SX2025 เปิดวงเสวนา นานาชาติยกย่อง 'เศรษฐกิจพอเพียง' เป็นวิธีปฏิบัติสู่ SDGs

งาน Sustainability Expo 2025 (SX2025) จัดเวทีเสวนาที่ผู้เชี่ยวชาญนานาชาติยกย่อง "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" (SEP) ว่าเป็นแนวคิดสากลเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
KEY
POINTS
- งาน Sustainability Expo 2025 (SX2025) จัดเวทีเสวนาที่ผู้เชี่ยวชาญนานาชาติยกย่อง "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" (SEP) ว่าเป็นแนวคิดสากลเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
- หลักการของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เช่น ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการมีภูมิคุ้มกัน สอดคล้องกับค่านิยมที่หลายสังคมทั่วโลกให้ความสำคัญ และช่วยลดการสูญเสียทรัพยากร
- ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงถูกมองว่าเป็น "วิธีการ" หรือแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน ซึ่งสามารถนำไปใช้เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ได้จริง
นานาประเทศและชาวต่างชาติหันมาให้ความสนใจ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” (Sufficiency Economy Philosophy: SEP) ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) ในฐานะแนวคิดที่มีความเป็นสากลสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืน หลักพอประมาณ เหตุผล และภูมิคุ้มกัน ไม่เพียงเป็นรากฐานการพัฒนาของไทย แต่ยังถูกมองว่าเป็นทางเลือกใหม่ที่ช่วยสร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่ออนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนร่วมกันของโลก
ดัวยเหตุนี้ Sustainability Expo 2025 จึงได้มีการจัดวงเสวนาเพื่อหารือถึงแนวทางในการสื่อสารและเผยแพร่ "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" ให้เป็นที่เข้าใจในระดับนานาชาติ โดยการเสวนามีผู้ร่วมอภิปรายคือ “ดร.ฮันส์-พอล เบิร์กเนอร์” หุ้นส่วนอาวุโสและประธานกิตติมศักดิ์ระดับโลกของ Boston Consulting Group (BCG) และ “จอร์จ เอ็ม. เซียติส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Resolution Project
ค่านิยมหลักของ SEP
"ดร. เบิร์กเนอร์" กล่าวว่า ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้ทรงวางรากฐานไว้ ซึ่งประกอบด้วยคุณค่า 4 ประการ ได้แก่ ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การมีภูมิคุ้มกัน และเงื่อนไขความรู้และคุณธรรม สอดคล้องกับคุณค่าหลักที่หลายสังคมทั่วโลกกำลังพูดถึงและดำเนินการอยู่ เช่น ความปรองดอง ความมั่นคง และความยั่งยืน แม้ว่าผู้คนอาจจะใช้คำที่แตกต่างกันหรือเน้นบางประเด็นต่างกัน แต่คุณค่าหลักนั้นมีการแบ่งปันกันอย่างกว้างขวาง
“ปรัชญานี้มีความสำคัญทางเศรษฐกิจอย่างยิ่งในการลดการใช้ทรัพยากรและพลังงาน โดยชี้ให้เห็นว่ามีการสูญเสียทรัพยากรและ "การรั่วไหล" มากมาย ตัวอย่างเช่น อาหารที่สูญเสียไปตั้งแต่ฟาร์มไปจนถึงตู้เย็นอาจสูงถึงร้อยละ 20, 30 หรือบางครั้งถึงร้อยละ 50
ธุรกิจสามารถทำงานได้ดีขึ้นสำหรับตนเองและเพื่อโลกได้ด้วยการดำเนินงานอย่างประหยัดมากขึ้น นอกจากนี้ องค์ประกอบสำคัญของปรัชญานี้คือการเปิดโอกาสให้เด็ก เยาวชน และผู้คนทั่วโลกสามารถกำหนดชะตากรรมของตนเองได้ เพื่อสร้างชีวิตที่ดีขึ้น ไม่เพียงแต่สำหรับตนเอง"
ความท้าทาย สื่อสารและก้าวต่อไป
“ดร. เบิร์กเนอร์” ได้ให้คำแนะนำในการสื่อสารเรื่อง SEP ว่า เนื่องจากค่านิยมมีความคล้ายคลึงกันในหลายส่วนของโลก สิ่งสำคัญคือการค้นหาองค์กรที่เป็นพันธมิตร เช่น Enactus หรือมูลนิธิอื่นๆ ที่ต้องการสานต่อปรัชญานี้ แต่ควรอนุญาตให้พันธมิตรเหล่านั้นใช้ถ้อยคำของตนเองในการถ่ายทอดข่าวสาร เพื่อสร้างแรงผลักดันให้กับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมากยิ่งขึ้น
แม้จะมีข่าวเชิงลบมากมาย เช่น ภัยพิบัติ น้ำท่วม หรือภัยแล้ง แต่เราต้องมีความมั่นใจว่าเราสามารถทำให้มันสำเร็จได้ โชคชะตายังคงอยู่ในมือของเรา และมันไม่ใช่สาเหตุที่หมดหวัง ธีมของการจัดงานในปีนี้คือ "การปรับตัวและความร่วมมือ" (adaptation and collaboration) และเราทุกคนต้องสร้างอนาคตด้วยตัวเอง
หนทางสู่ SDGs
ด้าน “เซียติส” ได้มองว่าแก่นของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้นอยู่ที่บทบาทของการพัฒนาชุมชน ซึ่งหมายถึงการมีส่วนร่วมและการสร้างความเข้มแข็งของความผูกพันในชุมชนเพื่อสร้างความยืดหยุ่น (resilience) ความยืดหยุ่นนี้คือการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต และเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่เรายังไม่ทราบ
“สิ่งที่โดดเด่นและเป็นบทเรียนสำคัญของ SEP คือการบังคับให้เราเผชิญหน้ากับคำถามสำคัญที่ว่า ‘อะไรคือความพอเพียง (enough)?’ สำหรับครอบครัว ชุมชน องค์กร หรือประเทศและโลกของเรา แม้ว่าคนเราจะสามารถแสวงหาสิ่งที่ใหญ่กว่า ดีกว่า และเติบโตได้เสมอ แต่ทั้งหมดนั้นก็ต้องมีจุดสิ้นสุดว่าเพื่ออะไร"
นอกจากนี้ “เซียติส” ได้เชื่อมโยง SEP กับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals - SDGs) โดยระบุว่า หนึ่งในการวิพากษ์วิจารณ์ที่มีมานานของ SDGs คือการที่มันไม่เคยบอกว่า "ทำอย่างไร" (how) ดังนั้น ข้อความสำคัญที่โลกควรได้รับจากการสนทนานี้คือ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนำเสนอ กรอบแนวคิดเกี่ยวกับวิธีการเข้าถึงเป้าหมายและวิธีบรรลุเป้าหมายเหล่านั้น ซึ่งถือเป็นข้อความที่มีพลังมาก







