พาชมอีก 6 โซน SX2025 อาหาร-ศิลปะ-เยาวชน สะท้อนความยั่งยืน คือเรื่องของทุกคน

Sustainability Expo 2025 ยังมีอีกหลากหลายโซนให้ไปสัมผัส พาชมอีก 6 โซน SX2025 อาหาร-ศิลปะ-เยาวชน สะท้อนความยั่งยืน คือเรื่องของทุกคน
KEY
POINTS
- โซน BETTER WORLD ใช้ศิลปะเป็นสื่อกลางในการสร้างจิตสำนึกด้านความยั่งยืน ผ่านนิทรรศการภาพถ่ายและศิลปกรรมที่สะท้อนปัญหาสิ่งแวดล้อม
- โซน SX FOOD FESTIVAL เป็นเทศกาลอาหารขนาดใหญ่ภายใต้แนวคิด "กินเพื่อรักษ์โลก" รวบรวมร้านอาหารกว่า 160 ร้าน และเชฟชื่อดังร่วมสาธิตเมนูยั่งยืน
- โซน SX KIDS ZONE สร้างพื้นที่ให้เยาวชนเรียนรู้เรื่องความยั่งยืนและการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลกผ่านกิจกรรมและการเล่น
- ส่งเสริมไลฟ์สไตล์ยั่งยืนสำหรับทุกคนผ่านโซน SX MARKETPLACE ตลาดสินค้ารักษ์โลก และ SX REPARTMENT STORE ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนผ่านการแบ่งปัน
หลังจากพาไปอินไซด์ SX2025 กันมาแล้วกับ 4 โซนแรกที่สะท้อนทุกมิติของความยั่งยืน การบูรณาการปรัชญาดั้งเดิม นวัตกรรมสมัยใหม่ หรือการใช้ชีวิตที่สมดุล บอกเลยว่านั่นเป็นเพียง “น้ำจิ้ม” ของงานเท่านั้น เพราะในความเป็นจริง Sustainability Expo 2025 ยังมีอีกหลากหลายโซนให้ไปสัมผัส
ครั้งนี้ ‘กรุงเทพธุรกิจ’ จะพาเจาะลึก 6 โซนเด็ดที่เหลือ ที่อัดแน่นไปด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และแรงบันดาลใจ ตั้งแต่เรื่องอาหารอนาคต สุขภาพ การแก้ปัญหาคาร์บอน ไปจนถึงพลังของคนรุ่นใหม่ ที่จะทำให้คุณเข้าใจว่า “ความยั่งยืน” ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่คือเส้นทางที่ทุกคนต้องก้าวเดินร่วมกัน
5. BETTER WORLD ศิลปะสะท้อนความจริงโลก
โซน BETTER WORLD นำเสนอประสบการณ์การเรียนรู้ผ่าน Immersive Art Universe ซึ่งใช้ความงามและพลังของศิลปะเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นจิตสำนึกด้านความยั่งยืน การจัดแสดงรวบรวมผลงานศิลปะที่สะท้อนสถานการณ์ปัจจุบันของโลกและความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมที่มนุษยชาติกำลังเผชิญ
"สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์" นำเสนอผลงานจาก 2 โครงการประกวดภาพถ่ายขนาดใหญ่ ได้แก่ โครงการ "ห้วงเวลาในธรรมชาติ" ซึ่งจับภาพช่วงเวลาสำคัญของธรรมชาติในมุมมองต่าง ๆ และ ASEAN SX Photo Contest 2025 ที่มีหัวข้อ "น้ำกับการเปลี่ยนแปลง" ซึ่งเน้นการนำเสนอความสัมพันธ์ระหว่างทรัพยากรน้ำและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั้งในระดับท้องถิ่นและภูมิภาคอาเซียน
นิทรรศการศิลปกรรมช้างเผือก ครั้งที่ 14 เป็นจุดเด่นสำคัญของโซนนี้ โดยมีหัวข้อ "น้ำ กับ ความเปลี่ยนแปลง" ผลงานที่ได้รับรางวัลสะท้อนให้เห็นมุมมองของศิลปินต่อความสำคัญของน้ำและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
รางวัลช้างเผือก ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุด ตกเป็นของผลงาน "ตะเพี้ยนตะเพียน" โดย นิรัชพร น่วมเจิม ผลงานนี้นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงและความต่อเนื่องของชีวิตผ่านสัญลักษณ์ของน้ำ
รางวัลชนะเลิศตกเป็นของผลงาน "Waterworld" โดย เญอรินดา แก้วสุวรรณ ซึ่งนำเสนอโลกทัศน์เกี่ยวกับอนาคตของโลกที่น้ำมีบทบาทสำคัญ ผลงานสะท้อนการตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการทรัพยากรน้ำในยุคที่สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง
รางวัลคุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี ได้แก่ผลงาน "ธาราแห่งความงอกงาม" โดย ธีรพล สีสังข์ ผลงานนำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับพลังของน้ำในการสร้างชีวิตและความเจริญเติบโต สะท้อนถึงความหวังและความมุ่งมั่นในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน
