โจทย์ท้าทายแต่ละจังหวัด SDG Localisation เร่งเครื่องปกป้องกลุ่มเปราะบาง

โครงการ “SDG Localisation” ระยะที่ 2 เปิดตัวเพื่อนำข้อมูลความก้าวหน้าด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับจังหวัด (SDG Profile) มาใช้ในการวางแผนนโยบายและส่งเสริมการลงทุนให้เกิดผลจริง
KEY
POINTS
- โครงการ “SDG Localisation” ระยะที่ 2 เป็นความร่วมมือระหว่าง UNDP, EU และกระทรวงมหาดไทย เพื่อนำข้อมูลความก้าวหน้าด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Profile) มาใช้แก้ปัญหาและวางแผนนโยบายในระดับจังหวัด
- ความท้าทายสำคัญคือปัญหา "ความเหลื่อมล้ำ" ที่ทำให้การพัฒนาเข้าไม่ถึงกลุ่มเปราะบาง ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติต่างๆ มากที่สุดและต้องการการปกป้องอย่างเร่งด่วน
- ข้อมูล SDG Profile ชี้ให้เห็นโจทย์ท้าทายที่แตกต่างกันในแต่ละจังหวัด เช่น ปัญหาความยากจนในนครราชสีมาและภูเก็ต ปัญหาเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมในเชียงใหม่ และปัญหาการจ้างงานในนราธิวาส
โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme: UNDP) ด้วยการสนับสนุนจากสหภาพยุโรป (EU) และความร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทย ได้เปิดตัวโครงการ “SDG Localisation” ระยะที่ 2 อย่างเป็นทางการ เพื่อต่อยอดความสำเร็จจากระยะแรกที่ได้จัดทำ "ข้อมูลความก้าวหน้าด้านเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับจังหวัด" (SDG Profile) ใน 15 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน นครราชสีมา นราธิวาส ปัตตานี เพชรบุรี ภูเก็ต สงขลาสุราษฎร์ธานี ตาก อุบลราชธานี อุดรธานี และยะลา
เปลี่ยนเป้าหมาย SDGs สู่การทำจริง
"สันติธร ยิ้มละมัย" รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ระยะใหม่ของโครงการ SDG Localisation องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคือหัวใจสำคัญของการเดินหน้าพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทย
“กระทรวงมหาดไทยเชื่อว่าการสนับสนุนผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานท้องถิ่นด้วยเครื่องมือและศักยภาพในการเปลี่ยนเป้าหมาย SDGs ให้เป็นการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม ประเทศไทยจะสามารถเร่งรัดความก้าวหน้าในประเทศ และยังเป็นแบบอย่างระดับภูมิภาคสำหรับการเติบโตที่ยั่งยืนและครอบคลุมได้”
ในระยะที่ 2 นี้ จะมุ่งเน้นการนำฐานข้อมูล SDG Profile ซึ่งเปรียบเสมือนเข็มทิศชี้วัดความก้าวหน้าและโอกาสของแต่ละพื้นที่ มาใช้เป็นเครื่องมือในการวางแผนนโยบาย จัดสรรงบประมาณ และส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนจากทั้งภาครัฐและเอกชนในระดับจังหวัด การใช้ข้อมูลเชิงลึกระดับพื้นที่จะช่วยให้การพัฒนาโครงการต่างๆ สามารถตอบโจทย์และแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด โดยมีผู้แทนจาก 7 จังหวัด หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมหลากหลายกลุ่มเข้าร่วมแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์
ลงทุนด้าน SDGs ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
"นีฟ คอลิเออร์-สมิธ" ผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ประจำประเทศไทยนีฟ กล่าวว่า ก้าวใหม่ของความร่วมมือระหว่างสหภาพยุโรป กับ UNDP และประเทศไทยในครั้งนี้คือการเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกของเป้าหมาย SDGs ให้กลายเป็นการลงทุนด้าน SDGs
"เราจะทำงานร่วมกันเพื่อเสริมสร้างข้อมูลท้องถิ่น ออกแบบโครงการบูรณาการ และสร้างสรรค์แนวทางด้านการเงินใหม่ ๆ เพื่อให้ทั้งภาครัฐและเอกชนเข้ามาลงทุนในเป้าหมาย SDGs ของประเทศไทยได้สะดวกมากขึ้น"
