ภูเก็ตเตรียม Boat Taxi รับ-ส่งทางน้ำ สนามบิน-ชายหาด 14 จุด แก้รถติดเรื้อรัง

ภูเก็ตเตรียม Boat Taxi รับ-ส่งทางน้ำ สนามบิน-ชายหาด 14 จุด แก้รถติดเรื้อรัง

ภูเก็ตเตรียมเปิดบริการ "Boat Taxi" เพื่อแก้ปัญหารถติด โดยเชื่อมต่อการเดินทางทางน้ำจากสนามบินไปยังชายหาดต่างๆ 14 จุด เส้นทางนำร่องจากหาดในยาง (ใกล้สนามบิน) ไปยังหาดป่าตอง จะใช้เวลาเดินทางเพียง 40 นาที

KEY

POINTS

  • ภูเก็ตเตรียมเปิดบริการ "Boat Taxi" เพื่อแก้ปัญหารถติด โดยเชื่อมต่อการเดินทางทางน้ำจากสนามบินไปยังชายหาดต่างๆ 14 จุด
  • เส้นทางนำร่องจากหาดในยาง (ใกล้สนามบิน) ไปยังหาดป่าตอง จะใช้เวลาเดินทางเพียง 40 นาที ซึ่งเร็วกว่าทางรถยนต์ที่อาจใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมง
  • โครงการมีแผนพัฒนาท่าเรือ 14 จุดรอบเกาะ ครอบคลุมหาดท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ป่าตอง, กะรน, กะตะ, และบางเทา
  • การให้บริการเส้นทางฝั่งตะวันตกจะจำกัดเฉพาะช่วงฤดูท่องเที่ยว (พฤศจิกายน-เมษายน) เนื่องจากสภาพอากาศในฤดูมรสุม

ภูเก็ตเดินหน้าผลักดันแผนยุทธศาสตร์ สร้างภาพลักษณ์จังหวัดภูเก็ตให้เป็น Premium Destination และเมืองท่องเที่ยวระดับโลกอย่างยั่งยืน ด้วยการเปิดโครงการ “Boat Taxi” เชื่อมโยงการคมนาคมทางน้ำรอบเกาะ พร้อมติดตามความคืบหน้าการแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งในอุทยานแห่งชาติสิรินาถ โดยมีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในวันที่ 12 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ระหว่างจังหวัดภูเก็ต กับ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

เดินเรือเส้นทางนำร่อง “สนามบิน–ป่าตอง”

โครงการจะเปิดเส้นทางเดินเรือนำร่องจาก หาดในยาง ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ ใกล้สนามบินนานาชาติภูเก็ต ไปยัง หาดป่าตอง ระยะทาง 16.7 ไมล์ทะเล ใช้เวลาเดินทางเพียง 40 นาที

เมื่อเทียบกับการเดินทางทางถนน ปกติใช้เวลา ประมาณ 45 นาทีถึง 1 ชั่วโมง แต่ในชั่วโมงเร่งด่วนอาจใช้เวลาถึง 1 ชั่วโมง 30 นาที – 3 ชั่วโมง ดังนั้นการใช้เรือจึงช่วยประหยัดเวลาและลดความแออัดบนถนนได้อย่างมาก

อย่างไรก็ตามราคาค่าโดยสารยังไม่มีการประกาศราคาทางการ แต่หากเดินทางโดย Taxi Car สนามบิน–ป่าตอง) ค่าโดยสารเฉลี่ย 800–1,000 บาท ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร ใช้เวลาเดินทาง 1.30 – 2 ชั่วโมง

จำกัดฤดูกาลเดินเรือ

เส้นทางทางน้ำด้านฝั่งตะวันตกจะเปิดบริการเฉพาะในช่วง High Season (พฤศจิกายน–เมษายน) เนื่องจากสภาพอากาศในฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ไม่เหมาะสมต่อการเดินเรือ