รางวัล CEO Award ตกเป็นของผลงาน "จุดเริ่มต้น-Genesis" โดย นารา วิบูลย์สันติพงศ์ ผลงานนำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับจุดเริ่มต้นของชีวิตและความสำคัญของน้ำในฐานะแหล่งกำเนิดของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย
นอกจากการจัดแสดงผลงานศิลปะแล้ว โซนนี้ยังมีการเข้าร่วมจากองค์กรอื่น ๆ ได้แก่ ซี อาเซียน (C asean) ซึ่งนำเสนอมุมมองด้านความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และห้องภาพฉายานิติกร (Chaya Nitikorn Vintage Studio) ที่นำเสนอการถ่ายภาพในแบบดั้งเดิมที่สะท้อนคุณค่าของประวัติศาสตร์และการอนุรักษ์
โซน BETTER WORLD แสดงให้เห็นบทบาทสำคัญของศิลปะในการสื่อสารประเด็นด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม ผลงานต่าง ๆ ที่จัดแสดงไม่เพียงแต่มีความงามทางสายตา แต่ยังถ่ายทอดข้อความและความหมายที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับความท้าทายของโลกในปัจจุบัน การใช้ศิลปะเป็นสื่อกลางในการสร้างจิตสำนึกแสดงให้เห็นพลังของความคิดสร้างสรรคในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
6. SX FOOD FESTIVAL: กินเพื่อรักษ์โลก
โซนนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด "กินเพื่อรักษ์โลก" เป็นเทศกาลอาหารขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มุ่งเน้นการพิสูจน์ให้เห็นว่าการบริโภคอาหารทุกมื้อสามารถสอดคล้องกับการดูแลสิ่งแวดล้อมได้ เทศกาลให้ความสำคัญกับการเลือกใช้วัตถุดิบอย่างมีสติ การลดการใช้พลาสติก และการจัดการขยะอาหารและบรรจุภัณฑ์อย่างมีระบบ การจัดแสดงครอบคลุมร้านค้าอาหารกว่า 160 ร้าน จัดแบ่งเป็นโซนตามภูมิภาคและประเทศต่าง ๆ
- Zone A นำเสนออาหารญี่ปุ่นจากร้านดัง เช่น Sesimilk ไข่หวานบ้านซูชิ Japang Matsuri Akimitsu Tendon Thailand Oishi Eaterium และ Oishi Green Tea
- Zone B เน้นอาหารเกาหลี เช่น Oppa Seoulgood Corndog อูวาโคเรียน Ko-Ke-Kok-K0 Tudari และ Onnie Recipe
- Zone C นำเสนออาหารไทยจากทั่วประเทศ เช่น ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา เจ๊จุ๋ม ผัดไทอาซิ้ม หมูทอดเจ๊จง ขนมจีนภูเก็จ บ้านอาม่า ส้มตำคุณกัญจณ์ ข้าวขาหมูชาญเทคนิค รวมถึงบูธจาก CPF และ Café Chili
- Zone D จัดแสดงอาหารอินเดีย เช่น Mama Restaurant Indus ต้องเคบับ Al-Rahaman Restaurant YUMMZ Kulfi & Ice Cream พร้อมด้วยเนื้อโคคาร์บอนต่ำด้วยสารสกัดจากโกโก้และผลิตภัณฑ์จากวิสาหกิจชุมชนเวชไพบูณฟาร์ม
- Zone E รวบรวมอาหารจีนและสตรีทฟู้ด เช่น เหลาริมทาง Man Fu Yuan โตเป็ดย่าง อึ้งเป็งชุง นายเม้งบะหมี่ปูเกี๊ยวกุ้งยักษ์ และราดหน้าโรงเหล็ก
- Zone F นำเสนออาหารยุโรป แบ่งตามประเทศ โดยเยอรมนีมีขาหมูกรอบ By เชฟเดย์ และ Moodaengs Amphawa อังกฤษมี Hillkoff และแดรี่โฮม ส่วนฝรั่งเศสและอิตาลีมี เชฟเตย Reb Lobster Truffle House KFC และ Pasta Ama
เทศกาลได้เชิญ Celebrity Chef จากรายการชื่อดัง เช่น Master Chef Top Chef Iron Chef และ Hell's Kitchen มาสาธิตการทำอาหารและรังสรรค์เมนูที่เน้นคุณค่าทางโภชนาการและสะท้อนแนวคิดการทำอาหารอย่างยั่งยืนในทุกขั้นตอน
7. SX MARKETPLACE ตลาดสร้างสรรค์แห่งการเปลี่ยนแปลง
โซนนี้เป็นตลาดสร้างสรรค์ภายใต้แนวคิด "ชอปเปลี่ยนโลก" มุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคสู่ไลฟ์สไตล์ที่ยั่งยืน ตลาดรวบรวมร้านค้ารักษ์โลกมากกว่า 235 ร้าน ที่เน้นสินค้า "ดีต่อโลก และดีต่อคุณ"
สินค้าจัดแบ่งเป็น 4 หมวดหลัก ได้แก่ Innovation for Better Living และ Design for Low-Carbon Lifestyle พื้นที่ยังมี Market Square ซึ่งทำหน้าที่เป็นสนามทดลองนวัตกรรม ให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสและทดลองใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน
8. SX REPARTMENT STORE เศรษฐกิจหมุนเวียนผ่านการแบ่งปัน
