พลิกเกมความยั่งยืน Net Zero โอกาสทองของธุรกิจไทย UNGCNT ชี้ องค์ความรู้-เครือข่าย คือกุญแจสำคัญ

การเร่งเป้าหมาย Net Zero ของไทย คือตัวกระตุ้นให้ธุรกิจเปลี่ยนกระบวนทัศน์จาก 'ภาระ' สู่ 'โอกาส' ชูสองเสาหลักที่ต้องเร่งสร้าง องค์ความรู้ตามมาตรฐานสากลผ่าน SBTi Academy และพลัง 'Collective Action' ในเครือข่าย เพื่อให้ธุรกิจไทย โดยเฉพาะ SME อยู่รอดและเติบโตได้ถึงปี 2030
KEY
POINTS
- การผลักดันเป้าหมาย Net Zero ถูกมองว่าเป็น "โอกาสทางธุรกิจ" ครั้งสำคัญสำหรับไทย ไม่ใช่ภาระต้นทุน โดยเฉพาะสำหรับ SME ในการเป็นผู้ให้บริการด้านข้อมูลคาร์บอน
- UNGCNT ชี้ว่ากุญแจสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนประกอบด้วย 2 เสาหลัก คือ "องค์ความรู้" ตามมาตรฐานสากล และ "พลังเครือข่าย" ที่นำไปสู่การลงมือทำร่วมกัน (Collective Action)
- ธุรกิจสามารถเข้าถึงองค์ความรู้สากลเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือได้ฟรีผ่าน SBTi Academy ซึ่งครอบคลุมเรื่อง Net Zero และการคำนวณต้นทุนคาร์บอน
ดร.ธันยพร กริชติทายาวุธ ผู้อำนวยการ สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (UNGCNT) กล่าวในงาน Sustainability Expo 2025: A Call for Adaptation The Sustainability in Trade & Industry ที่จัดโดย “กรุงเทพธุรกิจ” ร่วมกับ Sustainability Expo 2025 ในช่วง Collab Talk: Green Network ผนึกกำลัง ปรับ-เปลี่ยน-ปฏิบัติ ว่า บริบทของประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วง "ปรับตัวเพื่อเปลี่ยน" เพื่อรักษาตำแหน่งบนแผนที่โลก ความยั่งยืนจึงถูกนำมาตีความใหม่ในฐานะเครื่องมือสร้างโอกาสทางธุรกิจ ไม่ใช่แค่ภาระหน้าที่หรือต้นทุนอีกต่อไป
"การที่นายกรัฐมนตรีประกาศเร่งรัดเป้าหมาย Net Zero ของประเทศ ถือเป็น "โอกาส" ครั้งสำคัญสำหรับภาคธุรกิจ โดยเฉพาะการเปิดพื้นที่ให้ธุรกิจขนาดเล็ก (SME) และบริษัทเทคโนโลยีเข้ามาเป็น ผู้ให้บริการด้านการติดตามข้อมูล (Data Monitoring) เช่น Digital MRV, การวัด Carbon Footprint และการพัฒนาระบบฐานข้อมูล (Data Tracker) เพื่อรองรับการซื้อขายคาร์บอนในอนาคต"
องค์ความรู้สากล เสาหลักที่ 1 สู่ความน่าเชื่อถือ
"ดร.ธันยพร" เน้นย้ำว่า คิดอยากทำอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีความรู้ด้วย การดำเนินงานที่ขาดความเข้าใจในมาตรฐานสากลจะไม่น่าเชื่อถือและไม่เกิดผลลัพธ์ที่แท้จริง
ธุรกิจสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ระดับสากลได้ง่ายผ่าน SBTi Academy (Science Based Target initiative) ที่เปิดให้เรียนรู้ฟรี ครอบคลุมตั้งแต่เรื่องคาร์บอน Net Zero ไปจนถึงการคำนวณต้นทุนคาร์บอน (Carbon Pricing) การเรียนรู้ตามมาตรฐานนี้จะช่วยให้ภาคธุรกิจใช้มาตรฐานเดียวกัน ทำให้ข้อมูล น่าเชื่อถือ และลดความจำเป็นในการตรวจสอบจากภายนอกในภายหลัง
พลังเครือข่าย เสาหลักที่ 2 สู่การปฏิบัติร่วม (Collective Action)
"ดร.ธันยพร" กล่าวด้วยว่า เครือข่ายต้องพัฒนาจากการรวมตัวไปสู่การลงมือทำร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม หรือ "Collective Action" เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง
- การรวมพลังแก้โจทย์ยาก: การรวมตัวเป็นเครือข่ายเพียงอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีการสร้าง "โครงการที่เป็นรูปธรรม"เพื่อรับมือกับความท้าทายที่ซับซ้อน เช่น การต่อต้านการทุจริต ซึ่งต้องอาศัย "พลังที่ทุกคนพูดแบบเดียวกัน"
- การลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด: อ้างอิงข้อมูลจาก UN การเพิ่มศักยภาพ ทุนมนุษย์ (Human Capital) ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในการทำงานที่ต้องอาศัยความร่วมมือ โดย UNGCNT สนับสนุนให้ภาคธุรกิจเปรียบเสมือน "Learning Center" ในการนำความรู้และกรณีศึกษา (Case Study) มาขยายผลและแบ่งปันให้บริษัทในห่วงโซ่อุปทานได้เรียนรู้
บทบาท UNGCNT ผู้ช่วยสร้าง Ecosystem ให้ธุรกิจ "อยู่รอด"
"ดร.ธันยพร" กล่าวในตอนท้ายว่า ในฐานะองค์กรสนับสนุน UNGCNT วางตำแหน่งตัวเองเป็น "ผู้ช่วย" ในการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่เอื้อต่อการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน โดยมีกลยุทธ์ระยะสั้น 5 ปี เพื่อช่วยให้เครือข่ายภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SME และบริษัทในห่วงโซ่อุปทานของบริษัทขนาดใหญ่ สามารถ "อยู่รอด" และแข่งขันได้จนถึงปี 2030 ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วนี้







