พลิกโฉม 'หนึ่งสุขภาพ' (One Health) สู่ปฏิบัติการระดับชาติ โมเดลใหม่แก้วิกฤติโรคระบาด

พลิกโฉม 'หนึ่งสุขภาพ' (One Health) สู่ปฏิบัติการระดับชาติ โมเดลใหม่แก้วิกฤติโรคระบาด

ในยุคที่โลกเผชิญวิกฤตซ้อนวิกฤต การรับมือกับโรคระบาดจากสัตว์สู่คน (Zoonoses) กำลังกลายเป็นความท้าทายที่ใหญ่ที่สุด แนวคิด "หนึ่งสุขภาพ" (One Health) ที่เชื่อมโยงสุขภาพของมนุษย์ สัตว์ และสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกัน

KEY

POINTS

  • การนำแนวคิด "หนึ่งสุขภาพ" (One Health) ที่เชื่อมโยงสุขภาพคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม มาใช้รับมือโรคระบาดยังขาดประสิทธิภาพ เนื่องจากหน่วยงานต่างๆ ทำงานแบบแยกส่วน
  • เสนอโมเดลใหม่ "นโยบายเชิงภารกิจ" (Mission-Oriented Policymaking) เพื่อแก้ปัญหา โดยตั้งเป้าหมายใหญ่ร่วมกัน แล้วแบ่งเป็นภารกิจย่อยที่ชัดเจนและวัดผลได้ เพื่อให้ทุกภาคส่วนทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ
  • โมเดลนี้เหมาะกับประเทศไทย โดยจะช่วยให้กระทรวงต่างๆ เช่น สาธารณสุข เกษตรฯ และทรัพยากรฯ มีเป้าหมายร่วมกันที่ชัดเจน เช่น การทำให้ไทยปลอดโรคไข้หวัดนกและพิษสุนัขบ้าภายในปี 2573

ในยุคที่โลกเผชิญวิกฤตซ้อนวิกฤต การรับมือกับโรคระบาดจากสัตว์สู่คน (Zoonoses) กำลังกลายเป็นความท้าทายที่ใหญ่ที่สุด แนวคิด "หนึ่งสุขภาพ" (One Health) ที่เชื่อมโยงสุขภาพของมนุษย์ สัตว์ และสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกันจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง แต่จะทำอย่างไรให้แนวคิดนี้เป็นจริง? ศาสตราจารย์ Mariana Mazzucato นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังเสนอ "นโยบายเชิงภารกิจ" (Mission-Oriented Policymaking) เป็นคำตอบที่จะเปลี่ยนการทำงานแบบแยกส่วนไปสู่การบูรณาการที่ทรงพลัง

One Health จากแนวคิดสู่ความจำเป็นเร่งด่วน

ทุกวันนี้ ร้อยละ 75 ของโรคอุบัติใหม่มีต้นกำเนิดจากสัตว์ (ข้อมูลจากบทความ) และแต่ละปีโรคเหล่านี้สร้างความสูญเสียมหาศาล ทั้งในแง่ของจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิต ความจริงนี้ตอกย้ำว่าสุขภาพของมนุษย์ไม่อาจแยกจากสุขภาพของสัตว์และระบบนิเวศได้อีกต่อไป แม้แนวคิด One Health จะเป็นที่ยอมรับ แต่การนำไปปฏิบัติยังคงเป็นไปอย่างเชื่องช้าและไร้ทิศทาง เพราะแต่ละหน่วยงานยังคงทำงานใน "กรอบความคิดแบบแยกส่วน" (Silos) ซึ่งทำให้การรับมือกับปัญหาระดับระบบเป็นเรื่องยาก

โมเดลเชิงภารกิจ กลไกใหม่ในการขับเคลื่อน

มาริอานา มัซซูคาโต นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง กล่าวว่า "นโยบายเชิงภารกิจ" ซึ่งไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นกลไกที่ช่วยรวมพลังจากหลายภาคส่วนให้มุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน โดยเริ่มจาก "ความท้าทายใหญ่" (Grand Challenge) ที่ทุกคนมีส่วนร่วมได้ ตัวอย่างเช่น การกำหนดภารกิจใหญ่ของ One Health คือ "การป้องกันและบรรเทาการระบาดของโรคจากสัตว์สู่คนและวิกฤตสุขภาพที่เกิดจากระบบนิเวศที่เสื่อมโทรม"

หลังจากกำหนดความท้าทายใหญ่แล้ว จึงแตกออกเป็น "ภารกิจ" (Missions) ที่มีความชัดเจน วัดผลได้ และมีกรอบเวลาที่แน่นอน เช่น “การพัฒนาระบบเตือนภัยล่วงหน้าแบบบูรณาการสำหรับโรคอุบัติใหม่ในพื้นที่เสี่ยงภายในปี 2573” ภารกิจนี้จะนำไปสู่ "โครงการ" (Projects) ย่อยๆ ที่ลงมือปฏิบัติจริง เช่น โครงการ USAID PREDICT ที่สร้างเครือข่ายแบ่งปันข้อมูลเพื่อตรวจจับไวรัสในแหล่งกำเนิด หรือโครงการ AGROMIX Pilot Projects ที่ทดลองการทำเกษตรแบบผสมผสานเพื่อลดความเสี่ยง

ประเทศไทยกับการประยุกต์ใช้โมเดลเชิงภารกิจ

ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการนำแนวคิดนี้มาปรับใช้ เนื่องจากไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง และเผชิญความเสี่ยงจากโรคอุบัติใหม่ที่เกิดจากสัตว์และสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง การประยุกต์ใช้โมเดลเชิงภารกิจในไทยจะช่วย

  1. เชื่อมโยงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง: แทนที่กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะทำงานแยกกัน การมี "ภารกิจ" ร่วมกันจะช่วยให้เกิดการทำงานข้ามสายงาน เช่น การสร้างฐานข้อมูลร่วมกันเกี่ยวกับโรคในสัตว์ป่าและปศุสัตว์
  2. สร้างเป้าหมายร่วมกัน: การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น "ประเทศไทยปลอดโรคไข้หวัดนกและโรคพิษสุนัขบ้าภายในปี 2573 " จะช่วยให้ทุกหน่วยงานมีทิศทางเดียวกันและใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  3. กระตุ้นนวัตกรรม: ภารกิจที่ท้าทายจะผลักดันให้เกิดการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น การพัฒนาระบบเฝ้าระวังโรคแบบเรียลไทม์ (Real-time Surveillance System) หรือการส่งเสริมการทำเกษตรเชิงนิเวศที่ลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโรค

ก้าวต่อไปเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

การเปลี่ยนผ่านสู่ "One Health เชิงภารกิจ" ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรับมือกับความท้าทายที่ซับซ้อนในอนาคต มันต้องอาศัยเจตจำนงทางการเมืองที่เข้มแข็ง ความไว้วางใจระหว่างภาคส่วน และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน เช่น ระบบข้อมูลที่สามารถทำงานร่วมกันได้

การตั้งเป้าหมายที่กล้าหาญและวัดผลได้ จะเป็นพลังขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง และนำไปสู่อนาคตที่มนุษย์สามารถคาดการณ์ความเสี่ยงก่อนที่จะกลายเป็นวิกฤตใหญ่ สุขภาพของมนุษย์และโลกใบนี้จะเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน และการทำงานร่วมกันจะเข้ามาแทนที่การรับมือแบบแยกส่วน

ที่มา : Global Shaper, Sydney HubGlobal Shapers Community