SX2025 เวทีรวมพลัง บิ๊กคอร์ปไทย-ต่างประเทศ ผลักดันโซลูชัน ตอบโจทย์ SDGs

SX2025 เวทีรวมพลัง บิ๊กคอร์ปไทย-ต่างประเทศ ผลักดันโซลูชัน ตอบโจทย์ SDGs

SX2025 เป็นมหกรรมความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ซึ่งเกิดจากการรวมพลังขององค์กรธุรกิจชั้นนำทั้งในไทยและต่างประเทศ มีเป้าหมายเพื่อผลักดันแนวทางและโซลูชันที่ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs)

KEY

POINTS

  • SX2025 เป็นมหกรรมความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ซึ่งเกิดจากการรวมพลังขององค์กรธุรกิจชั้นนำทั้งในไทยและต่างประเทศ
  • มีเป้าหมายเพื่อผลักดันแนวทางและโซลูชันที่ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs)
  • ชูแนวคิดหลัก ‘พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก’ โดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (SEP) มาเป็นแนวทางสำคัญในการขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืน

Sustainability Expo 2025 (SX2025) มหกรรมความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน เปิดฉากอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 26 กันยายน – 5 ตุลาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตอกย้ำการรวมพลังทุกภาคส่วน พร้อมขยายความร่วมมือสู่เครือข่ายนานาชาติ เพื่อขับเคลื่อนอนาคตที่ยั่งยืน

SX2025 นับเป็นเวทีมหกรรมความยั่งยืนที่เกิดจากความร่วมมือของ ผู้ร่วมก่อตั้งชั้นนำ (Co-Founders) ได้แก่ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด, บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด, บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เอสซีจี, บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

รวมถึงเครือข่าย TSCN (Thailand Supply Chain Network) และผู้สนับสนุนจากทุกภาคส่วนทั้งในไทยและต่างประเทศ ที่ร่วมแรงร่วมใจสร้างโอกาสเรียนรู้ ส่งเสริมแนวคิด และสร้างแรงบันดาลใจสู่การลงมือทำเพื่อโลกที่ยั่งยืน

SX2025 เวทีรวมพลัง บิ๊กคอร์ปไทย-ต่างประเทศ ผลักดันโซลูชัน ตอบโจทย์ SDGs

ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน

“ฐาปน สิริวัฒนภักดี” ประธานอำนวยการ Sustainability Expo 2025 และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวเปิดงานว่า SX2025 เป็นการจัดงานอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 และได้รับการยกย่องให้เป็นมหกรรมความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน

แนวคิดหลักของการจัดงานในปีนี้คือ ‘พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก’ (Sufficiency for Sustainability) และได้น้อมนำแนวทางสำคัญมาจากการปฏิบัติและหลักปรัชญาอันเป็นที่ยึดเหนี่ยว โดยอ้างอิงถึงพระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว คือ “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”

นอกจากนี้ ยังยึดมั่นในหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รวมถึงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals: SDGs) มาเป็นแนวทางหลักในการขับเคลื่อนงาน

SX2025 เวทีรวมพลัง บิ๊กคอร์ปไทย-ต่างประเทศ ผลักดันโซลูชัน ตอบโจทย์ SDGs

ผนึกกำลังภาคธุรกิจ

ด้าน “ศุภชัย เจียรวนนท์” ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่ซับซ้อน ความร่วมมือและมุมมองใหม่คือกุญแจสู่อนาคตที่ยั่งยืน เรามุ่งมั่นขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการมีส่วนร่วมใน UN SDGs และ UN Forward Faster Initiative พร้อมกำหนดพันธกิจสำคัญ ได้แก่ การเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2030 และ Net Zero ปี 2050 การลดขยะฝังกลบเป็นศูนย์ และการลดความเหลื่อมล้ำภายในปี 2030 ซึ่งทั้งหมดนี้คือพันธกิจร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อสร้างโลกที่ดีกว่าสำหรับคนรุ่นต่อไป

“ปณต สิริวัฒนภักดี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด กล่าวว่า งาน SX2025 เป็นแพลตฟอร์มที่สร้างโอกาสพบปะกับพันธมิตร และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในงานมหกรรมด้านความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดของอาเซียน ซึ่งเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ มองว่าความยั่งยืนไม่ใช่จุดหมายปลายทาง แต่เป็นการเดินทางที่ต้องอาศัยความร่วมมือและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อสังหาริมทรัพย์คือการสร้างพื้นที่ที่มีคุณค่าทั้งต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม และในขณะที่บริบทและแนวคิดเกี่ยวกับความยั่งยืนมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้จะยังคงมุ่งมั่นทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อสร้างอนาคตร่วมกันของสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น ให้มีความน่าอยู่และสามารถฟื้นฟูตัวเองได้

“ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท. มีพันธกิจหลักในการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศไทย สร้างการเติบโตควบคู่กับการบรรลุเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี พ.ศ. 2050

โดยดำเนินธุรกิจภายใต้หลัก “ความยั่งยืนอย่างสมดุล” กลุ่ม ปตท. พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการ สร้างความร่วมมือทั้งองค์กรภาครัฐ เอกชน สังคมและประชาชน เพื่อขับเคลื่อนและส่งเสริมแนวคิด ให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญของการร่วมกันลงมือทำ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญต่อทุกชีวิตและสิ่งแวดล้อม เพื่อโลกที่ดีขึ้นอย่างสมดุลและยั่งยืนต่อไป

“ธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม” กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า การปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วคือความท้าทายที่ต้องลงมือทำทันที เอสซีจีมุ่งขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมสีเขียว (Green Innovation) พร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ก้าวสู่ Net Zero ไปด้วยกัน

