เป้าหมายความยั่งยืนกระเตื้องแค่35% WEFเปิดเวทีคู่ขนานUNถกทางออก

เป้าหมายความยั่งยืนกระเตื้องแค่35%   WEFเปิดเวทีคู่ขนานUNถกทางออก

โลกกำลังยืนอยู่บนทางแยก ทั้งการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ จากปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจแบบเดิมๆต้องเผชิญความท้าทายจากพลวัตทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังเคลื่อนตัวในหลายพื้นที่ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว และผลกระทบที่รุนแรงขึ้นจากวิกฤติสภาพภูมิอากาศ

ในโอกาสที่ สหประชาชาติหรือยูเอ็น กำลังฉลองครบรอบ 80 ปี  มีคำถามว่ายูเอ็นมีแผนรองรับการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่กำลังเกิดขึ้นอย่างไร  เพราะการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังกำหนดทิศทางเศรษฐกิจโลก ตั้งแต่การเติบโตที่เชื่องช้าไปจนถึงพลวัตทางการค้าที่ซับซ้อน จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างภาครัฐและเอกชน 

ขณะที่ผู้นำโลกมารวมตัวกันที่นิวยอร์กเพื่อร่วมสัปดาห์ระดับสูงประจำปีของ  สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) ระหว่างวันที่ 22-30 ก.ย.2568 นั้น สภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ได้จัดการประชุมผลกระทบต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDIM) เพื่อช่วยขับเคลื่อนความร่วมมือและความร่วมมือในการรับมือกับความท้าทายระดับโลกที่เร่งด่วนที่สุด ตั้งแต่วิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรม ไปจนถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบมีส่วนร่วม และการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ

   "ปีนี้ครบรอบ 80 ปีนับตั้งแต่การก่อตั้งสหประชาชาติ และ ครบ10 ปีแล้วนับตั้งแต่ที่สหประชาชาติได้กำหนดวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 หรือ เป้าหมายเพื่อความยั่งยืน (SDG)  ขึ้นในปี ค.ศ. 2015 ดังนั้น เหลือเวลาอีกเพียง 5 ปี  ทุกฝ่ายจึงต้องหันมาสร้างความไว้วางใจและความร่วมมือเพื่อหาทางออกร่วมกัน

ทำไมต้องกังวลถึงการบรรลุเป้าหมายSDGs

รายงานเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติ ค.ศ. 2025 นำเสนอการประเมินความก้าวหน้าระดับโลกอย่างมีวิจารณญาณ โดยเน้นย้ำถึงข้อกังวลเร่งด่วนและความสำเร็จอย่างต่อเนื่องหลายประการ

เป้าหมาย SDG เพียง 35% เท่านั้นที่เป็นไปตามเป้าหมายหรือแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าเล็กน้อย เกือบครึ่งหนึ่งกำลังดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ขณะที่ 18% กำลังดำเนินไปในทิศทางตรงกันข้าม ซึ่งบ่งชี้ถึงอุปสรรคสำคัญในบางด้าน ประชากรกว่า 800 ล้านคนยังคงตกอยู่ในภาวะยากจนขั้นรุนแรง และ 1 ใน 12 ยังคงเผชิญกับความหิวโหย

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางข่าวร้ายก็ยังมีข่าวดีที่ยูเอ็นพบว่า โลกได้ก้าวหน้าในการขยายการเข้าถึงการศึกษา การพัฒนาสุขภาพมารดาและเด็ก และการเชื่อมต่อช่องว่างทางดิจิทัล

ภาระของโรคติดเชื้อ เช่น เอชไอวีและมาลาเรีย ลดลงด้วยความพยายามในการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ ,การเข้าถึงไฟฟ้ายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากพลังงานหมุนเวียนเป็นแหล่งพลังงานที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกในปัจจุบัน

"สหประชาชาติมีอายุ 80 ปี กำลังเผชิญกับช่วงเวลาแห่งความผันผวน โดยอนาคตของความร่วมมือพหุภาคียังคงมีความไม่แน่นอน การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนนั้นขึ้นอยู่กับความร่วมมือแบบมีส่วนร่วมมากกว่าที่เคย ซึ่งรวมเอารัฐบาล ภาคเอกชน องค์กรระหว่างประเทศ และภาคประชาสังคมเข้าไว้ด้วยกันในฐานะหุ้นส่วนสำคัญควบคู่ไปกับการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก" 

ด้านการประชุมประจำปีเกี่ยวกับผลกระทบต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDIM) ของWEFจะรวบรวมผู้นำธุรกิจ ผู้กำหนดนโยบาย องค์กรระหว่างประเทศและองค์กรภาคประชาสังคม นักนวัตกรรม และผู้ประกอบการทางสังคม เพื่อร่วมเสวนาผู้นำที่ขับเคลื่อนด้วยผลกระทบที่คัดสรรมาอย่างดี

การประชุมดังกล่าวจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-26 ก.ย. โดยเน้นย้ำถึงแนวทางที่ฟอรัมและพันธมิตรกำลังขับเคลื่อนการดำเนินการในทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) พร้อมกับพันธสัญญาใหม่ที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง