ความยั่งยืนไม่ใช่แค่เรื่องสิ่งแวดล้อม เร่งฟื้นสมดุลโลกก่อนสายเกินแก้

กลอยตา ณ ถลาง ชวนคนไทย “ลงแขก” เพื่อฟื้นคืนสมดุลโลก โดยชี้ว่าความยั่งยืนกว้างกว่าแค่เรื่องสิ่งแวดล้อม และคือการลงทุนเพื่ออนาคตลูกหลาน ก่อนที่จะไม่มีโลกให้อยู่
ในเวทีสัมมนา Sustainability Expo 2025 : A Call for Adaptation The Sustainability in Trade & Industry” ที่จัดโดย “กรุงเทพธุรกิจ” ร่วมกับ Sustainability Expo 2025 "กลอยตา ณ ถลาง" รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และประธาน Carbon Markets Club ได้นำเสนอวิสัยทัศน์ที่ลึกซึ้งและกระตุ้นให้เกิดการลงมือทำ โดยชี้ว่าความยั่งยืนนั้นเป็นเรื่องที่กว้างกว่าแค่สิ่งแวดล้อม และเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนหันมาร่วมมือกันด้วยจิตวิญญาณแบบไทยดั้งเดิมอย่าง “การลงแขก” เพื่อฟื้นคืนสมดุลให้กับโลก
เมื่อพูดถึง “ความยั่งยืน” คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงเรื่องภาวะโลกร้อนเป็นอันดับแรก แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความยั่งยืนนั้นรวมถึงมิติอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา การใช้แรงงาน และสิทธิมนุษยชน ซึ่งคุณกลอยตามองว่า วิถีชีวิตสมัยใหม่ที่แสนสุขสบาย เช่น การใช้เครื่องปรับอากาศจนเป็นเรื่องปกติ ได้ทำให้โลกสูญเสียสมดุลไปโดยไม่รู้ตัว
ด้วยเหตุนี้ ภารกิจเร่งด่วนของพวกเราทุกคนในวันนี้คือ การสร้างสมดุล หรือพยายามฟื้นคืนสมดุลให้กลับมา ด้วยการนำนำวัฒนธรรม “การลงแขก” ของสังคมเกษตรกรรมไทยในอดีต มาเป็นหัวใจของการขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืนในปัจจุบัน เพราะการร่วมแรงร่วมใจกัน คือกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ
“วันนี้เราต้องมาลงแขก เพื่อจะร่วมกันสร้างโลกให้ยั่งยืนขึ้น ให้น่าอยู่ขึ้น” กลอยตากล่าว
แม้ว่าความยั่งยืนจะมีหลายมิติ แต่ "กลอยตา" ยอมรับว่า ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมนั้นเป็นเรื่องที่ 'เร่งด่วนที่สุด' ในขณะนี้
ในฐานะประธาน Carbon Market Club "กลอยตา" ได้ทำให้เรื่องการลดคาร์บอนที่ซับซ้อนกลายเป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายผ่านการเปรียบเทียบที่เห็นภาพชัดเจน โดยกล่าวว่าการวางแผนลดการปล่อยคาร์บอนขององค์กรก็เหมือนการลดน้ำหนัก ที่ “ก่อนจะลดน้ำหนัก เราต้องรู้ว่าเราหนักเท่าไหร่” เพื่อให้เห็นขนาดของปัญหา
"คาร์บอน 1 ตันเทียบเท่ากับบอลลูนท่องเที่ยว 1 ลูก และประเทศไทยปล่อยคาร์บอนปีละประมาณ 300 ล้านตัน ซึ่งหมายความว่า เรากำลังปล่อยคาร์บอนสู่บรรยากาศประมาณ 300 ล้านลูกบอลลูน"
สำหรับตลาดคาร์บอน "กลอยตา" มองว่า คาร์บอนเครดิตเปรียบเสมือนสะพานที่จะพาเราไปสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งรายได้จากการขายเครดิตสามารถนำกลับไปลงทุนในเทคโนโลยีสะอาดหรือการปลูกป่าได้ พร้อมยกตัวอย่างโครงการที่เป็นรูปธรรมของบางจาก ที่สะท้อนถึงการลงมือทำจริง เช่น การรับซื้อน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วเพื่อผลิตเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) และการจับมือกับหลายภาคส่วนในโครงการที่เกาะหมาก เพื่อรักษาความเป็นพื้นที่คาร์บอนต่ำที่ได้รับการยอมรับระดับโลก
ในช่วงท้าย "กลอยตา" ได้ฝากข้อความที่ทรงพลังถึงทุกคนว่า การลงมือทำเพื่อความยั่งยืนไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือการลงทุนเพื่ออนาคตของคนรุ่นต่อไป
“ทุกอย่างคือการลงทุน แต่เป็นการลงทุนเพื่ออนาคต หากเราไม่ลงทุนวันนี้ ลูกหลานของเราอาจจะไม่มีโลกอยู่ ถ้าอยากจะส่งต่อโลกสวยงามให้ลูกหลาน เราต้องร่วมมือกันตั้งแต่วันนี้”







