เปิดบริการปลูกป่ารายเดือนราคา 25 ดอลลาร์ สร้างความหลากหลายทางชีวภาพ

เปิดบริการปลูกป่ารายเดือนราคา 25 ดอลลาร์ สร้างความหลากหลายทางชีวภาพ

“Terraformation” สตาร์ทอัพปลูกป่า เปิดบริการ ปลูกป่ารายเดือน ในราคา 25 ดอลลาร์ต่อเดือน โดยสมาชิกจะได้รับรูปถ่ายพัฒนาการของต้นไม้ที่ปลูก

KEY

POINTS

  • Terraformation เปิดตัวบริการสมัครสมาชิกปลูกป่ารายเดือน "One Tree a Month" ในราคา 25 ดอลลาร์สหรัฐฯ
  • ค่าบริการครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการปลูกและดูแลต้นไม้เป็นเวลาหลายปี เพื่อสร้างป่าที่มีความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืนบนเกาะฮาวาย
  • โครงการมุ่งเป้าไปที่บุคคลทั่วไป โดยสมาชิกจะได้รับภาพถ่ายของต้นไม้ที่ตนสนับสนุนเพื่อติดตามการเจริญเติบโตในอีก 2 ปีข้างหน้า
  • เน้นการปลูกพันธุ์ไม้พื้นเมืองเพื่อสร้างระบบนิเวศที่สามารถเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ต้นไม้และป่าไม้ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาสภาพภูมิอากาศให้น่าอยู่ เนื่องจากทำหน้าที่กักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไม่ให้ถูกปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ ดังนั้นจึงเกิดโครงการปลูกป่าทดแทนเพื่อแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศเพิ่มสูงขึ้น แต่ไม่ใช่ทุกโครงการจะประสบความสำเร็จ มีหลายโครงการที่ล้มเหลว เช่น โครงการชดเชยคาร์บอน ซึ่งแสดงให้เห็นซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าให้ประโยชน์ต่อสภาพภูมิอากาศน้อยกว่าที่คาดไว้

เพื่อแก้ปัญหานี้ อี้ซาน หว่อง อดีตซีอีโอของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย Reddit จึงก่อตั้ง “Terraformation” แพลตฟอร์มสำหรับการปลูกต้นไม้ในระดับโลกอย่างมีคุณค่าและสามารถติดตามความคืบหน้าได้อย่างแท้จริง

“เรามีข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกต้นไม้เพื่อลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับมวลชนมากที่สุด เมื่อเทียบกับโซลูชันอื่น ๆ” หว่องกล่าว

เมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ล่าสุด ด้วยบริการสมัครสมาชิกรายเดือนที่ชื่อว่า “One Tree a Month” สำหรับระดมทุนการปลูกป่า ในราคา 25 ดอลลาร์ต่อเดือน

หว่องกล่าวว่า ราคาการให้บริการที่บริษัทตั้งไว้สมเหตุสมผลสำหรับการปลูกและดูแลต้นไม้ให้เติบโตแข็งแรง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของป่าที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ

“ค่าใช้จ่าย 25 ดอลลาร์ต่อเดือนนั้นไม่เพียงแต่ครอบคลุมการปลูกในช่วงแรกเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมระยะเวลาหลายปีในการดูแลอีกด้วยเรากำลังพยายามปลูกป่าที่ยั่งยืนและยั่งยืน ซึ่งมันจะคงอยู่จนโตเต็มที่ และหากคุณทำอย่างถูกต้องกับพันธุ์ไม้พื้นเมืองที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ สิ่งนี้จะสร้างแหล่งดูดซับคาร์บอนที่คงอยู่ได้เอง” หว่องกล่าว

ในขณะที่ โครงการปลูกต้นไม้จำนวนมากดำเนินการโดยองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Terraformation เป็นสตาร์ทอัพที่แสวงหาผลกำไรซึ่งมีนักลงทุนชั้นนำมากมาย อาทิ แซมและแม็กซ์ อัลท์แมน, มาร์ค เบนิออฟ และนาวัล ราวิแคนท์ พวกเขาลงทุนในโครงการนี้เพราะเชื่อว่าเป็นทางออกที่มีประสิทธิภาพและปรับขนาดได้สำหรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 

Terraformation ร่วมมือกับบริษัทต่าง ๆ ปลูกต้นไม้หลายล้านต้นแล้ว แต่รูปแบบการสมัครสมาชิกนั้นมุ่งเป้าไปที่บุคคลทั่วไปโดยเฉพาะ ซึ่งบริษัทตัดสินใจเปิดบริการดังกล่าวเนื่องจากมีผู้คนเรียกร้องกันมานานแล้ว โดยบริษัทจะส่งภาพถ่ายต้นไม้ที่สมาชิกให้ทุนสนับสนุน เพื่อให้พวกเขาสามารถติดตามการเจริญเติบโตของมันได้ ซึ่งจะได้รับหลังจากจ่ายเงินครั้งแรกไปแล้วสองปี

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการปกป้องผืนป่าที่เพิ่งปลูก บริษัทจึงไม่แนะนำให้ไปเยี่ยมชมต้นไม้เหล่านั้น เพราะต้นไม้เหล่านี้เป็นระบบนิเวศที่มีชีวิตซึ่งยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเจริญเติบโต แต่ในอนาคต สักวันหนึ่ง อาจจะเข้าไปเยี่ยมชมได้ หากต้นไม้เติบโตอยู่ตัวและกลายเป็นป่าสมบูรณ์