SX REPARTMENT STORE เป็นโครงการต่อเนื่องปีที่ 3 ภายใต้แนวคิด "ร่วมให้ ร่วมแบ่งปัน เปลี่ยนของเบื่อให้เป็นบุญ" เป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนด้วยการแบ่งปัน ผู้เข้าชมสามารถบริจาคสิ่งของที่ยังใช้การได้แต่ไม่ได้ใช้แล้ว ซึ่งจะถูกนำไปจำหน่ายต่อ โดยรายได้ทั้งหมดหลังหักค่าใช้จ่ายจะมอบให้ "มูลนิธิชัยพัฒนา"
โครงการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมด้วยการสร้างงานให้กลุ่มเปราะบาง พร้อมจัดกิจกรรม "From Cloth to Tote" เป็นเวิร์กชอปฟรี 10 วัน สอนการ Upcycling เสื้อผ้าเก่าให้เป็นกระเป๋าใหม่
9. SX KIDS ZONE ปลูกฝังจิตสำนึกแห่งอนาคต
SX KIDS ZONE เป็นพื้นที่ที่ออกแบบมาเพื่อปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งอนาคตให้กับเด็ก ๆ ภายใต้แนวคิด "เปิดโลกการผจญภัย เรียนรู้ให้อยู่รอด เล่นให้รู้ปรับตัวให้เป็น" โซนนี้ประสบความสำเร็จในการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่สนุกสนานและมีความหมายสำหรับเยาวชน ผ่านการผสมผสานระหว่างการเล่น การทดลอง และการศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน
นิทรรศการ Adaptation Adventures เป็นจุดเด่นสำคัญที่นำเสนอเรื่องการปรับตัวของสัตว์และสิ่งแวดล้อมด้วยเทคนิค Sensory Play การออกแบบให้เด็กได้สัมผัสและประสบการณ์ตรงช่วยให้พวกเขาเข้าใจกลไกการปรับตัวของสิ่งมีชีวิตต่อการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมได้อย่างลึกซึ้ง วิธีการนำเสนอแบบ Interactive ทำให้แนวคิดที่ซับซ้อนกลายเป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายและน่าสนใจ
นิทรรศการ Sustainability and Whales Exhibition by CRYSTAL แสดงให้เห็นการใช้ศิลปะและการเล่าเรื่องในการสื่อสารประเด็นด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและสิ่งมีชีวิตในทะเล การนำเสนอผ่านตัวอย่างวาฬและระบบนิเวศทางทะเลช่วยให้เด็กเข้าใจถึงความเชื่อมโยงของระบบธรรมชาติและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
กิจกรรมต่าง ๆ ในโซนได้รับการออกแบบอย่างสมดุลระหว่างความบันเทิงและการศึกษา เวทีกลางที่ให้ความรู้สร้างบรรยากาศการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม Kids Weekend Market ให้โอกาสเด็กได้ทดลองเป็นผู้ประกอบการรุ่นเยาว์และเรียนรู้เรื่องการบริโภคอย่างมีสติ ส่วน Chess Kids Club พัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และการวางแผนกลยุทธ์ที่จำเป็นสำหรับการแก้ปัญหาในอนาคต
10. เครือข่ายธุรกิจเพื่อความยั่งยืน
งานสัมมนาและเครือข่ายธุรกิจเพื่อความยั่งยืนเป็นพื้นที่สำคัญที่เจาะลึกแนวทางธุรกิจยั่งยืน การจัดงานมุ่งเน้นการสร้างความเชื่อมโยงและพลังความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก แสดงให้เห็นถึงความตระหนักว่าความท้าทายด้านความยั่งยืนต้องการการแก้ไขแบบองค์รวมและการทำงานร่วมกัน
การออกแบบงานสัมมนาเพื่อค้นหาคำตอบและทางออกสำหรับความท้าทายของสังคมในยุคปัจจุบันแสดงให้เห็นแนวทางที่เป็นระบบ การเน้นการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และแนวปฏิบัติที่ดีระหว่างผู้นำธุรกิจ นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืนสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้และการพัฒนาโซลูชันใหม่ ๆ
การเป็นโอกาสในการสร้างเครือข่ายและพันธมิตรทางธุรกิจที่มุ่งสู่เป้าหมายเดียวกันคือจุดแข็งสำคัญของงานนี้ การพัฒนาธุรกิจที่สร้างผลกำไรควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคมเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับทิศทางโลกในปัจจุบัน การมีส่วนร่วมของผู้เข้าร่วมมีศักยภาพในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในวงกว้างและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
ผู้เขียน: ศุภชัย วงษ์โนนงิ้ว นักศึกษาฝึกงาน กรุงเทพธุรกิจ