"ซาร่า เรโซอาญิ" อุปทูตรักษาการสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างสหภาพยุโรป UNDP และกระทรวงมหาดไทยผ่านโครงการ SDG Localisation ผ่านการเสริมสร้างความเข้มแข็งของข้อมูลระดับพื้นที่ และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมและการขับเคลื่อนความยั่งยืนของทุกภาคส่วนในพื้นที่ นำมาสู่ผลลัพธ์ที่ช่วยให้ประเทศไทยเดินหน้าสู่อนาคตที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
แม้ความสำเร็จจากระยะแรก ที่ตัวเลขความยากจนของไทยจะลดลง แต่ความท้าทายสำคัญต่อความยั่งยืนของประเทศยังคงอยู่ สิ่งนั้นคือปัญหา "ความเหลื่อมล้ำ" ที่ทำให้การพัฒนาไปไม่ถึงทุกคน โอกาสในการเข้าถึงบริการพื้นฐานที่จำเป็นอย่างการศึกษา การสาธารณสุข หรือแหล่งทุนที่ไม่เท่ากัน ทำให้กลุ่มคนที่เปราะบางอยู่แล้ว ยิ่งเสียเปรียบและก้าวตามการพัฒนาไม่ทัน
สำหรับกลุ่มเปราะบาง เมื่อต้องเผชิญกับวิกฤติเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี หรือปัญหาสุขภาพ พวกเขาจึงเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดและใช้เวลาฟื้นตัวนานที่สุด
ตัวอย่างสถานการณ์แต่ละจังหวัด
จากรายงาน SDG Profiles - 15 Pilot Provinces in Thailand 'กรุงเทพธุรกิจ' ยกตัวอย่างข้อมูลความคืบหน้าและความท้าทาย 6 จังหวัด ดังนี้
กรุงเทพฯ
กรุงเทพมหานครในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจ การปกครอง และการท่องเที่ยวของประเทศ เผชิญทั้งโอกาสและความท้าทายในการพัฒนาที่ยั่งยืน จากการวิเคราะห์ตัวชี้วัด SDGs จำนวน 161 ข้อ พบว่ามี 58 ข้อที่เปรียบเทียบได้กับระดับประเทศ
โดย กทม. มีผลการดำเนินงานสูงกว่าค่าเฉลี่ยในหลายด้าน เช่น การลดความยากจน สุขภาพ การศึกษา โครงสร้างพื้นฐาน เมืองยั่งยืน และการแก้ปัญหาโลกร้อน แต่ยังมีจุดอ่อนสำคัญในเรื่องพลังงานสะอาด งานและเศรษฐกิจที่ทั่วถึง การบริโภคและผลิตที่รับผิดชอบ และการอนุรักษ์ชีวิตบนบก
ประชาชนเห็นว่าประเด็นเร่งด่วนที่สุดคือ การแก้ความยากจน สุขภาพ การศึกษา การรับมือโลกร้อน และการสร้างงานคุณภาพ ขณะเดียวกัน กทม. ยังเผชิญความท้าทายเชิงโครงสร้าง เช่น ความเหลื่อมล้ำ คนจนเมือง ประชากรแฝง สังคมสูงวัย และการจัดการสิ่งแวดล้อมในเมืองใหญ่ โดยจำเป็นต้องอาศัยข้อมูลเปิดที่ละเอียด และการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนเมืองสู่ความยั่งยืนในอนาคต
เชียงใหม่
ในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจทางภาคเหนือ เผชิญทั้งโอกาสและความท้าทายในการพัฒนาที่ยั่งยืน จากการวิเคราะห์ตัวชี้วัด SDGs พบว่ามีผลการดำเนินงานต่ำกว่าค่าเฉลี่ยประเทศในหลายด้านที่สำคัญ โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ความยากจน พลังงานสะอาด อุตสาหกรรม เมืองที่ยั่งยืน และการแก้ปัญหาโลกร้อน
ส่วนความคิดเห็นของประชาชนมองว่าประเด็นเร่งด่วนที่สุดคือความยากจน การแก้ปัญหาโลกร้อน การบริโภคและผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ และการศึกษาที่มีคุณภาพ เพื่อแก้ไขปัญหาและปิดช่องว่างที่เกิดขึ้น
เชียงใหม่ควรเน้นการเข้าถึงบริการพื้นฐานของรัฐ โดยเฉพาะสำหรับคนในพื้นที่ป่า รวมถึงส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์บนพื้นฐานวัฒนธรรมล้านนา และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ ควรมีการจัดเก็บข้อมูลที่ครบถ้วนมากขึ้นเพื่อประเมินผลได้อย่างแม่นยำ
นครราชสีมา
ฐานะศูนย์กลางการพัฒนาทางเศรษฐกิจของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เผชิญความท้าทายในการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะการจัดการปัญหาความยากจนและความหิวโหย จากการวิเคราะห์ตัวชี้วัด SDGs พบว่ามีผลการดำเนินงานต่ำกว่าค่าเฉลี่ยประเทศในด้านที่สำคัญ ได้แก่ ความยากจน ความอดอยาก และชีวิตบนบก ซึ่งสอดคล้องกับความคิดเห็นของประชาชนที่มองว่าประเด็นเร่งด่วนที่สุดคือความยากจนและความอดอยาก และเป็นสองประเด็นที่ประชาชนไม่พึงพอใจต่อการดำเนินงานของภาครัฐมากที่สุด
