ชุบชีวิต ‘นกโดโด’ ด้วยการตัดต่อพันธุกรรมเซลล์จากนกพิราบ

Colossal Biosciences บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพสหรัฐ เผยความคืบหน้าในการดัดแปลงพันธุกรรม “นกโดโด” จากเซลล์ของนกพิราบ
KEY
POINTS
- นักวิทยาศาสตร์กำลังพยายามชุบชีวิตนกโดโดที่สูญพันธุ์ไปแล้ว โดยใช้เทคโนโลยีตัดต่อพันธุกรรมจากเซลล์ของนกพิราบซึ่งเป็นญาติใกล้ชิด
- ความคืบหน้าสำคัญคือการเพาะเลี้ยง "เซลล์สืบพันธุ์แรกเริ่ม" (PGCs) จากนกพิราบได้สำเร็จ ซึ่งจะถูกนำไปดัดแปลงพันธุกรรมให้เหมือนนกโดโด และใช้ไก่เป็นสัตว์อุ้มบุญในการสร้างลูกนก
- ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนมองว่าผลลัพธ์ที่ได้จะไม่ใช่นกโดโดที่แท้จริง แต่เป็นสัตว์ลูกผสมที่ถูกดัดแปลงให้มีลักษณะคล้ายคลึงเท่านั้น โดยคาดว่าโครงการนี้จะใช้เวลาอย่างน้อย 5-7 ปี
“นกโดโด” นกยักษ์ที่บินไม่ได้ สูญพันธุ์ไปเมื่อ 400 ปีก่อนด้วยน้ำมือมนุษย์ นักวิจัยพยายามหาทางชุบชีวิตนกชนิดมาโดยตลอด และในตอนนี้ก็มีความคืบหน้ามากขึ้นแล้ว โดยนักวิทยาศาสตร์ Colossal Biosciences บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพในสหรัฐ เปิดเผยว่า พวกเขาประสบความสำเร็จในการเพาะเลี้ยงเซลล์เฉพาะทางจาก “นกพิราบ” ซึ่งเป็นญาติใกล้ชิดของนกโดโดที่ยังมีชีวิตอยู่
แม้ในตอนนี้จะยังคงห่างไกลจากในการชุบชีวิตนกโดโดที่เดินได้และมีชีวิตอีกครั้ง แต่ Colossal อธิบายว่าความก้าวหน้านี้เป็นก้าวสำคัญ
“นี่เป็นก้าวที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับโครงการนกโดโด และสำหรับการอนุรักษ์นกในวงกว้าง ถือเป็นก้าวแรกที่เราทำมานาน และในตอนนี้เราก็พร้อมลุยแล้ว” เบธ ชาปิโร หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิทยาศาสตร์ของ Colossal กล่าว
เมื่อเดือนเมษายน 2025 บริษัทได้สร้างความตื่นเต้นในแก่โลก ด้วยให้กำเนิด “หมาป่าไดร์วูล์ฟ” 3 ตัว ซึ่งสูญพันธุ์ไปเมื่อกว่า 10,000 ปีก่อน ด้วยเทคนิค “การดัดแปลงพันธุกรรม” ประกอบทางพันธุกรรมของหมาป่าสีเทา ซึ่งเป็นกระบวนการที่บริษัทเรียกว่าการคืนชีพ
นอกจาก หมาป่าไดร์วูล์ฟกับนกโดโดแล้ว บริษัทยังพยายามจะคืนชีพแมมมอธขนยาว เสือแทสเมเนียน และนกโมอา ซึ่งเป็นนกที่บินไม่ได้อีกชนิด
Colossal ยังประกาศระดมทุนเพิ่มเติมอีก 120 ล้านดอลลาร์สำหรับโครงการนี้ ทำให้นับตั้งแต่เปิดตัวโครงการในเดือนกันยายน 2021 มีเงินรวม 555 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม เทคนิคที่ใช้ในการนำนกอย่างโดโดกลับมา แตกต่างจากเทคนิคที่บริษัทใช้ในการสร้างไดร์วูล์ฟ เนื่องจากนกเจริญเติบโตในไข่และไม่สามารถโคลนนิ่งได้ในลักษณะเดียวกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ทำให้กระบวนการนี้ท้าทายมากขึ้น
“สำหรับนก ส่วนที่ช้าที่สุดของกระบวนการนี้คือเราต้องสร้างนกสองรุ่น เราไม่สามารถโคลนนิ่งเซลล์ได้ ดังนั้นเราจึงต้องสร้างแม่และพ่อแยกกัน แล้วจึงค่อยผสมพันธุ์เพื่อให้ได้ยีนทั้งสองชุดที่ได้รับการดัดแปลง กระบวนการทั้งหมดจึงค่อนข้างช้า” ชาปิโรกล่าว
