ยอดขาย ‘รถอีวีมือสอง’ ในสหรัฐโตต่อเนื่อง เพราะราคาถูก คนมั่นใจคุณภาพมากขึ้น

ยอดขาย ‘รถอีวีมือสอง’ ในสหรัฐโตต่อเนื่อง เพราะราคาถูก คนมั่นใจคุณภาพมากขึ้น

ตลาดรถอีวีมือสองในสหรัฐเติบโตต่อเนื่อง เพราะคนอยากได้รถคุณภาพดี ราคาถูก สวนทางยอดขายรถมือหนึ่งที่แทบไม่กระเตื้อง

KEY

POINTS

  • ยอดขายรถอีวีมือสองในสหรัฐ เติบโตต่อเนื่องสวนทางกับรถใหม่ โดยมีปัจจัยหลักจากราคาที่ถูกลงจนสามารถแข่งขันกับรถสันดาปได้
  • อุปทานรถอีวีมือสองคุณภาพดีมีมากขึ้นในตลาด จากรถยนต์ที่หมดสัญญาเช่า ทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกที่หลากหลาย
  • ผู้บริโภคมีความมั่นใจในคุณภาพมากขึ้น เนื่องจากแบตเตอรี่พิสูจน์แล้วว่าทนทานกว่าที่คาด มีการรับประกันระยะยาว และมีค่าบำรุงรักษาต่ำ

ยอดขาย “รถยนต์ไฟฟ้า” ในสหรัฐคาดว่าจะชะลอตัวลงอย่างมาก เมื่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลกลางหมดลงในช่วงปลายเดือน แต่ตลาด “รถยนต์ไฟฟ้ามือสอง” กลับคึกคักกว่าที่เคย

จากข้อมูลของ Cox Automotive บริษัทด้านบริการและเทคโนโลยี ระบุว่า ปัจจุบันรถยนต์และรถบรรทุกไฟฟ้ามือสองในสหรัฐ มีราคาถูกเกือบเท่ากับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันมือสองโดยเฉลี่ย 

ในเดือนสิงหาคม 2025 รถยนต์ไฟฟ้ามือสองโดยเฉลี่ยมีราคาขายอยู่ที่ 34,700 ดอลลาร์  ซึ่งใกล้เคียงกับราคารถยนต์หรือรถบรรทุกมือสองที่ใช้น้ำมันที่มีอายุการใช้งานมาแล้ว 6-7 ปี ทั้งที่รถยนต์ไฟฟ้าจะมีอายุเพียง 2-3 ปีเท่านั้น

ราคาที่ถูกลงต่อเนื่องช่วยดันยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ามือสองเติบโตต่อเนื่อง โดยยอดขายตั้งแต่ต้นปี 2025 จนถึงเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพียงแค่ไดรมาสที่ 2 ของปี 2025 ก็ทำยอดขายได้ไปมากกว่า 100,000 คัน สวนทางกับยอดขายรถอีวีมือหนึ่งกลับเติบโตเพียงเล็กน้อย

มีหลายปัจจัยที่ทำให้ผู้คนหันมาสนใจรถยนต์ไฟฟ้ามือสอง อย่างแรกคือมีตัวเลือกให้ซื้อมากมาย เนื่องจากมีรถไฟฟ้าในปี 2022 ที่หลุดไฟแนนซ์หรือลีซซิงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น BMW i4, Cadillac Lyric, Ford F-150 Lightning และ Toyota bZ4X 

ขณะเดียวกัน ราคารถยนต์ไฟฟ้ามือสองก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีรถตกรุ่นมากมาย แถมมีอัตราค่าเสื่อมราคาสูงลิ่ว รถยนต์ไฟฟ้าสูญเสียมูลค่าอย่างรวดเร็ว ส่วนใหญ่เป็นเพราะผู้บริโภคคาดหวังว่าเทคโนโลยีจะพัฒนาไปไกล

สเตฟานี วาลเดซ สตรีทตี ผู้อำนวยการฝ่ายข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมของ Cox กล่าวว่า เมื่อมีรถยนต์ไฟฟ้าหลุดสัญญาเช่ามากขึ้น อุปทานของรถยนต์ไฟฟ้ามือสองที่มีคุณภาพสูงและราคาไม่แพง จึงเติบโตอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังเชื่อว่า รถยนต์ไฟฟ้าอาจจะใช้งานได้ดีกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันในระยะยาว เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าแทบไม่ต้องบำรุงรักษาตามกำหนด (ยกเว้นหม้อน้ำ หัวเทียน หรือน้ำมันเครื่อง) อีกทั้งแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าก็พิสูจน์ให้เห็นว่าทนทานมากกว่าที่คาดไว้ และในสหรัฐมีการรับประกันแบตเตอรี่อย่างน้อย 8 ปี หรือระยะ 100,000 ไมล์

ที่สำคัญ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า รถยนต์มือสองก็ยังดูใหม่และดีกว่าเดิม มาพร้อมระยะการใช้งานและฟีเจอร์ที่มากขึ้น

