‘โอสถสภา’ แถลงความสำเร็จแห่งการขับเคลื่อนความยั่งยืน

“โอสถสภา” แถลงความสำเร็จแห่งการขับเคลื่อนความยั่งยืนซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ พร้อมสานต่อวิสัยทัศน์ “พลังเพื่อเสริมสร้างชีวิต”
หลักการ ความยั่งยืน เป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนธุรกิจของ โอสถสภา มาโดยตลอด จากจุดกำเนิดร้านขายยาเล็กๆ ที่มาพร้อมปรัชญา “เต๊กเฮงหยู” หรือ เจริญจากการช่วยเหลือผู้อื่น จนก้าวสู่การเป็นบริษัทที่มีอายุกว่า 130 ปี ได้สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างยั่งยืนที่แท้จริง
โอสถสภา ได้ลงพื้นที่จังหวัดอยุธยา บอกเล่าความสำเร็จตามเป้าหมายด้านความยั่งยืนในระยะแรก ในงาน Sustainability at OSP : From Vision to Impacts ยกย่องพลังการทุ่มเทของผู้บริหาร พนักงาน และการผนึกกำลังกับทุกภาคส่วน ทั้งคู่ค้า พันธมิตร รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาสังคม ปัจจุบัน “โอสถสภา” ยังคงสืบสานปรัชญาดั้งเดิม แต่ปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องตามยุคสมัย สู่วิสัยทัศน์ “พลังเพื่อเสริมสร้างชีวิต” เพื่อสร้างประโยชน์แก่ผู้คนในสังคมทุกมิติ
“วิสัยทัศน์ของโอสถสภาคือ มุ่งมั่นเป็นพลังเพื่อเสริมสร้างชีวิตแก่ผู้บริโภค เราได้สร้างวัฒนธรรมองค์กร ปลูกฝังดีเอ็นเอด้านความยั่งยืนโดยเริ่มจากผู้บริหารไปสู่พนักงานทุกคนทั่วทั้งองค์กร ซึ่งถือเป็นการวางรากฐานสำคัญสู่แนวทางการปฏิบัติอย่างแท้จริง” วรรณิภา ภักดีบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) ฉายภาพ
โอสถสภา เริ่มนำหลักการด้าน ความยั่งยืน ผนวกเข้ากับการประกอบธุรกิจอย่างจริงจังในปี 2562 โดยจัดทำ OSP Sustainability Framework เพื่อเป็นกรอบการดำเนินงานในระยะแรก 2562-2568 ครอบคลุมประเด็นสำคัญ 5 ด้าน โดยบรรลุเป้าหมายตามที่วางไว้ ดังนี้
1. การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน (Sustainable Packaging) บริษัทฯ สามารถยกเลิกการใช้พลาสติก PVC ในบรรจุภัณฑ์ทั้งหมด และยังออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ใช้พลาสติกชนิดอื่นๆ น้อยลง ทำให้ลดพลาสติกได้กว่า 14 ตันต่อปี รวมถึงลดน้ำหนักขวดแก้ว M-150 ได้ 15% ซึ่งช่วยลดปริมาณการผลิตแก้วได้กว่า 90 ตันต่อปี เป็นการลดทรัพยากรธรรมชาติในการผลิตและ ลดก๊าซเรือนกระจก จากการผลิตและการขนส่ง
2. การส่งเสริมสุขภาพและสุขภาวะความเป็นอยู่ที่ดีแก่ผู้บริโภค (Consumer Health and Well-Being) บริษัทฯ ได้ปรับสูตรเครื่องดื่มทั้งหมด โดยลดน้ำตาลให้ต่ำกว่า 6% แต่ยังคงรสชาติ ให้พลังงาน และคุณค่าทางโภชนาการสูงดังเดิม ได้การรับรองให้เป็น “เครื่องดื่มทางเลือกสุขภาพ หรือ Thailand Healthier Choice” ในทุกแบรนด์ที่เข้าเกณฑ์
“โอสถสภาใช้เวลากว่า 5 ปี ในการพัฒนาปรับปรุงสูตรเครื่องดื่มบำรุงกำลังและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพทั้งหมดในพอร์ตโฟลิโอเครื่องดื่ม เพื่อลดปริมาณน้ำตาล จากเดิมเฉลี่ย 12.5% จนเหลือต่ำกว่า 6% และโอสถสภาถือเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มบำรุงกำลังรายเดียวในประเทศไทยที่สามารถบรรลุเป้าหมายนี้ในปี 2568”
3. การสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน (Sustainable Supply Chain) โอสถสภาได้ผนึกกับ “คู่ค้าธุรกิจรายย่อย” มุ่งพัฒนาศักยภาพการดำเนินธุรกิจ ยกระดับ “เกษตรกร” กว่า 1,000 ราย ผ่านโครงการต่างๆ เช่น “โครงการพัฒนาเกษตรกรผู้ปลูกวัตถุดิบทางการเกษตร” ช่วยเพิ่มศักยภาพเกษตรกรอ้อยรายเล็กในเรื่องการเกษตรกรรมแบบยั่งยืน การ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในกระบวนการเพาะปลูก ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ได้ผลผลิตที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค
4. การบริหารจัดการน้ำ (Water Management) เนื่องด้วย “โอสถสภา” มีผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเป็นพอร์ตโฟลิโอสำคัญ ได้ตั้งเป้าหมาย ลดการใช้ทรัพยากรน้ำในกระบวนการผลิตให้ได้ 35% ต่อรายได้ ซึ่งปัจจุบันสามารถลดได้ 35.04% เทียบกับปีฐาน 2561
5. พลังงานและการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Energy and Climate Management) โอสถสภาตั้งเป้าหมาย ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก Scope 1 และ 2 ในกระบวนการผลิตให้ได้ 15% ต่อรายได้จากปีฐาน 2565 โดยปัจจุบันสามารถลดได้ 44.33% บันไดขั้นแรกของการเคลื่อน ความยั่งยืน ยังส่งผลให้ “โอสถสภา” คว้ารางวัลจากเวทีต่างๆ เพื่อการันตีความสำเร็จอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะผู้ประเมินความยั่งยืนระดับโลกกับรางวัล Industry Mover จาก S&P Global 2 ปีซ้อน ในปี 2566 และ 2567 “โอสถสภา” ได้สานต่อเป้าหมายระยะยาวปี 2569-2573 พร้อมบรรจุ 2 ประเด็นเพิ่มเติม ได้แก่
1. การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการปฏิบัติต่อแรงงาน (Human Capital Development and Labor Practices) เน้นเรื่องการปลูกฝังวัฒนธรรม ACT โดย A- Achievement ความสำเร็จ C-Consumer-Focus ตระหนักผู้บริโภค และ T-Teamwork ทีมงานเป็นหนึ่งเดียว เพื่อสร้างบริษัทฯ ให้เป็นองค์กรที่เติบโตอย่างไร้ขีดจำกัด
2. การบริหารจัดการของเสีย (Waste Management) รองรับเทรนด์ด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม เริ่มให้ความสำคัญแก่เรื่องนี้ บริษัทฯ จึงยกระดับแนวทางจากการลดการฝังกลบไปสู่การสร้างคุณค่าใหม่ให้กับของเสียตลอดห่วงโซ่คุณค่า หรือ Circular Economy โดยเฉพาะขยะขวดแก้วซึ่งเป็นทรัพยากรที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ไม่รู้จบ และสร้างโอกาสต่อ เศรษฐกิจหมุนเวียน
“ตอนตั้งเป้าหมายเมื่อ 7 ปีก่อน เราต้องตั้งให้ใหญ่พอที่จะเป็นความท้าทาย ตั้งอยู่บนความกล้าที่จะทำขององค์กร เพราะการดำเนินงานด้านนี้ต้องใช้เวลา การทำให้บุคลากรในองค์กรเข้าใจและพร้อมเดินไปข้างหน้าพร้อมกันถือเป็นสิ่งสำคัญ ในปีนี้ที่เราบรรลุเป้าหมายระยะแรกตามที่ตั้งไว้ เป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง สะท้อนจุดเริ่มต้นที่ดี แต่เส้นทางสร้างความยั่งยืนยังอีกยาวไกล และต้องพร้อมปรับตัวตลอดเวลา โดยเฉพาะการก้าวสู่การเป็นองค์กร Carbon Neutral และ Net Zero”







