก และผลไม้ 33% พร้อมรับประทาน 29% เบเกอรี 21% เนื้อสัตว์ และอาหารทะเล 8% ผลิตภัณฑ์จากนม และเครื่องดื่ม 6% และอื่นๆ 3% และที่ผ่านมา ระหว่างปี 2562-2567 ได้ดำเนินการลดขยะอาหารปริมาณ 13,291 ตันต่อปี หรือลดลงเฉลี่ย 24.25% ต่อปี
“จากขยะอาหารปี 2562 อยู่ที่ 54,804 ตัน บริษัทบริหารจัดการให้ลดลงได้ราว 24.25% ต่อปี จนเหลือ 41,513 ตัน ซึ่งหากเราไม่บริหารจัดการ ฟู้ดเวสต์จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนซีพี แอ็กซ์ตร้า โดยแม็คโคร โลตัส มีการนำขยะอาหารไปเพาะเลี้ยงแมลงโปรตีนหรือ BSF นอกจากช่วยลดขยะอาหารแล้ว ยังทำประโยชน์ต่างๆ สร้างมูลค่าเพิ่มได้ด้วย”
พันธกิจจากนี้ไปจะรณรงค์ และร่วมมือกับพันธมิตรทุกภาคส่วนเพื่อบริหารจัดการขยะอาหารให้เหลือน้อยสุด หากมีส่วนเกินจะไปนำไปสร้างมูลค่าให้เกิดประโยชน์สูงสุดในห่วงโซ่อุปทาน โดยใช้กลไกซีพี แอ็กซ์ตร้า ที่เป็นกุญแจสำคัญในการบริหารจัดการขยะให้เป็นศูนย์
ทส.เล็งออกระเบียบคุมขยะอาหาร
นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า นโยบายเร่งด่วนที่สำคัญที่สุดที่ต้องเริ่มดำเนินการก่อนคือการจัดการในหน่วยงานของกระทรวงฯ เอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่อุทยาน จึงได้ให้นโยบายว่า ทุกอุทยาน โดยเฉพาะอุทยานทางทะเล เช่น อ่าวทอง ต้องทำให้ Food Waste เป็น Zero เท่านั้น
นอกจากนี้ กระทรวงฯ จะขยายไประดับท้องถิ่น โดยเฉพาะเทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นจุดรวมของตลาดสด ตลาดนัด และแหล่งจำหน่ายอาหารที่เป็นต้นทางเศษอาหาร และขยะอินทรีย์ โดยร่วมมือกับเอกชน และสถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาระบบจัดการของเสียอย่างยั่งยืน
นายสุชาติ ชี้ว่าการแก้ปัญหา Food Waste ต้องใช้การร่วมมือทุกภาคส่วนไม่เฉพาะรัฐบาล หากภาคเอกชนร่วมมือ เช่น ซีพี แอ็กซ์ตร้า จะทำให้รัฐบาลทำงานได้ง่ายขึ้น โดยถ้าเอกชนมาร่วมมือมากกว่า 50-60% ภาระของภาครัฐจะลดลงมาก แต่ถ้ายังไม่ถึงก็ต้องใช้ระเบียบหรือมาตรการเพื่อให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงประโยชน์ส่วนรวม
ขณะนี้กระทรวงฯ ขอความร่วมมือจากภาคเอกชน แต่ในอนาคตอาจออก “ข้อกฎบังคับหรือข้อระเบียบบังคับ” สำหรับการจัดการ Food Waste ซึ่งหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยเฉพาะการเชื่อมโยงกับการทำรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) ในการขอความร่วมมือจากโรงงาน โรงแรม และคอนโดมิเนียม
‘ขยะอาหารไทย’ สัดส่วนสูงถึง 37%
นายสุรินทร์ วรกิจธำรง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เปิดเผยว่า ปัจจุบันทั่วโลกมีขยะรวมกว่า 2.1 พันล้านตันต่อปี โดยประเทศไทยมีสัดส่วนราว 1.3% หรือ 27 ล้านตันต่อปี ในจำนวนนี้เป็นขยะอาหารถึง 37% หรือ 7-10 ล้านตัน สูงกว่าสหรัฐ ญี่ปุ่น และเดนมาร์ก แม้ไทยมีสัดส่วนสูง แต่ประเทศเหล่านั้นแทบไม่เหลือขยะ เพราะมีระบบจัดการครบวงจร ทั้งเทคโนโลยีคัดแยกปลายทาง