ต้นไม้เหล่านี้จะถูกปลูกบนเกาะบิ๊กไอส์แลนด์ ของฮาวาย สำหรับพันธุ์ไม้ที่ปลูกจะเป็นพันธุ์พื้นเมืองของรัฐ ได้แก่ เตยทะเล (Pandanus tectorius) และ กระถินฮาวาย (Acacia Koa) โดยในตอนนี้สมาชิกยังไม่สามารถเลือกพันธุ์ไม้ที่ต้องการปลูกได้ เพราะในตอนนี้โครงการเน้นปลูกเพื่อสร้างความหลากหลายให้ผืนป่าก่อน

นอกจากจะเปิดให้คนทั่วไปสมัครบริการได้แล้ว ในตอนนี้สตาร์ทอัพเจ้านี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทท่องเที่ยวเกี่ยวกับการซื้อสิทธิ์การสมัครสมาชิกจำนวนมาก เพื่อเป็นสิทธิพิเศษให้กับพนักงานของบริษัท

คาเรน ฮอลล์ ศาสตราจารย์ด้านการศึกษาสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานตาครูซ ผู้ทำการวิจัยเกี่ยวกับการปลูกต้นไม้ และกล่าวว่าราคาที่สูงกว่าของ Terraformation เป็นเรื่องที่น่ายินดี “คุณอาจจะปลูกต้นไม้ได้ในราคาแค่หนึ่งดอลลาร์ แต่ความจริงแล้ว เราไม่สามารถปลูกต้นไม้ได้ในราคาแค่หนึ่งดอลลาร์” เธอกล่าว

แม้สมาชิกจะได้รับภาพถ่ายต้นไม้ที่พวกเขาเสียเงินปลูก แต่ฮอลล์กล่าวว่าผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกเพื่อซื้อต้นไม้ควรขอข้อมูลด้วย เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับการติดตามความหลากหลายทางชีวภาพของป่า ผลกระทบทางสังคมของโครงการ  ภาพถ่ายดาวเทียมที่แสดงให้เห็นต้นไม้ปกคลุมพื้นที่โครงการ และจำนวนต้นไม้ที่เพิ่มขึ้น ที่สำคัญคือ จำนวนต้นกล้าที่เติบโตจนโตเต็มที่

ฮอลล์กล่าวว่าควรมีการเปิดเผยข้อมูลให้มากขึ้นในทุกภาคส่วน “น่าแปลกใจที่หลายกลุ่มไม่สามารถบอกคุณได้ว่าต้นไม้ของพวกเขามีกี่ต้นที่รอดชีวิต”

ปัญหาที่ฮอลล์กังวล ไม่ได้เกิดขึ้นกับ Terraformation เพราะหว่องกล่าวว่า บริษัทได้จัดทำรายงานสำหรับพันธมิตรทั้งองค์กรและสถาบัน ซึ่งรวมถึงการติดตามความหลากหลายทางชีวภาพ การประเมินผลกระทบทางสังคม ภาพถ่ายดาวเทียม และอัตราการรอดชีวิตจนโตเต็มที่อย่างละเอียด

สมาชิกรายบุคคลจะได้รับข้อมูลที่มีรายละเอียดน้อยกว่า นอกจากภาพถ่ายแล้ว Terraformation ยังอัปเดตความคืบหน้าเป็นประจำ หว่องกล่าวว่านั่นเป็นเพราะ “ประชาชนทั่วไปต้องการเรื่องราวเกี่ยวกับผลกระทบที่เรียบง่ายอย่างที่สุด”

ฮอลล์กล่าวว่า แม้แต่โครงการที่ดีที่สุด สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าการปลูกต้นไม้เป็นวิธีแก้ปัญหาคาร์บอนระยะสั้น ในที่สุดต้นไม้ใหม่ก็จะตายและสามารถถูกเผาหรือถูกตัดทิ้ง ซึ่งจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาเป็นมลพิษก๊าซเรือนกระจกอยู่ดี

Terraformation ส่งเสริมการปลูกป่าโดยใช้ธนาคารเมล็ดพันธุ์ ชุดเพาะชำ การแยกเกลือออกจากน้ำทะเลด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ และเทคโนโลยีที่เอื้อต่อการสนับสนุน บริษัทได้รับการยอมรับจากการใช้ผลกระทบด้าน ESG ที่วัดผลได้และเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรม เพื่อพัฒนาการปลูกป่าทั่วโลก

นอกเหนือ จากการพัฒนาเทคโนโลยีแล้ว บริษัทยังเป็นผู้บุกเบิกโครงการต่าง ๆ ที่สนับสนุนชุมชนท้องถิ่นและชุมชนพื้นเมือง สร้างงาน และบ่มเพาะโครงการฟื้นฟูทั่วโลก

บริษัทยังได้พัฒนาแพลตฟอร์มของตนเอง Terraware ช่วยให้นักป่าไม้สามารถติดตาม จัดการ และขยายขอบเขตโครงการที่มีความหลากหลายทางชีวภาพได้

แพลตฟอร์มนี้ช่วยเพิ่มความโปร่งใสและขับเคลื่อนผลประโยชน์ทางสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจในระยะยาว


ที่มา: BloombergFinancail TimesSustainability MagazineThe Wall Street Journal