4 ขุนพลการเงิน KBank, BBL, GSB, Krungsri จัดบูธโชว์วิสัยทัศน์ในงาน SX2025

ธนาคารชั้นนำ 4 แห่ง ได้แก่ KBank, BBL, GSB และ Krungsri ร่วมจัดแสดงวิสัยทัศน์และนวัตกรรมด้านความยั่งยืนในงาน SX2025
KEY
POINTS
- ธนาคารชั้นนำ 4 แห่ง ได้แก่ KBank, BBL, GSB และ Krungsri ร่วมจัดแสดงวิสัยทัศน์และนวัตกรรมด้านความยั่งยืนในงาน SUSTAINABILITY EXPO 2025 (SX2025)
- KBank นำเสนอนวัตกรรมทางการเงินที่ช่วยลูกค้าเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจสีเขียว วัดผลและลดการปล่อยคาร์บอน รวมถึงสร้างรายได้จากพลังงานสะอาด
- BBL ชูแนวคิด "เติบโต เคียงข้าง ยั่งยืน" โดยผนวกความยั่งยืนเข้ากับกลยุทธ์ธุรกิจหลัก ควบคู่ไปกับโครงการช่วยเหลือสังคมและสิ่งแวดล้อม
- GSB ตอกย้ำบทบาท "ธนาคารเพื่อสังคม" ผ่านโครงการที่มุ่งสนับสนุนและเร่งการเติบโตของกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprises) ให้สร้างผลกระทบเชิงบวก
- กรุงศรีฯ ตั้งเป้าเป็นผู้นำด้านการเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) ในระดับภูมิภาค โดยมีเป้าหมาย Net Zero ที่ชัดเจน และขยายพอร์ตสินเชื่อเพื่อสังคมและความยั่งยืน
สถาบันการเงินชั้นนำของไทยอันได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย (KBank), ธนาคารกรุงเทพ (BBL), ธนาคารออมสิน (GSB) และ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (Krungsri) ได้นำกลยุทธ์และนวัตกรรมด้านความยั่งยืนของตนมาจัดแสดงอย่างยิ่งใหญ่ในงาน SUSTAINABILITY EXPO 2025 (SX2025) ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) ภายใต้ธีม "Sufficiency for Sustainability"
การเข้าร่วมงานครั้งนี้ตอกย้ำถึงบทบาทของภาคธนาคารในฐานะ "Enabler" (ผู้ขับเคลื่อน) ที่เปลี่ยนจากการให้สินเชื่อแบบดั้งเดิมไปสู่การเป็นพันธมิตรที่ช่วยให้ลูกค้าและสังคมบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) อย่างเป็นรูปธรรม โดยแต่ละธนาคารได้นำเสนอจุดเน้นที่แตกต่างกันตามพันธกิจองค์กร เพื่อมุ่งสร้าง "สมดุลที่ดี เพื่อโลกที่ดีกว่า"
กสิกรไทย (KBank)
ธนาคารกสิกรไทยดำเนินงานด้านความยั่งยืนใน 2 รูปแบบหลัก โดยใช้คาร์บอนฟุตพริ้นท์เป็นตัววัดผลหลักตลอดทั้งกระบวนการ ได้แก่
1. การดำเนินการด้านความยั่งยืนภายในองค์กรของ KBank (Scope 1 และ Scope 2)
ธนาคารเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกิจกรรมและอุปกรณ์ภายในองค์กรเอง ซึ่งถือเป็นส่วนที่ธนาคารควบคุมได้โดยตรง (Scope 1 และ 2) โดยได้ดำเนินการไปอย่างกว้างขวางแล้ว เช่น การติดตั้งโซลาร์เซลล์ เพื่อผลิตและใช้พลังงานสะอาดภายในอาคาร
2. การสนับสนุนลูกค้าเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน (Scope 3)
KBank มุ่งเน้นการใช้ผลิตภัณฑ์นวัตกรรม (Innovation Product) เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนผ่านจากพฤติกรรม "บราว" (Brown) ไปสู่ "กรีน" (Green) ได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นการสนับสนุนการลดการปล่อยคาร์บอนที่เกิดจากห่วงโซ่คุณค่า (Scope 3)
หนุนคู้ค้าลดปล่อยคาร์บอน
KBank ให้ความสำคัญกับการหนุนเสริมคู่ค้าในการลดการปล่อยคาร์บอน มุ่งสร้างห่วงโซ่ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนมากขึ้น ยกตัวอย่างกิจกรรมดังนี้
- การให้เงินทุนและการวัดผล
สินเชื่อเพื่อการเปลี่ยนผ่าน: ธนาคารให้ สินเชื่อ (Transition Loan) เพื่อเป็นเงินทุนสนับสนุนลูกค้าที่ต้องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือธุรกิจให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