ลิซ นาจมัน ผู้อำนวยการฝ่ายข้อมูลเชิงลึกทางการตลาดของ Recurrent ซึ่งให้บริการข้อมูลรถยนต์ไฟฟ้าแก่ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์และผู้ซื้อรถยนต์ กล่าวว่า รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้งานมาแล้ว 2-3 ปี ถือเป็นรถยนต์ที่มีครบทุกอย่างที่ผู้บริโภคต้องการ เพราะระยะสามารถวิ่งได้ไกล ชาร์จเร็ว และมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ  เช่น หน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่และปั๊มความร้อน เพื่อการควบคุมสภาพอากาศที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น 

สำหรับรถบางยี่ห้อ เช่น Chevrolet, Subaru และ Toyota ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้ามือสองมีราคาถูกกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน เช่น Toyota Rav4 รถ SUV ใช้น้ำมันเบนซินยอดนิยม มือสองที่ใช้งานมา 2 ปี มีราคาขายเฉลี่ยในสหรัฐอยู่ที่ 31,100 ดอลลาร์ ขณะที่ Toyota bZ4X ที่ใช้แบตเตอรี่ในปีเดียวกันมีราคาขายถูกกว่า 6,600 ดอลลาร์ ตามข้อมูลจาก CarEdge.com แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ซื้อรถยนต์สามารถเจรจากับตัวแทนจำหน่ายได้

แม้ว่ารถทั้งสองรุ่นมีพื้นที่เก็บสัมภาระที่กว้างขวางและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ แต่ Toyota bZ4X ไฟฟ้ามีอัตราเร่งที่เร็วกว่า มีหน้าจอสัมผัสที่ใหญ่กว่า และมีข้อแตกต่างจาก Rav4 ตรงที่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำยาหล่อเย็นเครื่องยนต์และตรวจเช็กสายพานหลังจากวิ่งไปแล้ว 60,000 ไมล

ด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามือสองสามารถขายออกได้โดยเฉลี่ยภายใน 36 วัน ซึ่งเร็วกว่ารถยนต์สันดาปภายในที่ใช้เวลา 42 วัน แต่ถ้าเป็น Tesla สามารถขายได้ภายใน 28 วัน

“มีคนจำนวนมากที่ต้องการรถมือสองที่น่าเชื่อถือ และพวกเขาไม่มีเงินเหลือใช้เกิน 22,000 ดอลลาร์ ซึ่งในตอนนี้ Tesla มือสองกำลังเข้ามาเติมเต็มช่องว่างนั้น” นาจมันกล่าว

จัสติน ฟิชเชอร์ นักวิเคราะห์จาก CarEdge.com ระบุว่า ผลกระทบจากปรากฏการณ์เครือข่ายยังช่วยกระตุ้นตลาดอีกด้วย เพราะทุกครั้งที่มีคนหันมาเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า คนรอบตัวไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน หรือเพื่อนบ้านที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีนี้อยู่ด้วย

ไม่เว้นแม้แต่ ในเมืองชนบทที่มีแนวคิดอนุรักษนิยมก็ให้ความสนใจในรถไฟฟ้า และคนส่วนใหญ่มักจะมีความคิดเปิดกว้าง ถึงแม้จะมีความกังวลอยู่บ้าง แต่ก็เป็เรื่องการเข้าถึงการชาร์จไฟ และสิ่งที่จะเกิดขึ้นหากแบตเตอรี่หมด ไม่ใช่เรื่องการเมือง

อย่างไรก็ตาม นาจมันคาดการณ์ว่าค่าเสื่อมราคาของรถยนต์ไฟฟ้าจะค่อย ๆ ลดลง เนื่องจากผู้ขับขี่ตระหนักดีว่า รถยนต์หล่านี้ยังคงทนทานและเป็นที่นิยมแม้จะผ่านไปหลายปีแล้วก็ตาม

แม้ว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามือสองจะกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าโดยรวมกำลังประสบปัญหา ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าใหม่คาดว่าจะลดลง 6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าในไตรมาสนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากยอดขายของเจ้าตลาดอย่าง Tesla ที่ลดลง 20% ปี 2024 และผู้ผลิตรถยนต์ต้องเผชิญกับฐานลูกค้าที่ลังเลอย่างไม่คาดคิด

นอกจากนี้ การยกเลิกงบสนับสนุนเครดิตภาษี EV รวมถึงกฎระเบียบด้านอัตราการประหยัดน้ำมันและแรงจูงใจสำหรับผู้ผลิตแบตเตอรี่ ของรัฐบาลกลางจะทำให้การเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2025 และปีต่อ ๆ ไปลดลง

แต่ Cox Automotive ยังคงเชื่อมั่นว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามือสองยังคงเติบโตต่อไปได้ ซึ่งมาจากรถที่หลุดไฟแนนซ์และลีซซิง โดย Cox ระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2022 มีรถยนต์ไฟฟ้าที่ติดสัญญาประมาณ 1 ล้านคัน และจะเริ่มล้นตลาดรถยนต์มือสองในปี 2026-2027 ดังนั้น แม้ว่าโลกของรถยนต์ไฟฟ้าจะยังไม่สดใสในขณะนี้ แต่กระแสความนิยมของรถยนต์ไฟฟ้ามือสองอาจเพิ่งเริ่มต้นขึ้น


ที่มา: BloombergInside EVsThe New York Times