ทั้งนี้ กรมควบคุมมลพิษยังเตรียมใช้ “กลไกเศรษฐศาสตร์” เพื่อขับเคลื่อนการจัดการขยะ โดยเน้นกลุ่มผู้สร้างขยะหลัก 3 กลุ่ม คือ ครัวเรือน ร้านอาหาร/โรงแรม และสถานศึกษา รวมกว่า 90% ของขยะทั้งหมด
สำหรับกลไกแรก คือ Tax Incentive เพื่อส่งเสริมการบริจาคอาหารส่วนเกิน โดยเสนอแก้กฎเกณฑ์ภาษีให้ธุรกิจสามารถนำค่าใช้จ่ายบริจาคมาหักลดหย่อนได้เต็มที่ เพื่อสร้างแรงจูงใจในการช่วยเหลือสังคม
อีกกลไกคือ Carbon Credit ที่จะเชื่อมโยงการลดขยะอาหารกับการลดการปล่อยก๊าซมีเทน เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจากความยั่งยืน โดยกรมควบคุมมลพิษจะร่วมมือกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) เพื่อผลักดันให้โครงการลดขยะสามารถแปลงผลลัพธ์เป็นคาร์บอนเครดิตได้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศสู่สังคม Zero Waste อย่างยั่งยืน
ซีพี แอ็กซ์ตร้า เดินหน้าจัดการขยะอาหาร
นางศิริพร เดชสิงห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานความยั่งยืน และสื่อสารองค์กร บริษัทซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ซีพี แอ็กซ์ตร้า โดยแม็คโคร โลตัส อยู่ตรงกลางระหว่างผู้ผลิต และผู้บริโภค มีสินค้าอาหารบริการลูกค้านับล้านราย ทำงานกับผู้ผลิตจำนวนมาก จึงต้องลงมือทำ และรวมพลังภาคส่วนต่างๆ เพื่อลดขยะอาหาร สร้างประโยชน์ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ
ที่ผ่านมา ซีพี แอ็กซ์ตร้า ได้องค์ความรู้จากสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (BEDO) เพื่อต่อยอดการดูแลห่วงโซ่อุปทาน ทีมงานมีการคิดเพื่อให้เกิดขยะปริมาณน้อย เช่น ใช้นวัตกรรมบรรจุผักลดการเน่า สูญเสีย การกระจายสินค้าสู่สาขาให้มีประสิทธิภาพ
รวมทั้งจัดการอาหารตั้งแต่คนบริโภค อาหารใกล้หมดอายุ 1-2 วัน นำไปบริจาคแก่ผู้ยากไร้ ผ่านการรวมมือ BKK Food Bank ของ กทม. และมูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (SOS Thailand) ยังนำอาหารส่วนเกินไปส่งต่อให้ศูนย์อนุรักษ์สัตว์ป่า และสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า รวมถึงให้เกษตรรอบสาขานำไปเลี้ยงสัตว์ รวมถึงการเพาะเลี้ยงแมลงโปรตีนหรือ BSF
ขยะอาหารเพาะเลี้ยงแมลงโปรตีน
นายเปรม ทรัพย์บุญเลิศมา ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมความยั่งยืน และองค์กรสัมพันธ์ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การมุ่งลดขยะอาหารให้เป็นศูนย์ภายในปี 2573 เป็นความท้าทาย
กระทั่งเจอการนำไปเพาะเลี้ยงแมลงโปรตีนถือเป็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ ซึ่งแนวทางจากนี้ไปจะนำองค์ความรู้ที่ได้ไปกระจายสู่ภาครัฐ ส่วนกลาง ท้องถิ่น โรงเรียน และภาคประชาชน เพื่อต่อยอดการจัดการขยะอาหาร
“เป้าหมายคือ ต้องการขยายองค์ความรู้เรื่องการแยกขยะ การบริหารจัดการขยะไปถึงครัวเรือน เพราะไม่เพียงลดต้นทุน ยังสร้างมูลค่าเพิ่มได้ สานเป้าหมายการทำขยะให้เป็นศูนย์ สร้างประโยชน์เป็นแสน”
มข.เสนอจัดการขยะอาหารเป็นระบบ