เพื่อแก้ไขปัญหาและปิดช่องว่างที่เกิดขึ้น นครราชสีมาจึงจำเป็นต้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาความยากจนและความอดอยากอย่างเร่งด่วน รวมถึงประเด็นด้านสาธารณสุขและการศึกษาที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ ควรมีการจัดเก็บข้อมูลที่ครบถ้วนมากขึ้นเพื่อประเมินผลได้อย่างแม่นยำและเป็นไปตามแผนการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดที่มุ่งเน้นการสร้างผลิตภาพและเศรษฐกิจฐานความรู้
นราธิวาส
นราธิวาสเป็นจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีความท้าทายเชิงโครงสร้างในหลายมิติ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง จากการวิเคราะห์ตัวชี้วัด SDGs พบว่ามีผลการดำเนินงานต่ำกว่าค่าเฉลี่ยประเทศอย่างมีนัยสำคัญในหลายด้าน โดยเฉพาะความยากจน งานที่ดี พลังงานสะอาด และการลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งประชาชนก็เห็นว่าเป็นประเด็นเร่งด่วนที่สุดเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องการจ้างงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ประชาชนไม่พึงพอใจต่อการดำเนินงานของภาครัฐมากที่สุด
นอกจากนี้ยังมีปัญหาด้านการศึกษาและชีวิตบนบกที่ยังต้องเร่งแก้ไข ในขณะที่ปัญหาด้านสุขภาพเป็นเพียงด้านเดียวที่ประชาชนเห็นว่าจังหวัดดำเนินการได้สอดคล้องกับความคาดหวัง เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ นราธิวาสจำเป็นต้องเร่งสร้างความมั่นคงทางอาชีพและส่งเสริมสวัสดิการสังคม รวมถึงยกระดับคุณภาพการศึกษาและการมีส่วนร่วมของประชาชนในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และที่สำคัญคือการส่งเสริมสันติภาพเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและการท่องเที่ยว
เพชรบุรี
เพชรบุรีเป็นจังหวัดที่มีเศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่องแต่เผชิญกับความท้าทายสำคัญในการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะการจัดการปัญหาความยากจนและความหิวโหย จากการวิเคราะห์ตัวชี้วัด SDGs พบว่ามีผลการดำเนินงานต่ำกว่าค่าเฉลี่ยประเทศในประเด็นด้านสันติภาพ ยุติธรรม และสถาบันที่เข้มแข็ง ซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างสำคัญที่ต้องแก้ไข
ในขณะเดียวกันประชาชนมองว่าประเด็นเร่งด่วนที่สุดคือการขจัดความยากจนและความหิวโหย ซึ่งเป็นสองประเด็นที่ประชาชนไม่พึงพอใจต่อการดำเนินงานของภาครัฐมากที่สุด โดยมีช่องว่างสูงถึง 4.48 และ 3.77 คะแนนตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีปัญหาด้านมลพิษจากอุตสาหกรรม และคุณภาพของดินที่เสื่อมโทรมส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตร เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เพชรบุรีจำเป็นต้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาความยากจนและความหิวโหย รวมถึงการจัดการปัญหามลพิษและส่งเสริมการเกษตรที่ยั่งยืน
ภูเก็ต
ภูเก็ตเป็นจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญและเป็นหนึ่งในพื้นที่นำร่องของโครงการ SDG Localisation ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการพัฒนาที่ยั่งยืน อย่างไรก็ตาม ประชาชนยังมองว่ามีประเด็นเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข โดยเฉพาะความยากจน ซึ่งมีช่องว่างระหว่างความต้องการกับการดำเนินงานของรัฐมากที่สุด
นอกจากนี้ยังรวมถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ งานที่ดี และสุขภาพที่ดี ซึ่งมีช่องว่างรองลงมา แม้ว่าประชาชนจะเห็นว่าภาครัฐมีการดำเนินการในเรื่องการบริโภคและผลิตที่รับผิดชอบ การศึกษาที่มีคุณภาพ และชีวิตบนบก แต่ผลลัพธ์ที่ได้ยังไม่เป็นที่น่าพอใจนัก เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในภูเก็ต ประชาชนเห็นว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการกระจายอำนาจการบริหารราชการและทรัพยากรท้องถิ่น การพัฒนาและปรับปรุงนโยบายท้องถิ่นให้เหมาะสม และการเพิ่มความโปร่งใสในการบริหารจัดการเพื่อป้องกันการทุจริต
ผู้เขียน: ศุภชัย วงษ์โนนงิ้ว นักศึกษาฝึกงาน กรุงเทพธุรกิจ