เพาะเลี้ยงเซลล์สืบพันธุ์
นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบวิธีการเพาะเลี้ยงเซลล์ชนิดสำคัญที่เรียกว่า “เซลล์สืบพันธุ์แรกเริ่ม” (Primordial germ cells: PGC) ทำหน้าที่เป็นสารตั้งต้นของเซลล์ไข่และอสุจิ จากนกพิราบธรรมดา (Columba livia) ซึ่งพบได้ตามเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก อีกทั้งนกชนิดนี้มีการผสมพันธุ์อย่างกว้างขวางและมีสายเลือดใกล้ชิดกับนกโดโดมากที่สุดในปัจจุบัน
แอนนา คีย์ต ผู้อำนวยการฝ่ายนกของ Colossal กล่าวว่า ก่อนหน้านี้นักวิทยาศาสตร์สามารถเพาะเลี้ยงเซลล์สืบพันธุ์แรกเริ่มในไก่และห่านได้ ซึ่งถูกตีพิมพ์เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว แต่สูตรนี้ไม่สามารถนำไปใช้กับนกชนิดอื่น ๆ ได้ แม้แต่นกกระทา ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีความใกล้ชิดก็ตาม ดังนั้นการค้นพบสูตรสำหรับนกพิราบของ Colossal ช่วยขยายขอบเขตเทคโนโลยีการสืบพันธุ์ของนกอย่างมาก และเป็นรากฐานสำหรับงานด้านนกโดโด
ทีมวิจัยได้ทดสอบสูตรอาหารมากกว่า 300 สูตร ก่อนที่จะได้ส่วนผสมที่เหมาะสมของปัจจัยการเจริญเติบโต โมเลกุล และสารเมตาบอไลต์ ซึ่งช่วยให้เซลล์สืบพันธุ์นกพิราบสามารถเจริญเติบโตได้นานถึง 60 วัน
ขั้นตอนต่อไปคือการพยายามใช้เซลล์เหล่านี้ เพื่อสร้างนกพิราบที่มีชีวิตซึ่งเกิดจากเซลล์ดังกล่าว เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันแนวคิด
ในขณะเดียวกัน Colossal กำลังพยายามเพาะเลี้ยงเซลล์สืบพันธุ์ดั้งเดิมของนกพิราบนิโคบาร์ ซึ่งมีความใกล้ชิดกับนกโดโดมากกว่า โดยในตอนนี้ได้จัดตั้งอาณานิคมเพาะพันธุ์นกเหล่านี้ในรัฐเท็กซัส และเริ่มเก็บเซลล์สืบพันธุ์แรกเริ่มแล้ว
นอกเหนือจากนั้น Colossal ต้องสามารถดัดแปลงเซลล์สืบพันธุ์ของนกพิราบนิโคบาร์ให้มีลักษณะเหมือนนกโดโด โดยอาศัยข้อมูลจีโนมของนกที่สูญพันธุ์ซึ่งเก็บรักษาไว้ในตัวอย่างจากพิพิธภัณฑ์
จากนั้นนักวิทยาศาสตร์จะฉีด PGC ของนกพิราบนิโคบาร์ที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมเข้าไปในตัวอ่อนของไก่ทั่วไป ทั้งไก่ตัวผู้และไก่ตัวเมีย ที่ได้รับการดัดแปลงพันธุกรรมไม่ให้สร้างเซลล์สืบพันธุ์ของตัวเอง ทั้งนี้นักวิจัยนิยมไก่ในการทดลองมากกว่านกพิราบ เพราะไก่บินไม่ได้ เลี้ยงง่ายกว่า และรู้วิธีดัดแปลงพันธุกรรมของไก่อยู่แล้ว
นักวิจัยหวังว่า เซลล์สืบพันธุ์แรกเริ่มของนกพิราบนิโคบาร์ที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมจะสามารถพัฒนาเป็นไข่และอสุจิที่ใช้งานได้ หากทุกอย่างเป็นไปตามคาด เซลล์ไข่และอสุจิของลูกไก่ที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมฟักออกมาจะมีลักษณะทางพันธุกรรมที่คล้ายกับนกโดโด
เบน แลมม์ ซีอีโอของ Colossal Biosciences คาดว่า กระบวนการทั้งหมดนี้จะใช้เวลาอย่างน้อย 5-7 ปี
เรียกว่าคืนชีพได้จริง?
