อาคารยั่งยืนไม่ใช่เรื่องแพง 'คอรัล ไลฟ์' ย้ำ อุปสรรคคือ ยึดติด mindset เดิม

อาคารยั่งยืนไม่ใช่เรื่องแพง 'คอรัล ไลฟ์' ย้ำ อุปสรรคคือ ยึดติด mindset เดิม

คอรัล ไลฟ์ ชี้ว่าอุปสรรคสำคัญของการสร้างอาคารยั่งยืนคือ "mindset" หรือกรอบความคิดเดิมที่เชื่อว่ามีต้นทุนสูง

KEY

POINTS

  • คอรัล ไลฟ์ ชี้ว่าอุปสรรคสำคัญของการสร้างอาคารยั่งยืนคือ "mindset" หรือกรอบความคิดเดิมที่เชื่อว่ามีต้นทุนสูง
  • การสร้างอาคารประหยัดพลังงานไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง หากมีการวางแผนที่บูรณาการสถาปัตยกรรมและวิทยาศาสตร์วัสดุตั้งแต่เริ่มต้น
  • อาคารที่ออกแบบอย่างยั่งยืนสามารถลดการใช้พลังงานได้ถึง 70% ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงผลตอบแทนการลงทุนที่วัดผลได้จริงและคุ้มค่า
  • อาคารยั่งยืนต้องมี 3 องค์ประกอบหลัก คือ ประสิทธิภาพพลังงาน ประโยชน์ต่อสุขภาพของผู้ใช้งาน และผลลัพธ์ที่วัดผลได้ในเชิงธุรกิจ

ในงานเสวนา “A Call for Adaptation The Sustainability in Trade & Industry” ซึ่งจัดโดย “กรุงเทพธุรกิจ” ร่วมกับ Sustainability Expo 2025 (SX) มหกรรมด้านความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน “เจมส์ ดูอัน” ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอรัล ไลฟ์ จำกัด ได้ร่วมบรรยายในช่วง Collab Talk : สีสันสู่ Green Living โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของอาคารประหยัดพลังงานและการวัดผลลัพธ์ที่ชัดเจนในเชิงธุรกิจ

“เจมส์” เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีความก้าวหน้าในเรื่องของอาคารประหยัดพลังงาน ทั้งในด้านกฎหมายและการพัฒนาเทคโนโลยี ซึ่งถือว่ามาได้ค่อนข้างไกลพอสมควร แต่ยังคงต้องใช้เวลาในการนำเทคโนโลยีเหล่านี้เข้าสู่ตลาด หากเทียบกับประเทศในอาเซียนแล้ว สิงคโปร์ถือเป็นประเทศที่ดำเนินการได้ดีที่สุดในเรื่องนี้

ประสิทธิภาพ ควบคู่สุขภาพ และการวัดผล

“เจมส์” ชี้ให้เห็นว่าการดูแลอาคารให้มีความยั่งยืนนั้นมีสามองค์ประกอบหลัก ได้แก่

1. ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (Energy efficiency)

2. ประโยชน์ต่อสุขภาพ หรือ "ไบโอ" (Bio-benefit) ซึ่งต้องเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของผู้ที่ใช้อาคาร

3. ผลลัพธ์ที่สามารถวัดได้จริง ในอนาคต อาคารควรจะถูกสร้างออกมาแล้วเป็นผลลัพธ์ที่สามารถวัดผลได้ทุกเดือนหรือทุกวัน ไม่ใช่เพียงแค่การได้รับใบรับรอง (certificate) เท่านั้น

“การสร้างอาคารที่ยั่งยืนนอกจากการประหยัดพลังงานแล้ว ยังต้องตอบโจทย์ในเชิงของผลตอบแทนการลงทุน (Investment return) ด้วย เพราะหากไม่สามารถวัดผลได้จริง หรือยังคงเป็นเพียงใบรับรอง เรื่องนี้ก็จะไม่สามารถขยายในวงกว้างได้ ถ้าทำโลกแล้วไม่มีเทิร์นกลับมา ไม่ยั่งยืนในมุมธุรกิจ ก็ไม่ถูกต้อง"

ลดการใช้พลังงาน 70%

“เจมส์” ได้ยกตัวอย่างอาคารสำนักงานที่บริษัทของเขาสร้างขึ้นที่สุขุมวิท 39 ซึ่งโดยปกติแล้วค่าการใช้พลังงานสำหรับอาคารสำนักงาน (EUI) ทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 300 กิโลวัตต์ต่อปีต่อตารางเมตร แต่สำนักงานของเขาใช้พลังงานเฉลี่ยเพียง 70-80 กิโลวัตต์ต่อตารางเมตรต่อปี

นอกจากนี้ การออกแบบยังช่วยลดภาระการทำความเย็น ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้พลังงานมากที่สุดในประเทศร้อนชื้น โดยปกติจะใช้ประมาณ 1,000 BTU ต่อตารางเมตร แต่การออกแบบของเขาใช้เพียง 300 BTU ต่อตารางเมตร ซึ่งต่ำกว่าปกติประมาณ 70% ทำให้ค่าไฟรวมทั้งหมดของสำนักงานขนาดกว่า 4,000 ตารางเมตร (พื้นที่ปรับอากาศ 3,000 ตารางเมตร) อยู่ที่ประมาณ 70,000 บาทต่อเดือน หรือไม่เกิน 900,000 บาทต่อปี ซึ่งหากเป็นอาคารขนาดเดียวกันที่ไม่ได้มีการจัดการประสิทธิภาพพลังงาน อาจมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 300,000 บาทต่อเดือนหรือมากกว่า

อุปสรรคสำคัญคือ "mindset"

ในส่วนของอุปสรรคในการสร้างอาคารเขียว “เจมส์” มองว่าอุปสรรคสำคัญคือ "mindset" หรือกรอบความคิด เนื่องจากหลายคนคิดว่าการสร้างอาคารประหยัดพลังงานมีต้นทุนที่สูง แต่ความจริงแล้ว ถ้าสถาปัตยกรรม, วิทยาศาสตร์, และวัสดุศาสตร์ ถูกนำมาทำงานร่วมกันในการวางแผนตั้งแต่ต้น ผลลัพธ์ที่ได้จะดีและต้นทุนไม่สูง

“โซลูชั่นด้านอาคารยั่งยืนสามารถประยุกต์ใช้ได้ตั้งแต่บ้านยันถึงสนามบิน”

ความพร้อมของรัฐบาลไทย

ในด้านความพร้อมของภาครัฐ “เจมส์” เห็นว่าประเทศไทยกำลังสร้างความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานในเรื่องของกฎหมายและข้อบังคับ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อน เนื่องจากในทศวรรษหน้า (KPI ปี 2030) ทุกประเทศต้องไปรายงานผลตามข้อตกลง

“การที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องออกมาอย่างรวดเร็ว จะช่วยให้ภาคเอกชนมีแรงบันดาลใจในการดำเนินการมากขึ้น และเชื่อว่าสถานการณ์ความตื่นตัวในเรื่องนี้ในประเทศไทยจะเดินหน้าได้เร็วกว่าที่เราคาดการณ์ไว้”