K Cimate 1.5: เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถ ทำบัญชีคาร์บอนฟุตพริ้นท์ เพื่อให้ทราบปริมาณคาร์บอนที่ตนเองมีอยู่ในปัจจุบันอย่างแม่นยำ
Product Advisory: เป็นบริการให้คำปรึกษาเพื่อช่วยลูกค้าในการ ลดหรือชดเชยคาร์บอน และช่วยเหลือในกระบวนการเปลี่ยนผ่าน (Transition) โดยไม่จำกัดอยู่แค่การวัดผลเท่านั้น
- การสร้างมูลค่าจากพลังงานสะอาด
สำหรับลูกค้าที่มีโซลาร์เซลล์หรือใช้พลังงานสะอาด ธนาคารจะอำนวยความสะดวกในการ ขึ้นทะเบียน การใช้พลังงานดังกล่าว ซึ่งจะสร้างสินทรัพย์ที่เรียกว่า REC (Renewable Energy Certificates) หรือ คาร์บอนเครดิต ที่มีมูลค่าทางการค้า จากนั้นธนาคารกสิกรไทยและพาร์ทเนอร์จะช่วยอำนวยความสะดวกในการ ขาย REC หรือคาร์บอนเครดิต และโอนเงินกลับคืนเข้าบัญชี ทำให้ลูกค้านอกเหนือจากการปรับตัวเป็นกรีนแล้ว ยังมี รายได้เพิ่ม ขึ้นในทุก ๆ ปี
- Marketplace โซลาร์เซลล์และการเชื่อมต่อทางการเงิน
ธนาคารมีผลิตภัณฑ์ในรูปแบบ Marketplace (คล้ายแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้า) ที่ลูกค้าสามารถเข้าไปประเมินว่าพื้นที่ของตนเองเหมาะสมกับโซลาร์เซลล์ขนาดไหน ธนาคารจะเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการ (Merchant) เพื่อเข้าตรวจสอบพื้นที่ และเนื่องจากโซลาร์เซลล์เป็นของที่มีมูลค่า ลูกค้าจึงสามารถเชื่อมต่อกับ การขอสินเชื่อ (Financial Offering) อื่น ๆ ในการเปลี่ยนผ่านได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
- ช่องทางการให้บริการ
จุดยืนของธนาคารคือกาารให้สิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืนได้ นอกเหนือจากการให้สินเชื่อเพียงอย่างเดียว บริการเหล่านี้หลายอย่างสามารถเข้าถึงได้ผ่าน Line แอป โดยลูกค้าไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันใหม่ และสามารถใช้ Line แอปในการสมัคร ตรวจสอบจำนวน REC ที่จะได้รับในแต่ละปี ราคาต่อหน่วย และยอดเงินที่จะได้รับกลับคืนเข้าบัญชีได้เลย
ธนาคารกรุงเทพ (BBL)
ธนาคารกรุงเทพ (Bangkok Bank) หรือ BBL สะท้อนถึงการเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับ ความยั่งยืน (Sustainability) ความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) และการเติบโตเคียงข้างชุมชน ภายใต้แนวคิดหลักคือ "GROWING TOGETHER เติบโต เคียงข้าง ยั่งยืน" ผ่านมุมมองหลักของธนาคารกรุงเทพ เช่น
1. การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
- ความครอบคลุม: ธนาคารมองว่าการเติบโตของธุรกิจต้องควบคู่ไปกับการสร้างความมั่นคงในมิติอื่น ๆ ด้วย ทั้งมิติ สังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ โดยมีการนำเสนอผลงานที่ได้รับรางวัลและการมุ่งเน้นการบริหารจัดการองค์กรที่ใส่ใจในประเด็นความยั่งยืนในระยะยาว
- ความยั่งยืนคือหัวใจ: การที่หัวข้อ "ธุรกิจ-ความยั่งยืน" ถูกนำเสนออย่างเด่นชัด แสดงให้เห็นว่าธนาคารได้ผนวกหลักการความยั่งยืนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางธุรกิจหลัก ไม่ใช่เพียงกิจกรรมเสริม
2. การดูแลสิ่งแวดล้อมและชุมชน
- โครงการ "บัวหลวง Save the Earth": เป็นโครงการเฉพาะกิจที่แสดงความมุ่งมั่นในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพัฒนาชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลและฟื้นฟูแหล่งน้ำในท้องถิ่น ซึ่งสอดคล้องกับชื่อธนาคารและสะท้อนความรับผิดชอบต่อทรัพยากรธรรมชาติ
