‘การบินไทย’สู่สายการบินสีเขียว มุ่งสู่ความภูมิใจคนไทยทั้งชาติ

‘การบินไทย’สู่สายการบินสีเขียว มุ่งสู่ความภูมิใจคนไทยทั้งชาติ

‘การบินไทย’ พลิกโฉมสู่สายการบินสีเขียว ตั้งเป้า Net Zero ปี 2050 ดันใช้เชื้อเพลิงการบินยั่งยืน (SAF) สร้างความยั่งยืน-สร้างความภูมิใจให้คนไทยทั้งชาติ

KEY

POINTS

  • การบินไทยมุ่งสู่การเป็นสายการบินเพื่อความยั่งยืน หรือ "สายการบินสีเขียว" เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย
  • ดำเนินกลยุทธ์ 3 มิติเพื่อความยั่งยืน ได้แก่ การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ (From Plane to Planet) การสร้างรายได้จากของเหลือใช้ (From waste to wealth) และการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (From purple to purpose)
  • ตั้งเป้าหมายใช้เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (SAF) เพื่อลดการปล่อยคาร์บอน โดยมีเป้าหมายใช้ 2% ในปี 2025 และมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050

"รักคุณเท่าฟ้า" วลีที่ใครที่เคยเดินทาง ท่องเที่ยว ด้วยสายการบินแห่งชาติอย่าง “การบินไทย” คงจะคุ้นหูอยู่ไม่น้อย โดยหลังจากที่บริษัทต้องเผชิญกับผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 จนต้องเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการและการปรับโครงสร้างบริษัทครั้งใหญ่ ทั้งการเปลี่ยนรูปแบบของบริษัทจากรัฐวิสาหกิจมาเป็นบริษัทเอกชน การเปลี่ยนทีมผู้บริหาร จนในที่สุดการบินไทยก็สามารถกลับมา “โบยบิน” ได้อีกครั้ง และหากพิจารณาจากราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากจากราคาหุ้นเพิ่มทุนที่ 4.48 บาท ก็สะท้อนถึงความมั่นใจที่นักลงทุนมีต่อ “การบินไทย”

ภารกิจต่อไปของการบินไทยคือการสร้างความเชื่อมั่นต่อทุกภาคส่วน ไม่เพียงแต่จากผู้โดยสารชาวไทยในประเทศเท่านั้นแต่รวมถึงการยอมรับจากทั่วโลกด้วย ด้วยเหตุนี้การบินไทยจึงได้ส่งเสริมแนวทางเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Development ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นสายการบินที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและโลกให้น้อยที่สุด ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการบริการด้านการเดินทาง โดยตั้งเป้าที่จะเป็นสายการบินที่คนไทยภาคภูมิใจ

เมื่อเร็วๆนี้ในงาน MFLF Sustainability Forum 2025 ที่จัดขึ้นโดยมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ในพระบรมราชูปถัมภ์ภายใต้แนวคิด วิกฤตโลก ทางออกไทย (Global Challenges, Local Solutions at Scale)

‘การบินไทย’สู่สายการบินสีเขียว มุ่งสู่ความภูมิใจคนไทยทั้งชาติ

นายทวิโรจน์ ทรงกำพล ประธานเจ้าหน้าที่สายกลยุทธ์องค์กร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการปรับตัวของการบินไทยเพื่อก้าวเข้าสู่สายการบินยั่งยืนว่าในยุคปัจจุบันธุรกิจใดก็ตามที่ไม่เพียงแต่ประสบความสำเร็จในแง่ของการเติบโตแต่ยังสามารถตอบแทนสังคมและสร้างความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อมได้ ก็ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จอย่างยิ่งของธุรกิจนั้น

นายวิโรจน์ชี้ว่า เป็นที่ทราบกันว่าการขนส่งทางอากาศได้สร้างมลพิษจากการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจกในปริมาณที่ค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้นการช่วยลดความกังวลให้แก่ผู้โดยสารในการลดมลพิษต่อโลกจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่การบินไทย รวมทั้งส่งเสริมความยั่งยืนไปพร้อมกัน โดยแผนการดำเนินการเพื่อนำการบินไทยไปสู่สายการบินยั่งยืน มีด้วยกันสามมิติ ได้แก่

