ทส. จับมือภาครัฐ-เอกชน ขับเคลื่อน ‘Aluminium Loop Model’ ลดคาร์บอน มุ่ง Net Zero

ทส. จับมือภาครัฐ-เอกชน ขับเคลื่อน ‘Aluminium Loop Model’ สู่บรรจุภัณฑ์ยั่งยืน เดินหน้าเศรษฐกิจหมุนเวียน ลดคาร์บอน มุ่ง Net Zero
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและผู้ประกอบการอุตสาหกรรมกระป๋องอะลูมิเนียมตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Aluminium Can Supply Chain) ลงนามในพิธี “ประกาศเจตนารมณ์ความร่วมมือการผลักดันความรับผิดชอบของผู้ผลิต และการส่งเสริมการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สู่การจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน สนับสนุนเป้าหมายของประเทศ (Net Zero 2065)” ณ ห้อง 210–211 ชั้น 2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
การลงนามครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการจัดการบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มอย่างยั่งยืน โดยนำ “Aluminium Loop” มาเป็นต้นแบบระบบรีไซเคิลวงจรปิด (Closed Loop Recycling) ที่มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ พร้อมสนับสนุนข้อมูลภาคอุตสาหกรรมการผลิตบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มอะลูมิเนียม เพื่อรองรับมาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของประเทศไทย (TH-CBAM) และขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมาย Net Zero 2050
ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” โดยเน้นย้ำว่า ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญกับภัยพิบัติที่รุนแรงและถี่ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอุทกภัยหรือคลื่นความร้อน ซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นถึง 1.75 องศาเซลเซียส เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
ภัยพิบัติเหล่านี้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อทั้งสังคมและเศรษฐกิจ ตั้งแต่ระดับชุมชนท้องถิ่นจนถึงระดับนานาชาติ ทำให้การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ใช่แค่การจัดการด้านสิ่งแวดล้อม แต่เป็นทางรอดเดียวที่จะทำให้ประเทศไทยดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืน
รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีได้แถลงต่อรัฐสภาให้ความสำคัญสูงสุดกับการจัดการสภาพภูมิอากาศ โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี พ.ศ. 2593 หรือ ค.ศ. 2050 และเน้นว่าการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันไม่ใช่แค่การบริหารจัดการ แต่เป็น “การลงทุนในอนาคต” ของประเทศ
ความร่วมมือนี้มุ่งเน้นการลดปริมาณขยะตกค้างและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคอุตสาหกรรมอย่างเป็นรูปธรรม โดยมูลนิธิ 3R จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางประสานงานระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาควิชาการ องค์กรด้านสิ่งแวดล้อม และสื่อสาธารณะ เพื่อผลักดันการจัดการบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
สำหรับภาครัฐ กรมควบคุมมลพิษจะเร่งผลักดันกฎหมายการจัดการบรรจุภัณฑ์ยั่งยืนตามหลักการขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต (Extended Producer Responsibility: EPR) ขณะที่กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมจะสนับสนุนการบูรณาการฐานข้อมูลก๊าซเรือนกระจกและผลักดันมาตรการ TH-CBAM
ขณะที่ภาคเอกชน จะดำเนินการพัฒนาระบบการจัดการและจัดทำฐานข้อมูลการจัดการบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มอะลูมิเนียมที่ครอบคลุมตลอดวงจร เพื่อกำหนดกรอบและแนวทางการบริหารจัดการข้อมูลที่สอดคล้องกับการพัฒนาระบบองค์กรรับผิดชอบจัดการบรรจุภัณฑ์ (PRO) และการประเมินค่าบริการ (EPR Fee) อย่างเป็นธรรมผ่านกลไก Aluminium Loop
กลุ่มผู้ประกอบการในห่วงโซ่คุณค่าที่เข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วย บริษัท ไทยเบเวอร์เรจแคน จำกัด, บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ รีไซเคิล จำกัด, บริษัท แองโกล เอเซีย เทรดดิ้ง จำกัด, บริษัท ยูเอซีเจ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วยผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเครื่องดื่มชั้นนำ อาทิ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)
กิติยา แสนทวีสุข ผู้ช่วยรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเบเวอร์เรจแคน จำกัด ในฐานะตัวแทนกลุ่มอุตสาหกรรมอะลูมิเนียม กล่าวว่า ความร่วมมือนี้จะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยในเวทีโลก เนื่องจากมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม เช่น TH-CBAM และมาตรฐานการลดก๊าซเรือนกระจกของสหภาพยุโรป กำลังกลายเป็นเงื่อนไขสำคัญของการค้าระหว่างประเทศในอนาคต
Aluminium Loop ก่อตั้งขึ้นในปี 2564 จากความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เป็นระบบรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มอะลูมิเนียมแบบวงจรปิดแห่งแรกในประเทศไทย
ปัจจุบันมีแบรนด์เครื่องดื่มเข้าร่วมมากกว่า 100 แบรนด์ สามารถเก็บรวบรวมบรรจุภัณฑ์อะลูมิเนียมใช้แล้วกลับเข้าสู่ระบบได้กว่า 1,500 ล้านใบ และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 130 ล้านกิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
ทั้ังนี้ ประกาศเจตนารมณ์ความร่วมมือจะมีผลบังคับใช้เป็นเวลา 5 ปี (2568–2572) โดยทุกฝ่ายจะจัดตั้งคณะกรรมการและคณะทำงานเพื่อกำหนดแผนปฏิบัติงานรายปี โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ด้าน ได้แก่
1. การพัฒนาฐานข้อมูลและระบบบริหารจัดการ เพื่อจัดทำฐานข้อมูลบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มอะลูมิเนียมตลอดวงจร เพื่อรองรับมาตรการ TH-CBAM และนโยบายลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย
2. การส่งเสริมมาตรฐานใหม่ของการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน เพื่อสร้างมาตรฐานที่สอดคล้องกับแนวปฏิบัติสากล
3. การจัดการขยะในพื้นที่ท้าทาย โดยเน้นพื้นที่ชายฝั่งทะเลและการนำหลักเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม (Behavioral Economics) มาประยุกต์ใช้เพื่อกระตุ้นพฤติกรรมผู้บริโภค
ความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยยกระดับการจัดการบรรจุภัณฑ์ของประเทศไทยสู่มาตรฐานสากล ลดปริมาณขยะตกค้าง ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสนับสนุนหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนที่แข็งแกร่ง พร้อมตอกย้ำความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการบรรลุเป้าหมาย Net Zero อย่างมั่นคงและยั่งยืน