การพัฒนาท่าเรือ–ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

เบื้องต้นได้กำหนดพื้นที่ท่าเรือเชื่อมต่อ 14 จุดรอบเกาะภูเก็ต ครอบคลุมจุดท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ หาดในยาง, ในทอน, บางเทา, กมลา, ป่าตอง, กะรน, กะตะ และในหาน

ทั้งนี้ มีมาตรการประเมินผลกระทบด้านนิเวศ โดยเฉพาะพื้นที่วางไข่ของ เต่าทะเล รวมถึงการติดตั้งทุ่นผูกจอดเรือและท่าเทียบเรืออย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งอุทยานแห่งชาติสิรินาถได้ดำเนินการขออนุญาตแล้ว

สถิติที่เกี่ยวข้อง

ตัวเลขที่ช่วยแสดงให้เห็น “แรงกดดัน” ที่มีต่อระบบขนส่งและถนนของภูเก็ต มีดังนี้

จำนวนรถจดทะเบียนในภูเก็ต

  • ข้อมูลจากสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต ณ วันที่ 22 ธันวาคม 2567 (ปีที่แล้ว) ระบุว่า มีรถยนต์ที่จดทะเบียนถูกกฎหมายบนเกาะภูเก็ต ประมาณ 503,504 คัน ซึ่งแปลว่า ภาระรถยนต์บนถนนมีสูง และเมื่อนักท่องเที่ยวรวมเข้ามาในฤดูท่องเที่ยว ความหนาแน่นจราจรยิ่งเพิ่มขึ้นมาก
  • ระยะเวลาเดินทางโดยรถยนต์จากสนามบินไปป่าตอง

จำนวนประชากร

  • จังหวัดภูเก็ตมีประชากรประมาณ 429,583 คน (ข้อมูลปี 2024) 

จำนวนนักท่องเที่ยว

  • จังหวัดภูเก็ตต้อนรับนักท่องเที่ยวกว่า 2.4 ล้านคนในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 (ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤษภาคม) ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 โดยมีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมกว่า 149,384 ล้านบาท
  • ช่วงวันหยุดติดต่อกันหลายวัน จะมีความหนาแน่นของนักท่องเที่ยวในภูเก็ตมากว่าช่วงปกติ

รถโดยสารสาธารณะ

  • รถยนต์บริการ (ป้ายเขียว) รถโดยสารไม่ประจำทาง ในภูเก็ตก็มีจำนวนประมาณ 4,300 คัน และรถโดยสารไม่ประจำทางประมาณ 6,800 คัน

ภูเก็ตเตรียม Boat Taxi รับ-ส่งทางน้ำ สนามบิน-ชายหาด 14 จุด แก้รถติดเรื้อรัง

ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้แก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณหาดทรายแก้ว โดยใช้วิธีการติดตั้ง รั้วดักทราย (Sand Fence) ซึ่งเป็นมาตรการสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

มีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูสภาพชายหาดและระบบนิเวศที่ถูกกัดเซาะให้กลับคืนสู่ความอุดมสมบูรณ์ และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน โดยรั้วดักทรายจะช่วยลดแรงปะทะของคลื่นและกักเก็บตะกอนทรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

รายงานผลการดำเนินงานระบุว่า โครงการในระยะที่ 1 ได้ติดตั้งรั้วดักทรายไปแล้ว 500 เมตร และสามารถเก็บทรายได้สะสมเฉลี่ย 30-50 เซนติเมตร ซึ่งช่วยลดการกัดเซาะลงได้อย่างชัดเจน โดยพื้นที่ที่มีการติดตั้งรั้วดักทรายถูกกัดเซาะเพียง 1-3 เมตร

ในขณะที่พื้นที่ข้างเคียงที่ไม่มีรั้วดักทรายถูกกัดเซาะถึง 10-13 เมตร ในช่วงฤดูมรสุมนอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะขยายผลการดำเนินงานในระยะที่ 2 โดยจะเพิ่มการติดตั้ง "รั้วไม้ดักทรายแบบซิกแซก" อีก 1,150 เมตร เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงมากขึ้น