นักวิจารณ์กล่าวว่า แม้นักวิจัยของ Colossal จะกำลังพัฒนาสาขาพันธุวิศวกรรม แต่ความจริงแล้วไม่ได้ถือว่าเป็นการคืนชีพสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว เพราะสัตว์ที่ได้ออกมาก็ถือว่าเป็นสายพันธุ์ลูกผสมที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมได้เท่านั้น
“โดโดเป็นสัตว์ในวงศ์นกพิราบและนกเขา ดังนั้นหากโดโดมียีนหลายอย่างที่เหมือนกันกับนกพิราบนิโคบาร์ ในทางทฤษฎีแล้ว นักวิทยาศาสตร์เพียงแค่ใส่ยีนเฉพาะของโดโดเข้าไปในเซลล์สืบพันธุ์ หรือแก้ไขยีนของนกพิราบให้มีลักษณะคล้ายโดโด วิธีนี้อาจทำให้นกมีลักษณะเหมือนโดโดได้” สก็อตต์ แมคดูกัล-แชคเคิลตัน ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้อำนวยการศูนย์วิจัยนกขั้นสูง มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น ในลอนดอน รัฐออนแทรีโอ กล่าว
เขากล่าวว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะนำสัตว์ที่สูญพันธุ์กลับคืนมา เพราะสัตว์เหล่านี้มีมากกว่าแค่ชุดยีน โดยในระหว่างการพัฒนา จีโนมจะมีปฏิสัมพันธ์กับจีโนมของพ่อแม่ ฮอร์โมน และสภาพแวดล้อม ทำให้ยีนถูกสร้างในรูปแบบที่ซับซ้อน ซึ่งมนุษย์ไม่สามารถรู้โครงสร้างเหล่านี้ในสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วและทำซ้ำได้เลย
“แม้ว่าการดัดแปลงพันธุกรรมและการใส่ยีนสัตว์ที่สูญพันธุ์เข้าไปในสัตว์ปัจจุบันจะเป็นเรื่องที่น่าประทับใจ แต่การเรียกสิ่งนี้ว่าการคืนชีพนั้นเกินจริงไปมาก” แมคดูกัล-แชคเคิลตันกล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทกล่าวว่าเป้าหมายของบริษัทไม่ใช่การนำสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนกับสัตว์ที่สูญพันธุ์ไป 100% กลับมา แต่เพื่อสร้างสัตว์ที่มีลักษณะสำคัญเหมือนสัตว์ต้นฉบับและมีชีวิตอยู่ได้จริง
นอกจากนี้ เทคโนโลยีใหม่ที่ Colossal พัฒนาขึ้น สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการอนุรักษ์นกได้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่ประชากรนกที่มีอยู่มีความแปรปรวนทางพันธุกรรมเพียงเล็กน้อย ตามที่ ค็อก ฟาน โอสเตอร์เฮาต์ ศาสตราจารย์ด้านพันธุศาสตร์วิวัฒนาการ คณะวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยอีสต์แองเกลีย กล่าว
ฟาน โอสเตอร์เฮาต์ เป็นหนึ่งในผู้ได้รับเงินบริจาคจาก Colossal สำหรับงานวิจัยเกี่ยวกับนกพิราบสีชมพูที่ใกล้สูญพันธุ์ เขากล่าวว่าการดัดแปลงยีนของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อาจช่วยให้พวกมันปรับตัวเข้ากับถิ่นที่อยู่อาศัยที่เสื่อมโทรมลงหรือรับมือโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ได้ดีขึ้น
“เราอาจจะสามารถดัดแปลงยีนต้านทานต่อเชื้อโรคบางชนิดที่อยู่ในสายพันธุ์ใกล้เคียงหรือสูญพันธุ์ไปแล้ว มาใส่ในนกทั่วไปก็ได้” ฟาน โอสเตอร์เฮาต์ตั้งข้อสังเกต
อย่างไรก็ตาม เราไม่จำเป็นต้องปล่อยให้สิ่งมีชีวิตสูญพันธุ์ไปก่อน แล้วค่อยมาหากทางคืนชีพพวกมัน เราสามารถช่วยกันป้องกันการสูญพันธุ์ ป้องกันการสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัยได้เลยตั้งแต่ตอนนี้ เพราะเทคโนโลยีไม่สามารถแก้ไขวิกฤติความหลากหลายทางชีวภาพได้
ที่มา: CNN, Independent, The Guardian