- รณรงค์รักษ์โลกแบบลงมือทำ: มีการเชิญชวนสาธารณชนให้ร่วม "รักษ์โลก เริ่มที่จุด ขอขวด สะอาด" ซึ่งเป็นการสนับสนุนการรีไซเคิลและการจัดการขยะอย่างเป็นรูปธรรม โดยใช้มาสคอตน่ารักเพื่อสร้างการมีส่วนร่วม
3. การตอบแทนสังคมและการสนับสนุนด้านสุขภาพ
การบริจาคโลหิตเพื่อชีวิตคนไทย: มีการนำเสนอตัวเลขการบริจาคโลหิตสะสมที่ยิ่งใหญ่ คือ "70 แสนซีซี บริจาคโลหิต ต่อชีวิตคนไทย" ซึ่งเน้นย้ำถึงความทุ่มเทของธนาคารในการเป็นเสาหลักสนับสนุนด้านสาธารณสุขของประเทศมาอย่างยาวนาน
มุมมองของธนาคารกรุงเทพคือการเป็นสถาบันการเงินที่ไม่ได้มุ่งเน้นแค่ผลกำไร แต่มีบทบาทเป็น ผู้นำที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และเชื่อมั่นว่าการเติบโตของธนาคารจะเกิดขึ้นได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ก็ต่อเมื่อได้ "เติบโต เคียงข้าง" กับชุมชน สังคม และโลกใบนี้
ธนาคารออมสิน (GSB)
"Shared Value in Action GSB Social Impact Accelerator" สะท้อนมุมมองของธนาคารออมสินที่ให้ความสำคัญกับการสร้าง ผลกระทบทางสังคม (Social Impact) และคุณค่าร่วม (Shared Value) ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจ โดยมีเป้าหมายหลักในการสนับสนุนและขับเคลื่อน กิจการเพื่อสังคม (Social Enterprises - SEs) ในประเทศไทย มุมมองหลักของธนาคารออมสินจากบูธนี้ ได้แก่
1. การมุ่งเน้นผลกระทบทางสังคม (Social Impact Focus)
ธนาคารไม่ได้มองเพียงแค่ผลกำไรทางการเงิน แต่ให้ความสำคัญกับการใช้ศักยภาพของตนเองในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน และการสนับสนุนกิจการเพื่อสังคม แสดงให้เห็นถึงความเชื่อว่าธุรกิจสามารถเป็นพลังขับเคลื่อนในการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในชุมชนและสังคมได้
2. การสร้างคุณค่าร่วม (Shared Value)
ธนาคารเชื่อในการสร้างคุณค่าที่แบ่งปันกัน โดยที่การดำเนินงานของธนาคารเป็นประโยชน์ต่อทั้งธุรกิจและสังคมไปพร้อมกัน Accelerator Program เป็นกลไกที่ช่วย "เร่ง" การเติบโตของกิจการเพื่อสังคม เพื่อให้พวกเขาสามารถขยายผลกระทบทางสังคมได้ในวงกว้าง ซึ่งท้ายที่สุดก็จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมของประเทศ
3. การเป็นผู้สนับสนุนและที่ปรึกษา (Enabler & Mentor)
ออมสินไม่ได้แค่ให้ทุน แต่ยังให้การสนับสนุนด้านความรู้ ทรัพยากร เครือข่าย และการเป็นพี่เลี้ยงทางธุรกิจแก่ Social Enterprises เพื่อให้พวกเขา "พร้อมลงทุน" (Investment Readiness) และเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ
4. การเป็นธนาคารเพื่อสังคม (Social Bank)
โครงการนี้ตอกย้ำภาพลักษณ์ของธนาคารออมสินในฐานะ "ธนาคารเพื่อสังคม" ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและชุมชนฐานราก ตามพันธกิจดั้งเดิมของธนาคาร
โครงการ GSB Social Impact Accelerator แสดงให้เห็นว่าธนาคารออมสินมีมุมมองที่ต้องการเป็นมากกว่าสถาบันการเงิน แต่ต้องการเป็น กลไกหลัก ในการขับเคลื่อนนวัตกรรมทางสังคมและเศรษฐกิจที่ยั่งยืนผ่านการสนับสนุนผู้ประกอบการเพื่อสังคมที่หลากหลาย
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (Krungsri)
ธนาคารกรุงศรีอยุธยาให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อน "การเงินเพื่อความยั่งยืน" (Sustainable Finance) อย่างมาก โดยมีมุมมองและกลยุทธ์ที่สำคัญ
1. วิสัยทัศน์และเป้าหมาย
กรุงศรีมุ่งสู่ธนาคารแห่งความยั่งยืนในภูมิภาค (The Leading Sustainable and Regional Bank) โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนในธุรกิจธนาคาร
เป้าหมาย Net Zero ที่มุ่งมั่นลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Vision) โดยตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนจากการดำเนินงานของธนาคารเองให้ได้ภายในปี 2030 และลดการปล่อยคาร์บอนจากบริการทางการเงินภายในปี 2050
ขยายพอร์ต Social and Sustainable Finance (SSF) มีการตั้งเป้าหมายเพิ่มพอร์ตสินเชื่อเพื่อสังคมและความยั่งยืน (SSF) โดยล่าสุดได้ประกาศเพิ่มเป้าหมายเป็น 250,000 ล้านบาท ภายในปี 2030 (เพิ่มจากเป้าหมายเดิมที่ 100,000 ล้านบาท)
2. การดำเนินงานด้าน Sustainable Finance
กรุงศรีใช้เครื่องมือและกลไกทางการเงินที่หลากหลายเพื่อสนับสนุนความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อความยั่งยืน อย่างเช่น
- Sustainable-Linked Loan (SLL): สินเชื่อที่มีเงื่อนไขผูกกับตัวชี้วัดด้านความยั่งยืนของลูกค้า
- Green Bond / Blue Bond: ออกตราสารหนี้เพื่อนำเงินไปใช้ในโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green) และโครงการที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์ทะเลและน้ำ (Blue)
- ESG Bond Underwriting: การเป็นผู้จัดจำหน่ายตราสารหนี้ที่คำนึงถึงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)
- สินเชื่อ Green Finance: เช่น สินเชื่อสำหรับธุรกิจ SME ที่ต้องการปรับเปลี่ยนสู่ธุรกิจสีเขียว หรือสินเชื่อเพื่อติดตั้ง Solar Roof สำหรับลูกค้ารายย่อย
- การสนับสนุนการเปลี่ยนผ่าน (Transition Finance): ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือลูกค้าธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่ม SME ในการเปลี่ยนผ่านจากธุรกิจที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง (Brown) ไปสู่ระดับที่ลดลง (Less Brown) ตามกรอบ Thailand Taxonomy ของธนาคารแห่งประเทศไทย
การผนวก ESG ในกระบวนการทำงาน อย่างเช่น
- การนำปัจจัย ESG Risk และ Climate Risk เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินความเสี่ยงในการพิจารณาสินเชื่อ
- การจัดตั้งหน่วยงาน ESG Finance Department (EFD) เพื่อให้คำปรึกษาและสนับสนุนลูกค้าธุรกิจให้เข้าถึงโซลูชันทางการเงินเพื่อความยั่งยืน
3. ความร่วมมือและองค์ความรู้
- MUFG และ Global Standard: ทำงานใกล้ชิดกับ MUFG (Mitsubishi UFJ Financial Group) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ และเป็นสถาบันการเงินชั้นนำระดับโลก เพื่อนำประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และมาตรฐานสากลมาใช้ในการพัฒนาโซลูชัน Sustainable Finance
- การให้ความรู้: จัดโครงการต่างๆ เช่น Krungsri ESG Academy เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจด้าน ESG และ Sustainable Finance ให้กับลูกค้าและผู้ประกอบการ
- พันธกิจระดับประเทศและสากล: เป็นผู้ลงนามใน UN Principles for Responsible Banking (PRB) และร่วมมือกับสมาคมธนาคารไทยในการขับเคลื่อนแนวทางการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ธนาคารกรุงศรีอยุธยามองว่าการเงินเพื่อความยั่งยืนเป็นกลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจ โดยมุ่งเน้นการเป็น "ตัวกลาง" (Enabler) ที่จะช่วยให้ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะลูกค้าธุรกิจสามารถเปลี่ยนผ่านและเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน
ผู้เขียน: ศุภชัย วงษ์โนนงิ้ว นักศึกษาฝึกงาน กรุงเทพธุรกิจ







