มูลนิธิชัยพัฒนา ชู 'เศรษฐกิจพอเพียง' บนเวที SX2025 กุญแจเชื่อม SDGs ระดับสากล

มูลนิธิชัยพัฒนาชูปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงบนเวที SX2025 ว่าเป็นหลักคิดสากลและเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของโลก
KEY
POINTS
- มูลนิธิชัยพัฒนาชูปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงบนเวที SX2025 ว่าเป็นหลักคิดสากลและเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของโลก
- หลักปรัชญาดังกล่าวประกอบด้วย 3 หลักการสำคัญ คือ ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการมีภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นแนวคิดที่ทันสมัยและสอดคล้องกับความพยายามสร้างความยั่งยืนในระดับโลก
- การนำหลักปรัชญาไปใช้ให้เกิดผลต้องอาศัยเงื่อนไขด้านความรู้และคุณธรรมควบคู่กัน เพื่อสร้างความสมดุลในมิติสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม
แม้ความพยายามในการขับเคลื่อนโลกสู่ความยั่งยืนจะทวีความเข้มข้นขึ้นในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา แต่โลกยังคงเผชิญความท้าทายใหญ่ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติสภาพภูมิอากาศ ภัยพิบัติ ไปจนถึงความขัดแย้งและสงครามที่ปะทุขึ้นในหลายภูมิภาค
"หม่อมหลวงจิรพันธุ์ ทวีวงศ์" กรรมการและรองเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ได้รับมอบหมายจาก "ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล" กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา องค์ปาฐกประธานในพิธีเปิดงาน Sustainability Expo 2025 (SX2025) กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงว่าเป็นหลักคิดสากลที่สอดคล้องและเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDG) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่โลกเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงและภัยพิบัติต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
“ปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และประชากรโลกต้องยอมรับและปรับตัวเพื่อเพิ่มความสามารถในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาและกติกาทางสังคม เช่น Sustainable Development Goal (SDGs) ภายในปี 2030 หรืออีก 5 ปีข้างหน้า
ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้บรรลุเป้าหมายในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ ที่มีการเข้าถึงวัคซีนที่ดีขึ้นหลังการระบาดของโควิด-19
ขณะที่ด้านพลังงาน ก็มีการเข้าถึงพลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ นอกจากนี้ ในด้านอุตสาหกรรม นวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทยมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานกันอย่างมาก ซึ่งถือเป็นความสำเร็จและพื้นฐานของการพัฒนาอันยั่งยืนต่อไป พร้อมกันนี้ หลายประเทศยังได้ประกาศเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050”
เศรษฐกิจพอเพียง หลักสากล
"ม.ล. จิรพันธุ์" กล่าวด้วยว่า SEP เป็นปรัชญาแห่งการดำรงตนที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานไว้ให้แก่ชาวไทยทุกคน
สิ่งที่น่าสังเกตคือ พื้นฐานที่ทรงวางไว้เมื่อ 50 ปีที่แล้ว กลับกลายเป็นสิ่งที่ยังคงมีความทันสมัยอย่างยิ่ง และไม่ใช่แค่ประเทศไทยเท่านั้นที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ แต่เป็นสิ่งที่ทั่วโลกกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งสอดคล้องกับ SDGs ที่เน้นให้โลกเดินสู่ความยั่งยืน เพราะหลักคิดของเศรษฐกิจพอเพียงถือเป็นหลักความคิดที่เป็นสากลที่มุ่งพัฒนาและสร้าง ความสมดุลในมิติสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม กันอย่างกลมกลืน
