'สุชาติ' ปักธง Zero Food Waste ผนึกทุกภาคส่วน เล็งใช้กลไกบังคับเอกชนร่วมมือ

'สุชาติ' ปักธง Zero Food Waste ผนึกทุกภาคส่วน เล็งใช้กลไกบังคับเอกชนร่วมมือ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.ทส. ประกาศนโยบาย Zero Food Waste อย่างจริงจัง โดยสั่งการให้อุทยานแห่งชาติทุกแห่งเป็นพื้นที่นำร่องที่ต้องจัดการขยะอาหารให้เป็นศูนย์ภายใน 4 เดือน

KEY

POINTS

  • นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ทส. ประกาศนโยบาย Zero Food Waste สั่งการให้อุทยานแห่งชาติทุกแห่งเป็นพื้นที่นำร่องที่ต้องจัดการขยะอาหารให้เป็นศูนย์ภายใน 4 เดือน
  • กระทรวงทรัพยากรฯ เตรียมพิจารณาใช้กลไกบังคับทางกฎหมายหรือข้อระเบียบ เพื่อให้ภาคเอกชน เช่น โรงงาน โรงแรม และคอนโดมิเนียม เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการขยะอาหาร
  • นโยบายดังกล่าวเน้นการสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และปลูกฝังจิตสำนึกไปยังเยาวชนคนรุ่นใหม่เพื่อให้เกิดความยั่งยืน

สุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) ลั่น รัฐบาลจริงจังแก้ปัญหาขยะอาหาร (Food Waste) สั่งเดินหน้านโยบายระยะสั้น 4 เดือน ให้ “อุทยานแห่งชาติ” เป็นพื้นที่นำร่องต้องบรรลุเป้าหมาย Zero Food Waste พร้อมหารือใช้กลไกการพิจารณาอนุญาตด้านสิ่งแวดล้อม หรือระเบียบบังคับ เพื่อให้ภาคเอกชนเข้าร่วมแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ชี้ความสำเร็จต้องอาศัยการร่วมมือจากทุกภาคส่วน และความต่อเนื่องไปยังรุ่นเยาวชน

นโยบายเร่งด่วน และเป้าหมายที่จับต้องได้

นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวปาฐกถาในพิธีเปิดงาน Thailand Zero Food Waste Forum 2025 ภายใต้แนวคิด “รวมพลัง ลดทิ้ง สร้างค่า เปลี่ยนความท้าทายเป็นโอกาส” จัดโดย "กรุงเทพธุรกิจ" ร่วมกับ "ซีพี แอ็กซ์ตร้า (CP Axtra)" ว่า นายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล ได้มอบนโยบายในเรื่อง Food Waste ให้กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และได้แถลงนโยบายต่อรัฐบาลในสภาผู้แทนราษฎรแล้ว รัฐบาลมีบทบาทเป็นผู้กำหนดนโยบาย ซึ่งเป็นตัวกำหนดนโยบายภาคใหญ่

“ผมได้หารือร่วมกับปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอธิบดีที่เกี่ยวข้องทุกท่านที่ร่วมประชุมอยู่ รวมถึงอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชคน อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เพื่อกำหนดนโยบายที่กระทรวงจะต้องดำเนินการและต้องจับต้องได้"

'สุชาติ' ปักธง Zero Food Waste ผนึกทุกภาคส่วน เล็งใช้กลไกบังคับเอกชนร่วมมือ

เริ่มต้นจากอุทยาน “Zero Food Waste” ของชาติ

นายสุชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า นโยบายเร่งด่วนที่สำคัญที่สุดที่ต้องเริ่มดำเนินการก่อนคือ การจัดการในหน่วยงานของกระทรวงฯ เอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่อุทยาน จึงได้ให้นโยบายว่า อุทยานทุกอุทยาน โดยเฉพาะอุทยานทางทะเล เช่น อ่าวทอง ต้องทำให้ Food Waste เป็น Zero เท่านั้น

“อุทยานเป็นหน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบในเรื่องเหล่านี้ และมอบหมายให้ท่านอธิบดีกรมอุทยานฯ ต้องรับนโยบายนี้ไปแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม สำหรับระยะสั้น 4 เดือนนี้ ผมให้กรอบนโยบายไว้ และหากมีโอกาสกลับมาใหม่ก็จะติดตามงานระยะกลาง และยาวต่อไป”

นอกจากนี้ กระทรวงฯ ยังเตรียมขยายโครงการไปสู่ระดับท้องถิ่น โดยเฉพาะเทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบลทั่วประเทศ ซึ่งเป็นจุดรวมของตลาดสด ตลาดนัด และแหล่งจำหน่ายอาหารที่มักเป็นต้นทางของเศษอาหาร และขยะอินทรีย์ โดยจะร่วมมือกับองค์กรเอกชน และสถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาระบบจัดการของเสียอย่างยั่งยืน

'สุชาติ' ปักธง Zero Food Waste ผนึกทุกภาคส่วน เล็งใช้กลไกบังคับเอกชนร่วมมือ

กลไกความร่วมมือ และการบังคับใช้กฎหมาย

นายสุชาติ ชี้ว่าการแก้ปัญหา Food Waste ได้ต้องอาศัยการร่วมมือร่วมแรงร่วมใจจากทุกภาคส่วน ไม่ใช่เฉพาะรัฐบาล หากภาคเอกชนให้ความร่วมมืออย่างเช่น ซีพี แอ็กซ์ตร้า ก็จะทำให้รัฐบาลทำงานได้ง่ายขึ้นมาก

“ถ้าเอกชนเข้ามาร่วมมือกับรัฐบาลมากกว่า 50-60% ภาระของภาครัฐก็จะลดลงมาก แต่ถ้ายังไม่ถึง ก็ต้องใช้ระเบียบหรือมาตรการแลกเปลี่ยน เพื่อให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงประโยชน์ส่วนรวม ไม่ใช่เพียงผลประโยชน์เฉพาะองค์กร”

ขณะนี้กระทรวงฯกำลังขอความร่วมมือจากภาคเอกชน แต่ในอนาคตอาจมีการออก “ข้อกฎบังคับหรือข้อระเบียบบังคับ” ในการดำเนินการเรื่องสิ่งแวดล้อมด้าน Food Waste

“เบื้องต้นได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยเฉพาะการเชื่อมโยงกับการขออนุญาตด้านสิ่งแวดล้อม (EIA: Environmental Impact Assessment) ในการขอความร่วมมือจากโรงงาน โรงแรม และคอนโดมิเนียม ที่มาขออนุญาตด้านสิ่งแวดล้อม เราจะกำหนดมาตรการจัดการขยะอาหารเข้าไปด้วย สิ่งนี้จะต้องมีการเอามาบรรจุในเรื่องของหน่วยงานภาคบังคับเช่นกัน การดำเนินการนี้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม และชุมชนที่อยู่ในบริเวณนั้น ไม่ใช่ประโยชน์ส่วนตัวของข้าราชการ”

'สุชาติ' ปักธง Zero Food Waste ผนึกทุกภาคส่วน เล็งใช้กลไกบังคับเอกชนร่วมมือ

บทบาทของท้องถิ่น และการปลูกฝังเยาวชน

นายสุชาติ ซึ่งมีประสบการณ์การเป็น สส. และคลุกคลีกับผู้นำท้องถิ่น ได้ให้แนวทางในการขับเคลื่อนไปยังระดับท้องถิ่น โดยกล่าวว่า หน้าที่ของท้องถิ่น เช่น เทศบาล และ อบต. ไม่ควรจำกัดอยู่แค่การทำถนนหรือไฟฟ้า แต่ต้องดูเรื่องคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะเรื่อง Food Waste

เนื่องจากเทศบาล และ อบต. ทุกที่มีตลาด ทั้งตลาดนัด ตลาดสด ตลาดแห้ง ดังนั้น ภาคท้องถิ่นจะต้องเป็นผู้นำในเรื่องนี้ เพื่อให้การดำเนินงานของภาครัฐเดินเป็นแนวทางตรงตั้งแต่ระดับนายกรัฐมนตรี กระทรวง ไปจนถึงท้องถิ่น

“การสานต่อเรื่องนี้สู่คนรุ่นหลังมีความสำคัญ เพราะการแก้ปัญหามลพิษ และขยะจะไม่จบลงที่รุ่นเรา รุ่นของท่านจะเป็นเพียง ‘ผู้ริเริ่มวางกรอบ’ ส่วนรุ่นที่จะประสบความสำเร็จคือ ‘รุ่นเยาวชน-น้อง ๆ’ ผมได้ให้ปลัดกระทรวงและอธิบดีกรมควบคุมมลพิษพิจารณาจัดค่ายเยาวชน เพื่อให้เยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมกับหน่วยงานราชการ และต้องมีการปลูกฝังความรู้ความรักในธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ระดับนักเรียนประถม”

'สุชาติ' ปักธง Zero Food Waste ผนึกทุกภาคส่วน เล็งใช้กลไกบังคับเอกชนร่วมมือ

ปรัชญาการทำงาน  “ประชาชน” ได้รับประโยชน์

นายสุชาติย้ำว่า หน้าที่ของรัฐมนตรีและรัฐบาลคือการแก้ปัญหาความวิตกกังวลของประชาชน เป้าหมายสุดท้ายของการทำงานด้านทรัพยากรธรรมชาติคือ “ประชาชน” ที่จะได้รับประโยชน์

“นโยบายที่พูดบนเวทีวันนี้จะต้องเป็น ‘ผลลัพธ์ที่จับต้องได้’ และผมพร้อมที่จะนำนโยบายที่ดีของรัฐมนตรีท่านก่อน หรือผู้บริหารคนก่อนๆ เช่น ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน และท่านจตุพร บุรุษพัฒน์ มาทำต่อ เพราะไม่ได้ทำเพื่อการเมือง แต่สิ่งสุดท้ายคือ ประชาชนได้ประโยชน์”

ในตอนท้าย นายสุชาติ ได้กล่าวขอบคุณผู้จัดงาน ได้แก่ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์, คุณศิริพร เดชสิงห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานความยั่งยืน และสื่อสารองค์กร บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด(มหาชน), คุณวีระศักดิ์ พงศ์อักษร บรรณาธิการอำนวยการเครือเนชั่น, และหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ที่ได้จัดงานในวันนี้ และขอบคุณปลัดกระทรวงฯ อธิบดีทุกท่านที่นำทีมมาร่วมงาน รวมถึงภาคเอกชน และน้องๆ เยาวชนทุกคน

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์