รศ.ดร.จันทิมา ภูงามเงิน รองคณบดีคณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) กล่าวว่า มข.ร่วมกับเครือซีพี จัดโครงการประกวดนวัตกรรมอาหาร ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ตามเป้าหมาย UN SDG12 นักเรียนระดับมัธยมถูกท้าทายให้แปรรูปอาหารส่วนเกิน เช่น น้ำพริกเปลือกกล้วยหรือก้างปลาเก๋าหมี
ส่วนระดับมหาวิทยาลัยมุ่งสร้างนวัตกรรมยั่งยืน เช่น โยเกิร์ตผสมผงกระดูกปลานิลบด ซึ่งได้จดทรัพย์สินทางปัญญาแล้ว และกำลังมองหาพันธมิตรต่อยอดเชิงพาณิชย์ เพื่อผลักดันนวัตกรรมสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ มข. จัดตั้ง KKU Enterprise และ KKU Market เป็นแพลตฟอร์มจำหน่าย และประชาสัมพันธ์เทคโนโลยี เชิญชวนภาคอุตสาหกรรมเข้ามาร่วมลงทุน
BEDO เชิดชูหนอนแมลงวันลาย
ดร.ธนิต ชังถาวร ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (BEDO) กล่าวว่าประเทศไทยถือเป็นมหาอำนาจด้านความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) อันดับ 8 ของโลก ซึ่งเปิดโอกาสให้ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ
สำหรับ BEDO ได้ศึกษาแมลงเศรษฐกิจกว่า 200 ชนิดตั้งแต่ปี 2552 จนพบ Black Soldier Fly (BSF) แม้ช่วงแรกจะถูกมองว่าเป็น ‘แมลงวันลาย’ แต่จริงๆ แล้ว BSF เป็นแมลงที่สะอาด มีสารแอนตี้ไมโครเบียล (Antimicrobial) ในตัวที่ช่วยฆ่าเชื้อ
“BSF เป็นซูเปอร์ฮีโร่เพราะช่วยแก้ปัญหาขยะอาหารได้มากกว่า 90% เปลี่ยนของเสียให้เป็นโปรตีนกว่า 50% และอุดมด้วยโอเมก้า 3, 6, 9 เหมาะสำหรับใช้เป็นอาหารสัตว์ เช่น ไก่ ปลา และนก อีกทั้งยังช่วยย่อยสลายขยะอินทรีย์ และสร้างปุ๋ยธรรมชาติบำรุงดิน”
นอกจากนั้นผลลัพธ์จากโครงการความร่วมมือ 2 ปี กับ CP Axtra แสดงให้เห็นความสำเร็จคือ ลดการกำจัดขยะได้ 2,000 ตันลดการปล่อย CO2 ได้มากกว่า 1,000 ตันและการใช้ BSF เป็นอาหารสัตว์ยังลดต้นทุนได้ถึง 50-100% ไข่ไก่ที่ได้โอเมก้าสูง ขณะที่สุขภาพสัตว์แข็งแรงขึ้นเพราะ BSF มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อในตัว อีกทั้งยังได้ผลพลอยได้ที่มีมูลค่า เช่น เปลือกดักแด้ที่นำไปทำน้ำหมักเพิ่มคุณภาพดอกไม้
ฟาร์มไทยเปลี่ยน “ขยะอาหาร” ให้มีมูลค่า
นางนุชกัญญา ลิ้มสุวัฒนา เจ้าของศิวะพณฟาร์ม จังหวัดขอนแก่น ได้แบ่งปันกรณีศึกษาฟาร์มไทยที่พลิกขยะอาหาร จากห้างค้าปลีกให้กลายเป็นอาหารพรีเมียมสำหรับจิ้งหรีด สร้างวงจร Zero Waste ที่ทำกำไรได้จริง พร้อมลดต้นทุนค่าอาหารสัตว์ลงกว่าครึ่ง และส่งผลให้จิ้งหรีด “อ้วน ไข่ดก แข็งแรง ไร้โรค” สะท้อนถึงพลังของแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในภาคเกษตรรายย่อย
สำหรับหัวใจสำคัญของโมเดลคือ การใช้ อาหารส่วนเกิน (Food Surplus) จากห้างโลตัส และแม็คโคร สาขาชุมแพ จ.ขอนแก่น เป็นแหล่งอาหารหลักของหนอน Black Soldier Fly (BSF) โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หนอน BSF ช่วยย่อยขยะอินทรีย์ และแปรสภาพให้เป็นโปรตีนคุณภาพสูง ซึ่งถูกนำไปผสมในอาหารจิ้งหรีด ส่งผลให้ลดต้นทุนลงถึง 50%
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