สามหลักการสู่ความยั่งยืน
"ม.ล. จิรพันธุ์" ได้ชี้แจงแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนที่อาศัยแนวร่วมปรัชญาการดำรงชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ดังนี้
1. หลักภูมิคุ้มกัน (Resilience/Immunity): การดำเนินการเพื่อรับมือความเสี่ยงและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา โดยต้องมีการประเมินความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา
- ตัวอย่างแรก: ท่านได้ยกตัวอย่าง เกษตรทฤษฎีใหม่ ที่ รัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานไว้ สำหรับเกษตรกร โดยในพื้นที่ตัวอย่าง 15 ไร่ จะมีการแบ่ง 30% เพื่อเก็บน้ำไว้ ในสระ ซึ่งน้ำนี้จะทำหน้าที่เป็นภูมิคุ้มกันในการปลูกข้าว กรณีที่เกิดฝนทิ้งช่วง
- ตัวอย่างที่สอง: โครงการ เขื่อนเก็บน้ำป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นภูมิคุ้มกันของกรุงเทพมหานครในเรื่องน้ำท่วม โดยสามารถเก็บน้ำไว้และปล่อยน้ำตามความเหมาะสม
2. หลักความประมาณ (Moderation): ในการพามนุษยชาติไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ควรใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อบรรลุเป้าหมาย เมื่อทรัพยากรเริ่มร่อยหรอ การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรควรพิจารณาจากสิ่งที่มีอยู่ โดยเน้นการ พึ่งพาตนเอง ก่อนที่จะไปพึ่งพาปัจจัยภายนอก เพื่อไม่ให้เราทำอะไรเกินตัว
3. หลักความมีเหตุผล (Reasonableness): การดำเนินการต้องพิจารณาทางเลือกต่างๆ อย่างรอบด้าน เห็นเหตุและผลกระทบของทางเลือกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยการเริ่มต้นพัฒนาควรเริ่มจากภายใน หรือในท้องถิ่น ซึ่งต้องไม่ละเลยมิติทางวัฒนธรรมที่จะช่วยเชื่อมโยงให้เกิดการพัฒนาร่วมกันอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงหลักภูมิสังคม ในสภาพภูมิศาสตร์และสังคมวัฒนธรรมในท้องถิ่นพื้นที่นั้น
มูลนิธิชัยพัฒนาและคุณธรรม
"ม.ล.จิรพันธุ์" กล่าวเสริมว่า การดำเนินการใดๆ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายของ SDG ยังต้องอาศัย หลักความรู้ และการดำรงอยู่ใน คุณธรรม ตลอดเวลา ซึ่งหมายถึงการดำเนินการที่ไม่ให้มีผลกระทบทางด้านลบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และไม่ถูกสนิทคอร์รัปชัน
ในส่วนของ มูลนิธิชัยพัฒนาเอง ได้มีการดำเนินงานด้านความมั่นคงทางอาหารอย่างเป็นรูปธรรม เห็นได้จากโครงการพัฒนาแหล่งผลิตพืชจักรพรรดิสิรินธร ในจังหวัดเชียงราย สระบุรี และสุรินทร์ โครงการเหล่านี้ผลิตเมล็ดพันธุ์สำรองไว้ เพื่อใช้ยามที่ประเทศชาติประสบภาวะวิกฤตหรือภัยพิบัติต่างๆ โดยให้ประชาชนนำไปปลูกกินเอง ขาย และแบ่งปัน ซึ่งเห็นได้ชัดว่า ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ประเทศไทยสามารถผลิตอาหารได้อย่างเพียงพอและไม่เดือดร้อนเท่าไรนัก
ในตอนท้าย "ม.ล. จิรพันธุ์" ได้ฝากข้อความจาก "ดร. สุเมธ" ว่า อยากให้ทุกคนใช้สถานการณ์ต่างๆ เหล่านี้ ให้เป็นจุดแรงใจ ให้เราหันมาเอาใจใส่สังคมและสิ่งแวดล้อมร่วมกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีและอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีด้วยเช่นกัน
พร้อมทั้งหวังว่า กิจกรรมในงาน Sustainability Expo ครั้งนี้ จะสร้างความเข้าใจ ความตระหนักรู้ และแรงบันดาลใจ เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถนำสิ่งที่ได้รับกลับไปเป็นแนวทางในการลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง ดังเช่นที่ในรัชกาลที่ 9 ได้ทรงทำเป็นตัวอย่างแล้ว