“ธีรพงศ์ จันศิริ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า ความยั่งยืนคือหัวใจของธุรกิจ ไทยยูเนี่ยนร่วมมือกับทุกภาคส่วนตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อสร้างความยั่งยืนตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ผ่านกลยุทธ์ SeaChange®2030 มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมอาหารทะเล ความเป็นอยู่ของผู้บริโภค และโลกของเรา

SX2025 เวทีรวมพลัง บิ๊กคอร์ปไทย-ต่างประเทศ ผลักดันโซลูชัน ตอบโจทย์ SDGs

เศรษฐกิจพอเพียงไม่ตกยุค

“หม่อมหลวงจิรพันธุ์ ทวีวงศ์” กรรมการและรองเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ได้รับมอบหมายจาก “ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล” กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา องค์ปาฐกประธานในพิธีเปิดงาน SX2025 กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงว่าเป็นหลักคิดสากลที่สอดคล้องและเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDG) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่โลกเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงและภัยพิบัติต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

"ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” (Sufficiency Economy Philosophy - SEP) เป็นปรัชญาแห่งการดำรงตนที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) ได้พระราชทานไว้ให้แก่ชาวไทยทุกคน สิ่งที่น่าสังเกตคือ พื้นฐานที่ทรงวางไว้เมื่อ 50 ปีที่แล้ว กลับกลายเป็นสิ่งที่ยังคงมีความทันสมัยอย่างยิ่ง และไม่ใช่แค่ประเทศไทยเท่านั้นที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ แต่เป็นสิ่งที่ทั่วโลกกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งสอดคล้องกับ SDGs ที่เน้นให้โลกเดินสู่ความยั่งยืน เพราะหลักคิดของเศรษฐกิจพอเพียงถือเป็นหลักความคิดที่เป็นสากลที่มุ่งพัฒนาและสร้าง ความสมดุลในมิติสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม กันอย่างกลมกลืน"

SX2025 เวทีรวมพลัง บิ๊กคอร์ปไทย-ต่างประเทศ ผลักดันโซลูชัน ตอบโจทย์ SDGs

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่สายตาโลก

ในพิธีเปิดงานได้มีวงเสวนาเพื่อหารือถึงแนวทางในการสื่อสารและเผยแพร่ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” (SEP) ของรัชกาลที่ 9 ให้เป็นที่เข้าใจในระดับนานาชาติ โดยการเสวนามีผู้ร่วมอภิปรายคือ “ดร.ฮันส์-พอล เบิร์กเนอร์” หุ้นส่วนอาวุโสและประธานกิตติมศักดิ์ระดับโลกของ Boston Consulting Group (BCG) และ “จอร์จ เอ็ม. เซียติส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Resolution Project

“ดร. เบิร์กเนอร์” กล่าวว่า ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่รัชกาลที่ 9 ได้ทรงวางรากฐานไว้ ประกอบด้วยคุณค่า 4 ประการ ได้แก่ ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การมีภูมิคุ้มกัน และเงื่อนไขความรู้และคุณธรรม สอดคล้องกับคุณค่าหลักที่หลายสังคมทั่วโลกกำลังพูดถึงและดำเนินการอยู่ เช่น ความปรองดอง ความมั่นคง และความยั่งยืน

“แม้ว่าผู้คนอาจจะใช้คำที่แตกต่างกันหรือเน้นบางประเด็นต่างกัน แต่คุณค่าหลักนั้นมีการแบ่งปันกันอย่างกว้างขวาง

เขายังเน้นย้ำว่าปรัชญานี้มีความสำคัญทางเศรษฐกิจอย่างยิ่งในการลดการใช้ทรัพยากรและพลังงาน โดยชี้ให้เห็นว่ามีการสูญเสียทรัพยากรและการรั่วไหลมากมาย

นอกจากนี้ องค์ประกอบสำคัญของปรัชญานี้คือการเปิดโอกาสให้เด็ก เยาวชน และผู้คนทั่วโลกสามารถกำหนดชะตากรรมของตนเองได้ เพื่อสร้างชีวิตที่ดีขึ้น ไม่เพียงแต่สำหรับตนเองและครอบครัว แต่ยังรวมถึงชุมชนที่พวกเขาอาศัยอยู่ด้วย”

ด้าน “เซียติส” ได้มองว่า แก่นของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้นอยู่ที่บทบาทของการพัฒนาชุมชน ซึ่งหมายถึงการมีส่วนร่วมและการสร้างความเข้มแข็งของความผูกพันในชุมชนเพื่อสร้างความยืดหยุ่น (resilience) ความยืดหยุ่นนี้คือการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต และเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่เรายังไม่ทราบ

“สิ่งที่โดดเด่นและเป็นบทเรียนสำคัญของ SEP คือการบังคับให้เราเผชิญหน้ากับคำถามสำคัญที่ว่า อะไรคือความพอเพียง สำหรับครอบครัว ชุมชน องค์กร หรือประเทศและโลกของเรา แม้ว่าคนเราจะสามารถแสวงหาสิ่งที่ใหญ่กว่า ดีกว่า และเติบโตได้เสมอ แต่ทั้งหมดนั้นก็ต้องมีจุดสิ้นสุดว่า เพื่ออะไร"

“เซียติส” กล่าวด้วยว่า หนึ่งในการวิพากษ์วิจารณ์ที่มีมานานของ SDGs คือการที่ไม่เคยบอกว่า “ทำอย่างไร” (how) ดังนั้น ข้อความสำคัญที่โลกควรได้รับจากการสนทนานี้คือ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนำเสนอกรอบแนวคิดเกี่ยวกับวิธีการเข้าถึงเป้าหมายและวิธีบรรลุเป้าหมายเหล่านั้น ซึ่งถือเป็นข้อความที่มีพลังมาก