นวัตกรรมเพื่อสังคม ม.กรุงเทพ ทลายความคิด 'ผู้ต้องขังหญิงไม่มีสิทธิ์พูด'

นวัตกรรมเพื่อสังคม ม.กรุงเทพ ทลายความคิด 'ผู้ต้องขังหญิงไม่มีสิทธิ์พูด'

“Where the Silence Speaks” โครงการนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยกรุงเทพที่มุ่งสร้างความยุติธรรมและคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้แก่ผู้ต้องขังหญิง โดยเฉพาะกลุ่มหญิงตั้งครรภ์และแม่ลูกอ่อน สร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ผู้ต้องขังสามารถบอกเล่าความต้องการและประสบการณ์ของตนเองได้

KEY

POINTS

  • โครงการนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยกรุงเทพที่มุ่งสร้างความยุติธรรมและคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้แก่ผู้ต้องขังหญิง โดยเฉพาะกลุ่มหญิงตั้งครรภ์และแม่ลูกอ่อน
  • ใช้แนวคิดการออกแบบที่ยึดมนุษย์เป็นศูนย์กลาง (people-centered justice) เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ผู้ต้องขังสามารถบอกเล่าความต้องการและประสบการณ์ของตนเองได้
  • นำไปสู่การพัฒนาต้นแบบ “ศูนย์แม่และเด็ก” ภายในทัณฑสถานหญิงกลาง และเปลี่ยนมุมมองของเรือนจำจากการควบคุมและลงโทษไปสู่การเยียวยา
  • ผลงานวิจัยนี้ได้รับการยอมรับในระดับประเทศ โดยได้รับ 2 รางวัลใหญ่ในปี 2567 และถูกนำไปต่อยอดเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางอื่น ๆ ในสังคม

ในยุคที่โลกกำลังตั้งคำถามถึง “ความยุติธรรมที่แท้จริง” มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้ชูบทบาทของสถาบันการศึกษาในฐานะพื้นที่ขับเคลื่อนสังคม ผ่านโครงการนวัตกรรมเพื่อความยุติธรรม “Where the Silence Speaks” ผลงานวิจัยของ "ผศ.ดร.ฤทธิรงค์ จุฑาพฤฒิกร" อาจารย์สายวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการศึกษา มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่มุ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับหนึ่งในกลุ่มที่เปราะบางที่สุดในระบบยุติธรรมไทย ผู้ต้องขังหญิง โดยเฉพาะกลุ่มหญิงตั้งครรภ์และแม่ลูกอ่อนในเรือนจำ

ยึดมนุษย์เป็นศูนย์กลาง

โครงการ Where the Silence Speaks เริ่มต้นจากคำถามสำคัญว่า “เราจะสร้างระบบยุติธรรมที่เห็นคุณค่าของความเป็นมนุษย์ได้อย่างไร” ภายใต้แนวคิดการออกแบบที่ยึด “ผู้คนเป็นศูนย์กลาง” (people-centered justice) ทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยกรุงเทพจึงเริ่มต้นพัฒนาเครื่องมือและกระบวนการที่เปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังหญิงสามารถ “เปล่งเสียง” ของตนได้อย่างปลอดภัยและเป็นอิสระ

"ผศ.ดร.ฤทธิรงค์" อธิบายว่า ความท้าทายไม่ได้อยู่ที่การเข้าไปทำงานในพื้นที่เรือนจำเท่านั้น แต่คือ “การทลายสถาปัตยกรรมแห่งความเงียบ” ที่ฝังรากลึกอยู่ในใจของผู้หญิงเหล่านี้ ซึ่งส่วนใหญ่รู้สึกว่า “ตนไม่มีสิทธิ์จะพูด หรือจินตนาการถึงชีวิตที่ดีกว่า”

เพื่อรับฟังเสียงที่มักไม่ถูกได้ยิน ทีมวิจัยได้พัฒนาเครื่องมือเก็บข้อมูลรูปแบบใหม่ที่ใช้งานง่าย เป็นมิตร และคำนึงถึงสภาพจิตใจของผู้ต้องขังหญิงอย่างลึกซึ้ง พร้อมสร้าง “พื้นที่ปลอดภัยทางใจ” ให้ผู้เข้าร่วมรู้สึกมั่นใจที่จะพูดถึงประสบการณ์และความต้องการของตนเองอย่างแท้จริง

นวัตกรรมเพื่อสังคม ม.กรุงเทพ ทลายความคิด 'ผู้ต้องขังหญิงไม่มีสิทธิ์พูด'

ร่วมมือเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง

เบื้องหลังความสำเร็จของโครงการนี้ คือการบูรณาการความร่วมมือจากหลากหลายภาคส่วน ทีมวิจัยทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ นักศึกษา นักออกแบบ อดีตผู้ต้องขังหญิง และผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชน

ก่อนนำเครื่องมือไปใช้จริงในกลุ่มผู้ต้องขังหญิงตั้งครรภ์และแม่ลูกอ่อน ทีมวิจัยได้ทดลองใช้กับอดีตผู้ต้องขัง เพื่อปรับปรุงให้เหมาะสมที่สุด กระบวนการทั้งหมดดำเนินการภายใต้มาตรฐาน “จริยธรรมการวิจัยในมนุษย์” ที่เข้มงวด ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการจริยธรรม และให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับ สิทธิ ความสมัครใจ และความเป็นส่วนตัว ของผู้เข้าร่วมทุกคน

นวัตกรรมเพื่อสังคม ม.กรุงเทพ ทลายความคิด 'ผู้ต้องขังหญิงไม่มีสิทธิ์พูด'

ต้นแบบศูนย์แม่และเด็กในเรือนจำกลาง

ผลจากการเก็บข้อมูลและออกแบบร่วมทำให้โครงการสามารถพัฒนาแนวคิดต้นแบบของ “ศูนย์แม่และเด็กภายในทัณฑสถานหญิงกลาง คลองเปรม” โดยใช้แนวทาง Creative Pragmatic Co-Design หรือ “การออกแบบร่วมอย่างสร้างสรรค์ในพื้นที่ที่มีข้อจำกัดสูง” ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมทางความคิดใหม่ของวงการออกแบบเพื่อสังคม

ผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงกลาง ได้เชิญทีมวิจัยไปนำเสนอแบบต้นแบบดังกล่าวเพื่อประกอบการวางแผนงบประมาณและการจัดสร้างจริงในอนาคต นับเป็นหนึ่งในกรณีศึกษาสำคัญที่ “งานออกแบบเชิงมีส่วนร่วม” สามารถส่งผลต่อ “โครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ควบคุม” ได้อย่างเป็นรูปธรรม

นวัตกรรมเพื่อสังคม ม.กรุงเทพ ทลายความคิด 'ผู้ต้องขังหญิงไม่มีสิทธิ์พูด'

จากพื้นที่ควบคุม สู่พื้นที่แห่งความเข้าใจ

นอกจากผลลัพธ์เชิงกายภาพแล้ว สิ่งที่โครงการนี้เปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งคือ “กรอบความคิด” ของเรือนจำ ที่เริ่มมองเห็นบทบาทใหม่ของพื้นที่ว่า ไม่ได้มีไว้เพื่อ “ควบคุมและลงโทษ” เท่านั้น แต่สามารถเป็นพื้นที่ของ “ความเข้าใจ การเยียวยา และการคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” ให้กับผู้ต้องขังหญิงที่อยู่ในภาวะเปราะบางที่สุดในระบบยุติธรรม

ขยายผลสู่สังคม

เครื่องมือและกระบวนการออกแบบจากโครงการนี้ไม่ได้หยุดอยู่ในเรือนจำเท่านั้น แต่ได้ถูกต่อยอดสู่หลายมิติของสังคม ทั้งการออกแบบสถานคุมขังภายหลังพ้นโทษ การจัดนิทรรศการในพื้นที่สาธารณะ เช่น “Walls to Welcome” และ “เลือน–จำ” ตลอดจนการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนที่ใช้ “โจทย์จริงจากชีวิตจริง” เพื่อปลูกฝังให้นักศึกษาเห็นความเชื่อมโยงระหว่างการออกแบบกับความยุติธรรมทางสังคม

นอกจากนี้ ยังมีการนำแนวคิดและเครื่องมือนี้ไปประยุกต์ใช้กับกลุ่มเปราะบางอื่น ๆ เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ถูกควบคุมสูง เพื่อให้ “เสียงของผู้ไร้เสียง” ได้มีที่ทางในสังคม

การยอมรับในระดับประเทศ

ผลงานวิจัย “Where the Silence Speaks” ได้รับ รางวัลระดับชาติ 2 รางวัลใหญ่ ได้แก่

  • ASAIHL Thailand Outstanding Achievement Award 2024 (ด้านการมีส่วนร่วมทางสังคม)
  • Distinguished Academic Award in the Social Sciences 2024 (ระดับดี)

รางวัลเหล่านี้สะท้อนถึงคุณภาพ ความต่อเนื่อง และความหมายของงานที่ใช้การออกแบบเป็นเครื่องมือแห่งความยุติธรรมที่จับต้องได้จริง

นวัตกรรมเพื่อสังคม ม.กรุงเทพ ทลายความคิด 'ผู้ต้องขังหญิงไม่มีสิทธิ์พูด'