SE Forum 2025 ย้ำผู้ประกอบการ ต้องใช้ AI-ต้องลดคาร์บอน รีบปรับตัวก่อนตกขบวน

SE Forum 2025 ย้ำผู้ประกอบการ ต้องใช้ AI-ต้องลดคาร์บอน รีบปรับตัวก่อนตกขบวน

"วิเชฐ ตันติวานิช" เน้นย้ำว่าการเปลี่ยนแปลงสู่ยุค AI และการจัดการคาร์บอนเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการหลีกเลี่ยงไม่ได้และต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด

KEY

POINTS

  • “วิเชฐ ตันติวานิช” เน้นย้ำว่าการเปลี่ยนแปลงสู่ยุค AI และการจัดการคาร์บอนเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการหลีกเลี่ยงไม่ได้และต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด
  • การปรับตัวดังกล่าวไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งที่ "ถูกบังคับให้ทำ" เพื่อให้ธุรกิจสามารถแข่งขันและทำการค้าในระดับสากลได้ เช่น การมีคาร์บอนเครดิต
  • กลยุทธ์สำหรับผู้ประกอบการเพื่อความอยู่รอด คือการหันมาให้ความสำคัญกับ "บรรทัดตรงกลาง" หรือการควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ

งาน Social Enterprise Forum 2025 (SE Forum 2025) ซึ่งจัดขึ้นภายใต้หัวข้อหลัก “อนาคตธุรกิจแบ่งปัน ก้าวต่อไปที่ยั่งยืน” (Shaping the Future of Social Enterprises in Thailand) โดยงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Sustainability Expo 2025 (SX2025) มหกรรมความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ที่รวมผู้เชี่ยวชาญและผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะวิสาหกิจชุมชนและวิสาหกิจเพื่อสังคมมาแลกเปลี่ยนมุมมองและประสบการณ์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและแนวทางในการพัฒนาธุรกิจแบ่งปันให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

โดยการบรรยายพิเศษหัวข้อ “เจาะลึกโอกาสธุรกิจแบ่งปันในโลกที่เปลี่ยนแปลง” (Unlocking Opportunities: Social Enterprises in a Changing World) โดยได้รับเกียรติจาก “วิเชฐ ตันติวานิช” ประธานกรรมการสถาบันผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง มูลนิธิสัมมาชีพ โดยเน้นย้ำถึงหลักคิดพื้นฐานสำหรับการปรับตัวและความสำเร็จของประเทศชาติ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลก

สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา

“วิเชฐ” ระบุว่า มูลนิธิสัมมาชีพก่อตั้งขึ้นมาประมาณ 16 ปีที่แล้ว โดยมีที่มาจากแนวคิดของ นพ. ประเวศ วะสี ซึ่งเป็น "บุคคลแห่งชาติ" ที่มีคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างมาก และยกตัวอย่างคำกล่าวของ นพ. ประเวศ ที่กล่าวว่า

"หากต้องการทำสิ่งใดให้เกิดความสำเร็จอย่างจริงจัง จะต้องอาศัยบุคคล 3 กลุ่มทำงานร่วมกัน ซึ่งเรียกว่าหลักสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา"

“วิเชฐ” กล่าวว่า หลักการนี้ยังคงเป็นหลักการที่ทันสมัยมาก ซึ่งหมายถึงการประสานความร่วมมือระหว่าง ประชาชน เอกชน และรัฐบาล

“ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้เมื่อทั้งสามมุมนี้ร่วมมือกัน หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่เอาด้วย งานนั้นก็จะไม่มีทางสำเร็จ ตัวอย่างเช่น หากรัฐบาลและเอกชนเห็นชอบ แต่ประชาชนไม่เอาด้วย ก็ไม่สำเร็จ หรือหากประชาชนและเอกชนเห็นด้วย แต่รัฐมนตรีหรือผู้รับผิดชอบกระทรวงไม่เห็นด้วย ก็ไม่สำเร็จเช่นกัน”

SE Forum 2025 ย้ำผู้ประกอบการ ต้องใช้ AI-ต้องลดคาร์บอน รีบปรับตัวก่อนตกขบวน

ความผูกพันและพลังแห่งความ “ตื้อ”

“วิเชฐ” ได้กล่าวถึงการทำงานที่ทุกคนถูก "บังคับ" พอเวลาผ่านไป ทุกอย่างก็จะกลั่นกรองตัวเอง คนบางกลุ่มที่ยังคงดำเนินงานต่อเพราะมีความเชื่อมั่น หากเชื่อว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้องและดี ให้ “ตื้อ” ไว้ ไม่ว่าจะเจอกับอุปสรรคใดก็ตาม รางวัลที่ได้รับอาจจะไม่มาใน “รูปตัวเงิน” แต่จะมาในรูปแบบของคำเล่าขาน การจดจำ และการยอมรับจากผู้ที่มองเห็น พร้อมระบุว่า แม้ “บรรพบุรุษ” ของเหตุการณ์นั้นอาจไม่ได้รับผลตอบแทนเป็นตัวเงิน

ยุคแห่งการถูก “บังคับให้ทำ” ในโลกดิจิทัล

“วิเชฐ” ได้กล่าวเตือนถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของโลกที่ถูกขับเคลื่อนด้วย AI, ChatGPT, AI disruption, Cryptocurrency, carbon credit, และ ESD ว่า การหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่ทุกคน “ถูกบังคับให้ทำ” โดยยกตัวอย่าง ดังนี้

  • หากไม่มีการจัดการ “คาร์บอนฟุตพริ้นท์” หรือไม่มี คาร์บอนเครดิต ก็จะไม่สามารถค้าขายกับต่างประเทศได้
  • หากไม่ปรับตัวเข้าสู่ระบบ Blockchain หรือ AI ก็จะไม่สามารถสื่อสารกับระบบที่กำลังพัฒนาไปทางนั้นได้
  • อุตสาหกรรมดั้งเดิมได้รับผลกระทบ เช่น อะไหล่รถยนต์ลดลงจาก 40,000 ชิ้น เหลือเพียง 3,500 ชิ้น

“บรรทัดตรงกลาง” เพื่อความอยู่รอด

นอกจากนี้ “วิเชฐ” ยังเตือนเรื่องความประมาทในยุคที่ดิจิทัลเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะภัยคุกคามทาง “ไซเบอร์แอทแทค” ที่อาจทำให้บริษัทที่มีเครดิตดีกลับกลายเป็นหนี้มหาศาลที่ยากจะแก้ไขได้

หลักการทำกำไรที่ประกอบด้วย 3 บรรทัด ได้แก่ รายได้, ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ (บรรทัดตรงกลาง), และกำไร/ขาดทุนสุดท้าย

"ในยุคปัจจุบัน ผู้ประกอบการไม่สามารถพึ่งพาการเพิ่มรายได้ให้ได้มากที่สุดได้อีกต่อไป เนื่องจากมีปัจจัยภายนอกและข้อบังคับมากำหนด ดังนั้น สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องทำคือการควบคุมและบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ หรือ 'บรรทัดตรงกลาง' ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถสร้างกำไรหรืออยู่รอดได้"