1.From Plane to Planet หรือการส่งเสริมการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การส่งเสริมให้พนักงานส่งคืนชุดเครื่องแบบพนักงานที่ไม่ใช้แล้ว เพื่อนำมาเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล ถักทอใหม่ด้วยเส้นใยจากขวดพลาสติก PPT หรือการนำเครื่องยนต์เครื่องบินที่ไม่ได้ใช้ มาปรับปรุงและซ่อมแซมโดยช่างที่มีความสามารถของการบินไทย จากนั้นก็ขายต่อให้กับบริษัทที่ต้องการใช้งาน เป็นต้น

2.From waste to wealth หรือการนำสิ่งของที่ไม่ได้ใช้งานแล้วมาสร้างให้เกิดรายได้ เช่น การนำเสื้อชูชีพที่หมดอายุการใช้งานแล้วมาทำเป็นกระเป๋าและนำมาจำหน่ายต่อที่ร้านค้าของบริษัท โดยในขั้นตอนกระบวนการผลิต การบินไทยยังได้สนับสนุนการดำเนินงานในธุรกิจชุมชน ให้ชาวบ้านช่วยเย็บหมอน เย็บผ้าห่ม เป็นกระจายความมั่งคั่งไปสู่ชุมชน ช่วยอุดหนุนผู้ประกอบการในประเทศทั้งเล็กและใหญ่ นอกจากนี้ การนำผลิตภัณฑ์และสินค้าของไทยขึ้นไปให้บริการบนเครื่องบิน ยังเป็นการช่วยส่งเสริมสินค้าไทยสู่สายตาของนานาชาติ

3.From purple to purpose หรือการดำเนินความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม (CSR) โดยเปลี่ยนแนวทางการทำงานเพื่อส่วนรวมในอนาคตต้องมีผลลัพธ์จับต้องได้

‘การบินไทย’สู่สายการบินสีเขียว มุ่งสู่ความภูมิใจคนไทยทั้งชาติ

ปัจจุบัน การบินไทยอยู่ภายใต้การควบคุมมาตรฐานสายการบินยั่งยืนระดับโลก ซึ่งส่วนใหญ่เน้นไปที่การใช้เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (SAF) โดยอยู่ภายใต้กรอบของ โครงการ Carbon Offsetting and Reduction Scheme for International Aviation (CORSIA)  ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO)

นอกจากนี้ยังมีองค์กรอื่นๆ เช่น สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ซึ่งเชื้อเพลิง SAF จะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้สูงถึง 80% เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงโดยปกติ โดยการบินไทยมีเป้าหมายในการใช้น้ำมัน SAF 2% ในปี 2025 และมีเป้าหมายที่จะใช้เพิ่มขึ้น เพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็นสายการบินที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์หรือ “Net Zero” ภายในปี 2050

 

“ในวันนี้การร่วมมือกันเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมในระดับประเทศนั้น ไม่เพียงพออีกแล้ว เราต้องก้าวไปสู่อีกระดับคือระดับโลกเพื่อทำให้เป้าหมายประสบความสำเร็จ”

โดยก่อนหน้านี้การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับบริษัท PTT global chemical, บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น และบริษัท ปตท. ที่ส่งเสริมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuels: SAF) ในประเทศไทย อาจเป็นหนึ่งในเครื่องยืนยันการส่งเสริมแนวทางความยั่งยืนดังกล่าว

การเปลี่ยนแปลงสู่สายการบินแห่งความยั่งยืนในครั้งนี้ เป็นการพลิกโฉมธุรกิจ ที่มีการตั้งเป้าหมายเอาไว้อย่างชัดเจน แต่ความตั้งใจดังกล่าวจะเป็นจริงได้มากน้อยแค่ไหนอาจต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์

โดยหากการบินไทยสามารถทำตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ได้สำเร็จ ก็จะนำมาทั้งความเชื่อมั่นของผู้ใช้บริการ และสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยอย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้